หัวข้อ: น้ำปานะทรงเสวยของสมเด็จพระสังฆราช กับเรื่องสำคัญที่คนทำบุญต้องรู้ การถวายน้ำปานะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 10, 2017, 07:07:37 am (http://img.tnews.co.th/large/tnews_1500630708_7904.jpg) น้ำปานะทรงเสวยของสมเด็จพระสังฆราช! กับเรื่องสำคัญที่คนทำบุญต้องรู้!! ถวายน้ำปานะแด่พระภิกษุ ทำอย่างไรจึงถูกต้อง ในเพจ ป๊อปวัดบวร ได้โพสเรื่องเกี่ยวกับน้ำปานะไว้น่าสนใจดังนี้ ภาพในอดีตที่ได้เห็นแล้วต้องให้นึกถึงวันเก่าที่เหมือนจะพึ่งผ่านมาไม่นาน หลังจากที่ทรงรับแขก และเสวยพระกระยาหารในช่วงเช้าแล้วเสร็จ จะทรงพักผ่อนอยู่ที่ชั้นล่างของตำหนักคอยท่าปราโมช ช่วงเวลาเที่ยงของทุกวัน ลูกศิษย์จะยกน้ำปานะขึ้นไปถวาย พระองค์ท่านจะทรงเสวยน้ำมะม่วง ๑ แก้ว น้ำชา ๑ แก้ว น้ำมะม่วงจึงเป็นน้ำปานะที่ทรงเสวยอยู่ในทุกวันหลังช่วงเที่ยง โยมอุปัฏฐาก ได้ซื้อเครื่องแยกกากผลไม้มาเพื่อคั้นน้ำผลไม้แยกกาก สำหรับถวายพระองค์ท่าน สมัยนั้นเจ้าเครื่องแยกกาก ที่เมืองไทยยังไม่มีวางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย เป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยสำหรับเด็กวัดที่จะได้เล่นกันทุกวัน ไม่เคยมีใครสงสัยว่าทำไมจึงต้องแยกกาก แค่สนุกไปกับการได้เล่นนวัตกรรมชิ้นหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในห้องครัว วัดบวรนิเวศวิหาร จนกระทั่งได้รับการสอนว่า น้ำปานะ ในบัญญัติต้องไม่มีกาก และตอนฉันนั้นพระต้องนั่งเพื่อสำรวม ไม่เดิน ไม่ยืนฉัน น้ำปานะ คือ เครื่องดื่มที่คั้นจากลูกไม้ หรือ น้ำคั้นผลไม้ จัดเป็น "ยามกาลิก" คือ ของที่พระภิกษุสงฆ์รับประเคนไว้แล้ว @@@@@@ ฉันในช่วงหลังเที่ยงไปได้ทั้งวันทั้งคืนก่อนรุ่งเช้า ผู้บัญญัติให้เกิดมีการดื่มน้ำปานะขึ้นเป็นท่านแรกคือ “เกณยชฎิล” ปรากฏหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎกพระวินัย เล่มที่ ๕ ข้อที่ ๘๖ ว่า พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตน้ำปานะ หรือน้ำดื่ม ๘ ชนิด คือ ๑. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลมะม่วง ๒. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลหว้า ๓. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลกล้วยมีเมล็ด ๔. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลกล้วยไม่มีเมล็ด ๕. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลมะซาง ๖. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลจันทน์ หรือผลองุ่น ๗.น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลเหง้าบัว ๘. น้ำปานะ ที่ทำด้วยผลมะปราง หรือผลลิ้นจี่ - และทรงอนุญาตน้ำผลไม้ทุกชนิด ยกเว้นน้ำต้มเมล็ดข้าวเปลือก และผลไม้ที่มีผลใหญ่กว่าผลมะตูม หรือผลมะขวิด - น้ำใบไม้ทุกชนิด น้ำผักดอง น้ำดอกไม้ทุกชนิด เว้นน้ำดอกมะซาง - และทรงอนุญาตน้ำอ้อยสด เว้นผลไม้ที่มีผลใหญ่กว่าผลมะตูม หรือผลมะขวิด วิธีทำก็ต้องคั้นเอาแต่น้ำ และกรองให้ไม่มีกาก จะทำให้สุกด้วยแสงอาทิตย์ก็ได้ แต่ห้ามผ่านการสุกด้วยไฟ สรุปได้ว่า ในเวลาวิกาลพระท่านสามารถดื่มน้ำผลไม้ได้ทุกชนิด @@@@@@ น้ำที่ห้ามพระสงฆ์ดื่มในยามวิกาล - น้ำจากมหาผล คือ ผลไม้ใหญ่ ๙ ชนิด คือ ผลตาล ผลมะพร้าว ผลขนุน ผลสาเก น้ำเต้า ฟักเขียว แตงไทย แตงโม และฟักทอง - น้ำที่ได้จากธัญชาติ ๗ ชนิด มี ข้าวสาลี ข้าวเปลือก หน้ากับแก้ ข้าวละมาน ลูกเดือย ข้าวแดง ข้าวฟ่าง - น้ำที่ได้จากพืชจำพวกถั่ว มีถั่วเขียว ถั่วเหลือง เป็นต้น รวมถึงน้ำนมสด ก็ไม่จัดเป็นน้ำปานะ เพราะนมสดถือเป็นโภชนะ (คืออาหาร) อันประณีต ไม่ควรดื่มในเวลาวิกาล - ส่วนโภชนะอันประณีตอีก ๕ อย่าง คือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย แม้จะเป็นอาหาร แต่ก็เป็นเภสัช คือ ยาด้วย พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ฉันได้ทั้งในกาลและวิกาล คือฉันได้ไม่จำกัดเวลา - มาถึงตรงนี้แล้ว ก็เป็นอันเข้าใจได้เลยว่า ทั้งนม, น้ำเต้าหู้, นมถั่วเหลือง, โอวัลติน กาแฟ ไม่จัดว่าเป็นน้ำปานะ ฉะนั้นจะจัดน้ำปานะถวายพระก็ต้องระวังกันด้วยนะครับ เดียวจะบาปไม่รู้ตัว ที่มา FB :เพจป๊อปวัดบวร และ FB หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives ได้แชร์รูปภาพของ Sommai Thammachai เรียบเรียงโดย ไญยิกา เนื่องจำนงค์ : สำนักข่าวทีนิวส์ http://www.tnews.co.th/contents/339479 (http://www.tnews.co.th/contents/339479) หัวข้อ: Re: น้ำปานะทรงเสวยของสมเด็จพระสังฆราช กับเรื่องสำคัญที่คนทำบุญต้องรู้ การถวายน้ำปานะ เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ สิงหาคม 10, 2017, 08:52:56 pm สาธุ สาธุ
รู้สึกยินดี ที่ได้รับทราบ ครับ ....คราที่ ครูเคย พาไปเที่ยว ถ้ำพระอรหันต์ ลพบุรี เค้ามีน้ำปานะ หม้อใหญ่เชียว ครานั้นใกล้จะค่ำแล้ว ผมได้ชิม ปานะ แก้วหนึ่ง มีพระปฏิบัติธรรม ออกมาเสวนาธรรม ดื่มฉันปานะ ญาติโยมก็มีมาก |