หัวข้อ: แค่ได้รู้ก็เป็นบุญ เปิดบันทึกหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กับอดีตชาติของ "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 24, 2017, 08:19:41 am (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/4(2005)(1).jpg) แค่ได้รู้ก็เป็นบุญ.!! เปิดบันทึก.."หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" กับอดีตชาติของ "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" ที่หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อน น่าศรัทธาเหลือเกิน.!! จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้บันทึกถึงอดีตชาติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้บันทึกไว้ว่า ในหลวงเคยเกิดเป็น "พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า" และ "พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า" และเคยเกิดเป็นพระราชโอรสของ "พระเจ้าตวันอธิราช" และ "พระเจ้าพรหมมหาราช" (พระเจ้าตวันอธิราช ไปเกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช") ทั้ง ๒ ครั้ง ต่อมา พ.ศ. ๙๐๐ สมัยเชียงแสน พระเจ้าตวันอธิราช เกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช" ส่วน พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ตามไปเกิดเป็นพระราชโอรสองค์แรกนามว่า "พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า" แต่สิ้นพระชนม์ในสมัยทรงพระเยาว์ พระราชสมบัติจึงตกแก่พระโอรสองค์รองคือ "พระเจ้าชัยสิริ" (หลวงปู่ธรรมชัย) ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์จักรกรี สืบสันติวงศ์ถึงปัจจุบัน พระเจ้าพรหมมหาราช มีพระเชษฐาคือ "พระเจ้าทุกขิตะ" (หลวงปู่คำแสนเล็ก วัดดอนมูล) ย้อนกลับมาสมัยสุวรรณภูมิ พ.ศ.๒๔๖ พระโพธิสัตว์ทั้ง ๒ พระองค์นี้ได้บำเพ็ญบารมีร่วมกัน (พ่อ-ลูก) พระเจ้าตวันอธิราช กษัตริย์ผู้ครองกรุงสุวรรณภูมินี้ ได้วางรากฐานการสร้างพระบารมีไว้ให้พระราชโอรสของพระองค์ ในฐานะที่จะทรงเป็นกษัตริย์ต่อไปภายภาคหน้า อาทิ การสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ปรับปรุงกองทัพให้เข้มแข็ง ส่งเสริมอาชีพของราษฏร โรงพยาบาลเพื่อสงเคราะห์พสกนิกร ฯลฯ ส่วนด้านพระพุทธศาสนา ได้โปรดสร้างวัด โรงเรียนปริยัติธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณร โดยมี พระโสณะ กับ พระอุตตระ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีการมอบ "พัศยศ" สำหรับผู้สอบบาลีได้ (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/p10133(3).jpg) ต่อมาก็มีการแต่งตั้งพระสงฆ์ไทยขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระองค์แรกของเมืองไทย จนได้สืบต่อวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ มาจนถึงบัดนี้ อีกทั้งพระองค์ได้เสด็จประพาสไปยังนานาประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง และที่อยู่ห่างไกลออกไป ส่วนภายในประเทศอาณาเขตของพระองค์ ก็เสด็จเยี่ยมเยือนไปตามหัวเมืองต่าง ๆ อีกด้วย พระราชจริยวัตรของ พระเจ้าตวันอธิราช นี้ มีลักษณะที่ทรงปฏิบัติคล้ายกับพระราชจริยวัตรของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ของพระเจ้ากรุงสยาม ทุกประการ ฉะนั้น ขนบธรรมเนียมประเพณีในด้านพระศาสนา เช่น พิธีกวนข้าวทิพย์ การสวดมนต์ หรือ พิธีการนิมนต์พระไปเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้าน ตลอดถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ตามโบราณราชประเพณี เรามีการสืบทอดวัฒนธรรมอันเป็น มรดก มานานนับพันปี (ทั้งหมดนี้เป็นรากฐาน ที่พระเจ้าตวันอธิราช วางไว้ให้ พระราชโอรสคือ พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ทั้ง ๒ พระองค์ต่างก็เป็นพระโพธิสัตว์ที่บารมีเข้มข้น) ต่อมาหลังจากพระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ก็ทรงมีพระราชหฤทัยที่ดำเนินรอยตามพระยุคคลบาทของสมเด็จพระราชบิดา ในฐานะที่พระองค์ก็ทรงเป็น พระโพธิสัตว์ เช่นเดียวกันและก่อนที่ พระโสณะ จะนิพพาน ก็ยังได้พยากรณ์ไว้อีกว่า "พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า จะมาเกิดที่ "กรุงเทพมหานคร" เมื่อนั้น "สุวรรณภูมิ" จะฟื้นชื่อมีคนรู้ทั่ว..." (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/10540413_586182934836866_8020783854342921793_n.jpg) สอดคล้องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม องค์ปัจจุบันที่ได้ทรงตรัสพยากรณ์ไว้ดังนี้ "ดูก่อนอานนท์..