หัวข้อ: เทวดาสิงร่างคน เพื่อประกาศข่าว ร.๔ สวรรคต คำตรัสสุดท้าย ก่อนเสด็จสวรรคต ของ ร.๔. เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 12, 2017, 11:45:21 am (http://img.tnews.co.th/userfiles/image/Thomson,_King_Mongkut_of_Siam(3).jpg) เทวดาสิงร่างคน เพื่อประกาศข่าว ร.๔ สวรรคต คำตรัสสุดท้ายก่อนเสด็จสวรรคตของร.๔.. เจ้าคุณนรฯ กล่าวรับรอง ร.๔ บรรลุธรรมขั้นสูง "พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๔ แห่งราชวงศ์จักรี นับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถในเรื่องของพระพุทธศาสนาทั้งในด้านของหลักวิชาและหลักปฏิบัติเป็นอย่างมาก เนื่องจากพระองค์ทรงผนวชนานถึง ๒๗ ปี ซึ่งระยะเวลาอันยาวนานนี้พระองค์ทรงใช้ไปกับการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างแข็งขัน ตลอดระยะเวลาในการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สร้างคุณูปการที่สำคัญต่อบ้านเมืองไว้มากมาย ซึ่งผลจากการตรากตรำพระวรกายนั้นก็ทำให้พระองค์เกิดอาการประชวรขณะเข้าสู่วัยชราเมื่อมีพระชนมายุ ๖๔ พรรษา และอาการประชวรในครั้งนี้เองที่ทำให้พระองค์ทรงดำริถึงการสวรรคต ซึ่งเป็นการสวรรคตที่ตรงกับวันพระราชสมภพของพระองค์ตามที่ทรงกำหนดไว้แต่แรก (พระองค์ทรงพระราชสมภพใกล้กับวันเพ็ญออกพรรษาซึ่งเป็นวันมหาปวารณา และสวรรคตตรงกับวันเพ็ญออกพรรษาซึ่งก็เป็นวันมหาปวารณาเช่นเดียวกัน) ในวันที่จะสวรรคตนั้น พระองค์ทรงมีพระสติสมบูรณ์ เพียงแต่ว่าในวันนั้น พระองค์ไม่ได้เสด็จออกไปทำพิธีปวารณาออกพรรษาต่อพระสงฆ์วัดราชประดิษฐ์ (วัดประจำรัชกาล) ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ทรงปฏิบัติเป็นประจำในวันพระราชสมภพ (http://img.tnews.co.th/userfiles/image/190px-Mongkut_in_the_Sangha(1).jpeg) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากรับสั่งข้อราชการแก่พระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ์) แล้ว สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำในวันมหาปวารณาออกพรรษาก็คือการสมาทานศีลด้วยพระองค์เอง แล้วตรัสเป็นถ้อยคำที่คมคายมากว่า "ฉันขอลาต่อพระสงฆ์ ... สิ่งใดที่เคยทำผิดล่วงเกินก็ขอขมา สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา สิ่งทั้งปวงไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น สิ่งใดสิ่งหนึ่งในโลกที่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นแล้วจะไม่มีโทษนั้น...ไม่มีเลย" จากนั้น พระองค์ก็ได้ตรัสคำฉันท์เป็นภาษาบาลี ซึ่งเป็นการตรัสครั้งสุดท้ายของพระองค์ว่า "อะตุรัสสะมิงปิ เม กาเย จิตตัง นะ เหสสะตาตุรัง เอวัง ปัสสามิ พุทธัสสะ สาสะนานุคะติง กะรัง" (แปลว่า "แม้ว่าร่างกายของข้าพเจ้าจะกระวนกระวายอยู่ด้วยทุกขเวทนา แต่จิตใจของข้าพเจ้าจะไม่กระวนกระวายไปตามกาย ข้าพเจ้าได้ศึกษาอบรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่อย่างนี้") แล้วในที่สุด พระองค์ก็ไม่ตรัสอะไรอีกเลย โดยประทับอยู่บนแท่นที่จะสิ้นพระชนม์ หันพระเศียรไปทางทิศเหนือ หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก และทรงภาวนา "พุทโธ" เจ้าหญิงองค์หนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ พระองค์ เล่าว่า เสียงภาวนา "พุทโธ" นั้นดังชัดเจนในตอนแรก แต่พอนานๆ เข้า เสียง "พุท" ก็ค่อยๆ หายไป เหลือแต่เสียง "โธ-โธ-โธ" จนกระทั่งเสียงทั้งหมดเงียบหายไป พร้อมกับที่ทรงสวรรคตในเวลาประมาณ ๓ ทุ่ม วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ตรงกับวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/18814307_965049900264812_9005512535222237839_n(1).jpg) พระปฐมเจดีย์ ปรากฏว่า ในระหว่างนั้นเอง เทวดาที่สถิตอยู่ ณ พระเจดีย์นครปฐม ได้เข้าสิงคนงานคนหนึ่งเพื่อบอกว่า ขณะนี้รัชกาลที่ ๔ สวรรคตแล้ว และกำลังจะไหว้พระเจดีย์ที่พระองค์เคยบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อครั้งยังทรงพระชนม์ชีพ (พระปฐมเจดีย์นี้ เดิมชื่อ "ธมเจดีย์" เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๔ ขณะผนวช ได้เสด็จธุดงค์มานมัสการ ทรงเห็นเป็นเจดีย์ยอดปรางค์ สูง ๔๒ วา และได้พระราชทานนามใหม่ว่า "พระปฐมเจดีย์" เมื่อทรงลาผนวชได้เสวยราชสมบัติแล้ว ในราว พ.ศ. ๒๓๙๖ ได้โปรดให้ก่อพระเจดีย์ใหม่ห่อหุ้มองค์เดิมไว้ สูง ๑๒๐ เมตร กับ ๔๕ เซนติเมตร พร้อมสร้างวิหารคตและระเบียงโดยรอบ แต่งานไม่ทันแล้วเสร็จก็สวรรคต) (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/227-b9dd(2)(1).gif) ท่านเจ้าคุณนรฯ "ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต" วัดเทพศิรินทราวาส ผู้มีญาณหยั่งรู้วาระจิตของผู้อื่น เล่าให้สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สันตังกุโร) ฟังว่า "รัชกาลที่ ๔ เมื่อใกล้จะสวรรคตนั้น ได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี" เรื่องนี้คนธรรมดาทั่วไปคงไม่อาจจะรู้ได้ แต่สำหรับผู้ที่มีจิตใจอันมั่นคงและมีความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งเช่นนี้น่าจะบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งอย่างแน่นอน ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้ หนังสือ "สวดเป็นเห็นธรรม" โดย พระสาสนโสภณ (พิจิตร ฐิตวัณโณ) สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ เรียบเรียงโดยศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์ http://www.tnews.co.th/contents/363833 (http://www.tnews.co.th/contents/363833) |