หัวข้อ: เหตุผลใด.? จึงตั้งศาลไว้ 4 ทิศ สนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 19, 2017, 07:24:16 am (http://img.tnews.co.th/large/tnews_1511008858_8782.jpg) อาถรรพ์.!! เหตุผลใด.? จึงตั้งศาลไว้ 4 ทิศ สนามบินสุวรรณภูมิ ฤาป้องกันวิญญาณอาฆาตจาก "หนองงูเห่า" ศูนย์รวมนานาวิญญาณ บทความนี้ผู้เขียนขอเสนอเรื่องราวความอาถรรพ์ลี้ลับสุดสะพรึงของ “สนามบินสุวรรณภูมิ” หรือ ที่ชาวบ้านในละแวกนั้นมักเรียกว่า “สนามบินหนองงูเห่า” ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของไทย ได้ริเริ่มโครงการขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2503 เมื่อรัฐบาลเสนอให้มีโครงการก่อสร้างสนามบินพาณิชย์แห่งใหม่ ณ บริเวณหนองงูเห่าในเขตพื้นที่ ต.บางโฉลง ต.ราชาเทวะ และ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยกรมการพาณิชย์ได้รวบรวมที่ดินเกือบๆหมื่นไร่ ไม่ว่าจะเป็นการกว้านซื้อ รวมทั้งการเวนคืนจากชาวบ้านในละแวกนั้น ว่ากันว่า สนามบินแห่งนี้ เป็นโครงการอันเป็นความฝันของชาติ แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังโครงการนั้นมีเรื่องราวที่สุดสะพรึงชวนขนหัวลุก!! จนเป็นที่กล่าวขานกันต่างๆนานาไม่รู้จบเลยทีเดียวค่ะท่านผู้ชม!!เพราะเมื่อหากเราย้อนไปในอดีตก่อนที่จะมีการก่อสร้างโครงการนี้ ได้มีเรื่องราวที่ชวนสยอง ชวนขนหัวลุกเกิดขึ้นอย่างมากมาย จนแทบไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/S__44081285.jpg) ว่ากันว่า โครงการสนามบินแห่งนี้ได้ริเริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคของจอมพลคนหนึ่ง เริ่มจากการเวนคืนที่ดินอันเป็นที่ทำกินของคนในชุมชนย่านนั้น แต่แล้วจอมพลคนดังกล่าวก็ได้ถึงแก่อสัญกรรม โครงการนี้จึงต้องหยุดชะงักไป ต่อมาไม่นานก็มีการนำโครงการนี้มาพูดถึงและสานต่อในอีกหนึ่งรัฐบาล จนทำให้ฝ่ายรัฐบาลที่สานต่อโครงการนี้ในสมัยนั้น ต้องกลายเป็นฝ่ายค้านไป และโครงการดังกล่าวก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง จนกระทั่งมาถึงในยุครัฐบาลของอดีตนายกคนหนึ่ง ที่ได้ริเริ่มสานต่อโครงการนี้อีกครั้ง แต่ในระหว่างการก่อสร้าง เริ่มตั้งแต่มีการถมที่ดิน ที่ได้จากการเวนคืนและการกว้านซื้อนั้น ทำให้คนงานต้องเสียชีวิตอย่างไร้สาเหตุหรือไม่ก็ได้ประสบอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝันหลายต่อหลายราย แต่สุดท้ายโครงการนี้ก็สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างทุลักทุเล มีบางกระแสได้ร่ำลือว่าสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนอาถรรพ์ ถึงแม้โครงการจะเสร็จสิ้นในสมัยนายกคนดังกล่าวก็ตาม แต่ก็มีเหตุทำให้ท่านต้องเดินทางออกจากผืนแผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง @@@@@@ และยังมีบางกระแสร่ำลืออีกว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของ”พญานาคราช”ผู้ปกครองเมืองบาดาลในอดีตกาล