ตถาคตสงสารสัตว์เป็นล้นพ้น ที่มีอายุขัยอยู่ใกล้ยุคกึ่งสมัยคือในหลังพุทธกาลนี้ แต่ในเวลานั้นจะมี "พระมหากษัตริย์ธรรมิกราช" ผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง จะเกิดภายในอุปถัมภ์ของ "พระมหาเถระโพธิสัตว์" พระโพธิสัตว์สองพระองค์นั้น จะเสด็จเข้ามาบำรุงพระพุทธศาสนาของตถาคต สมณชีพราหมณ์จะตามเสด็จเป็นอันมาก ในระยะนี้จะเป็นยุค "ชาวศรีวิไล" ดังนี้ (หลักฐานหนึ่ง ทางด้านโบราณวัตถุได้แก่ กระเบื้องจาร ที่ขุดได้จาก ซากเมือง คูบัว จ.ราชบุรี ก็ได้ยืนยันว่า พ่อกับลูกคู่นี้ ทรงเป็นหน่อเนื้อพระบรมพงศ์พระโพธิสัตว์ทั้งสองพระองค์ ได้ตั้งความปรารถนา "พุทธภูมิ" ประเภท วิริยาธิกะ คือจะต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ใช้เวลา ๑๖ อสงไขย กับแสนกัปล์ จึงจะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ) ในชาติปัจจุบัน ของ พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า (พระบาทสมเด็จภูมิพลอดุลยเดชมหาราช) นอกจากนี้หลวงพ่อเคยถวายพระพรไว้ ณ พระตำหนักภุพิงค์ราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๐... ในตอนหนึ่งที่พระองค์ทรงตรัสถามหลวงพ่อว่า "เขาพูดกันว่าผมปรารถนาพุทธภูมิเป็นความจริงไหมครับ..?" (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/16-01-05-2-1.jpg) หลวงพ่อถวายพระพรว่า "เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ปรารถนามานาน..แต่เวลานี้บารมีเป็น "ปรมัตถบารมี" แล้ว ก็เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว..ไม่ใช่ไม่สำเร็จ.. พุทธภูมิ นี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น "วิริยาธิกะ" วิริยาธิกะนี่..ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่บำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว "แสนกัป" อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ" สรุปในหลวงเกิดเป็น พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ในสมัยสุวรรณภูมิ และเกิดเป็น พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า ในสมัยเชียงแสน ปรารถนา พุทธภูมิ ประเภท วิริยาธิกะ ตอนนี้บารมีใก้ลเต็ม และต้องเกิดสร้างบารมีอีก ๕ ชาติ ขอบคุณที่มาจาก : หนังสือ ธัมมวิโมกข์ โดย พระราชพรหมยาน วีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) palungjit.org เรียบเรียงโดยเสาวลักษณ์ แสงสุวรรณ : สำนักข่าวทีนิวส์ http://www.tnews.co.th/contents/350548 (http://www.tnews.co.th/contents/350548) หัวข้อ: Re: แค่ได้รู้ก็เป็นบุญ เปิดบันทึกหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กับอดีตชาติของ "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ สิงหาคม 24, 2017, 10:39:49 am นี่จึงเป็นสาเหตุ ให้ แผ่นกระเบื้องจาร วัดเพชรพลี ถูกกองโบราณ กรมศิลป์ ประกาศว่า เป็นของปลอม จัดทำขึ้นมาในภายหลัง เพราะเอาข้อความไปเกี่ยวกับ เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน นี่เอง
:49: หัวข้อ: Re: แค่ได้รู้ก็เป็นบุญ เปิดบันทึกหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กับอดีตชาติของ "ในหลวงรัชกาลที่ ๙" เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ สิงหาคม 24, 2017, 08:45:56 pm แค่ผมเชื่อก็พอ..เพราะผมอ่าน สุวรรณภูมิจบแล้ว....ผมภูมิใจ...ในยุค ไทยลว้า นี้มาก เคร่งกว่า ยุคหลัง การสงครามก็เก่ง พระพุทธเจ้าเสด็จมาตามคำนิมนต์ ด้วย สุนาปรันตชนบท ของพระปุณณะเถระ หรือโตนดหลวง บ้านพ่อกล่อม แม่กุน พระพุทธเจ้าแวะเสด็จมาตามนิมนต์ แวะมารับ ฤาษีสัตตบรรณที่เขานางพระจันทร์ ไปสวดมนต์ตามนิมนต์ พร้อมพระอรหันต์ รวมพระองค์ 500 รูปเสด็จทางอากาศ มาลงบ้านพ่อกล่อม แม่กุล แวะถ้ำฤาษีเขางู เสด็จประทับบนแท่นหิน ได้เงารังสีแดด พระองค์สั่งให้ปั้นแกะรูปตามเงาตกกระทบผนัง และยังเสด็จ ไปเยี่ยมชนชาวน้ำเหล่าพญานาคราชที่นิมนต์ไว้ใต้บาดาลท้องสมุทร เสร็จการงานนิมนต์บ้านพ่อกล่อม แม่กุลแล้ว แวะมาส่ง ฤาษีสัตบรรณ และเสด็จกลับฝากรอยพระพุทธบาทเอาไว้ให้ฤาษี เหตุที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาเพราะ... น้องชายท่านปุณณะ กับสมุนบริวาร เอาเรือออกสมุทรไปตัดไม้จันทร์แดงบนเกาะกลางสมุทร เทวดาสิงอยู่ในไม้ จะคว่ำสำเภา กลางสมุทรเสียให้ได้ น้องชายกลัว จึงนึกถึงพี่ปุณณะเถระให้ช่วย พี่คุยกับเทวดาทางจิตที่ติดไม้มา บอกให้นำไม้ไปสร้างศาลาใหญ่แล้วนิมนต์ พระพุทธเจ้ามารับ..การถวายศาลาด้วย ส่วนเหล่าน้องชายและสมุนต้องถือศิลบวชในกาล ถวายศาลา เล่าคร่าวๆเท่านี้นะ รายละเอียด ไปหาอ่าน หนังสือ สุวรรณภูมิ มีขายที่ วัดพระปฐมเจดีย์ |