โดยจะเห็นได้จากเหล่าบริวารของพญานาคในร่างของงูนานาชนิดที่อาศัยอยู่ ณ บริเวณนี้ ไม่ว่าจะเป็นงูเห่า งูจงอาง หรือ แม้แต่”พญางูเหลือม” ที่ชาวบ้านในละแวกนั้นได้พบเห็นเป็นประจำ เมื่อมีการเวนคืนที่ดินและถมที่ทำให้เหล่าบริวารของ พญานาค ต้องเดือดร้อนที่อยู่และล้มตายไปเป็นจำนวนมาก จึงสร้างความโกรธแค้นแก่บรรดาเหล่าบริวารของ พญานาค เป็นอย่างมาก เท่ากับว่าเป็นการลบหลู่ต่อท้าวพญานาคราช ด้วยเหตุนี้จึงได้ดลบันดาลให้บังเกิดมีอาเพศต่างๆนานาขึ้น แต่บางกระแสก็ว่า เจ้าของที่ดินเก่าที่ถูกเวนคืนส่วนหนึ่งเกิดการต่อต้าน และได้ถูกฆ่าตายอย่างไม่เป็นธรรม ดวงวิญญาณจึงเกิดความอาฆาตแค้น และเที่ยวหลอกหลอนคนงานอยู่เป็นประจำ (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/S__44081290.jpg) อีกทั้งยังมีกระแสข่าวลือว่าในช่วงนั้นมีนายทุนหัวใสเข้ามากว้านซื้อที่ดินเอาไว้เป็นจำนวนมากเพื่อเก็งกำไร แต่วันนัดจ่ายเงินกลับคดโกงเจ้าของที่ดิน ไม่จ่ายเงินครบตามสัญญาที่ให้ไว้ หรือมีชาวบ้านบางกลุ่มไม่ยอมขายให้ ก็ถูกฆ่าตายอย่างทารุณเพราะความโลภของคนเพียงบางคนเท่านั้น ร่างอันไร้วิญาณที่ถูกฝังไว้ใต้ผืนดินแห่งนี้ พร้อมๆกับคำสาปแช่ง ด้วยความอาฆาตแค้นของผู้ตายก่อนจะสิ้นใจนั่นเอง ดวงวิญญาณผู้ตายเหล่านั้นจึงได้เที่ยวหลอกหลอนคนงานก่อสร้าง และ สร้างความหวาดผวาไปทั่วทั้งโครงการก่อสร้าง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะบางคืนคนงานที่อาศัยพังพิงอยู่ภายในโครงการจุดก่อสร้าง สนามบินสุวรรณภูมิ จะได้ยินเสียงคนร้องโหยหวน อย่างเจ็บปวดทรมาน พร้อมกับเสียงพูดทวงคืนที่ดิน แต่เมื่อคนงานออกไปดูก็ไม่พบใครเลย @@@@@@ ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้มีดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตพยาบาทเร่ร่อนอยู่ไปทั่วอาณาบริเวณ อาจเป็นเพราะสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนลี้ลับอาถรรพ์!! เนื่องจากเชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของ”พญานาคราช”ผู้ปกครองเมืองบาดาลในอดีตกาล บ้างก็ว่าเป็นประตูที่สามารถเปิดไปสู่นรกภูมิได้ จึงดึงดูดให้วิญญาณเร่ร่อนมาปรากฏในสถานที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งเจ้าที่ ที่เคยอยู่อาศัย ณ บริเวณนี้ต้องไร้ที่อยู่ เพราะที่ดินได้ถูกขาย หรือ ถูกเวนคืน (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/S__44081288.jpg) เมื่อสถานที่เคยสิงสถิตได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นโครงการของทางราชการ จึงเป็นเหตุให้วิญญาณเจ้าที่เหล่านี้ต้องอดอยากและไร้ที่อยู่อาศัย จึงเที่ยวเร่ร่อนไปทั่ว และ ด้วยความโกรธแค้น ดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทอย่างเหลือคณานี่เอง พิธีการเซ่นไหว้และการทำบุญอุทิศส่วนกุศลแบบธรรมดานั้น จึงไม่สามารถแผ่บุญไปได้ทั่วถึงเจ้าที่และดวงวิญญาณเร่ร่อนทุกตนในพื้นที่อาณาเขตบริเวณ สนามบินสุวรรณภูมิ ได้ จึงนำมาซึ่งความอาถรรพ์ลี้ลับสุดสะพรึงต่างๆนานาไม่รู้จบ @@@@@@ โดยบันดาลให้บังเกิดความเสียหาย ความวุ่นวายและปัญหาในการก่อสร้างที่มีให้แก้ไขอย่างไม่รู้จบสิ้น ถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้ทำพิธีบวงสรวงต่อ”พญานาคราช”หรือ ประกอบพิธีขอขมา รวมทั้งได้มีการตั้งศาลขึ้นเพื่อทำการสักการะไว้มากมาย เช่น ศาลพญามุจลินท์นาคราช, ศาลพญาอนันตนาคราช, องค์นาคาธิบดี “ศรีสุทุโธ”วิสุทธิเทวา, ศาลองค์พญาวิรูปักษ์เขมหานาคราชเจ้า วิสุทธิเทวา , ศาลพระเจ้าตาก และ ศาลพ่อแก่มิ่งเป็นต้น @@@@@@ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีวิญญาณเร่ร่อนอีกมากมายที่ไม่ได้รับส่วนบุญอย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับความเฮี้ยนที่น่าจะมีมูลความจริงว่า เกิดจากเสาต้นหนึ่งที่อยู่ ณ บริเวณสายพาน ๙ ซึ่งเป็นห้องพักของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของ”การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” มีเรื่องเล่าว่ามีคนงานชาวพม่าซึ่งเป็นผู้หญิงได้เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในช่องหล่อคอนกรีต และก็ได้เสียชีวิตในที่แห่งนั้น ส่วนคนงานที่อยู่ด้านบนก็ไม่มีใครรู้ว่ามีคนตกลงไปในบล็อกหล่อดังกล่าว จึงเทปูนลงไปในช่องหล่อเสาคอนกรีตตามปกติ แต่ในระหว่างที่มีการถอดบล็อกออกมา กลับเห็นเป็นรูปตัวคน ด้วยความตกใจวิศวกรและคนงานที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามกะเทาะคอนกรีตเพื่อที่จะเอาศพออกมา แต่ก็หมดหนทาง จึงตัดเอาส่วนที่ยื่นออกมาทิ้งเสีย หลังจากนั้นก็โบกปูนทับไว้ให้เรียบตามรูปทรงเดิม (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/S__44081282.jpg) ส่วนทางด้านของ อ.กิจจา หรือ "หมอนิด" นักโหราศาสตร์ชื่อดัง ได้ประกอบพิธีขอขมาต่อเจ้าที่ ณ สนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้ และ พร้อมได้ทำการสื่อสารกับเหล่าวิญญาณ ณ สถานที่แห่งนี้ และได้อธิบายให้ฟังว่าดวงวิญญาณเหล่านี้เต็มไปด้วยแรงพยาบาทอาฆาตแค้นในไม่ช้านี้อาจเกิดเหตุการณ์ประหลาดหรืออาจจะมีข่าวที่ไม่ดีเกิดขึ้น หากไม่รีบดำเนินแก้ไขหรือประกอบพิธีกรรมบวงสรวงเซ่นไหว้เพื่อขอขมาอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ เรื่องร้ายๆอาจจะเกิดขึ้นอีกได้ เรื่องราวทั้งหมดนี้จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องเล่าที่สุดสะพรึงชวนสยอง สุดช็อกโลกที่ยังหาคำตอบหรือบทพิสูจน์ไม่ได้มาจวบกระทั่งปัจจุบันนี้ค่ะ ขอขอบคุณท่านผู้เป็นเจ้าของเครดิตภาพที่ผู้เขียนได้นำมาจาก (อินเตอร์เน็ต)เพื่อใช้ในการแสดงประกอบเนื้อหาสาระข้อมูลนี้ค่ะ..และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลจาก:วิกิพีเดีย, ,และข้อมูลเพิ่มเติม(บางส่วน)จาก :อินเตอร์เน็ตค่ะ เรียบเรียงโดย: โชติกา พิรักษา และ ศศิภา ศรีจันทร์ ตันสิทธิ์ เรียบเรียงโดยโชติกา พิรักษา : สำนักข่าวทีนิวส์ http://www.tnews.co.th/contents/380158 (http://www.tnews.co.th/contents/380158) |