สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 23, 2018, 05:33:13 am



หัวข้อ: ๒๓ มีนาคม รำลึกวันแห่งชัยชนะ ของ "ย่าโม ท้าวสุรนารี" วีรสตรีผู้กอบกู้เมืองโคราช
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 23, 2018, 05:33:13 am
(http://img.partiharn.com/userfiles/images/yamo1.jpg)


๒๓ มีนาคม รำลึกวันแห่งชัยชนะของ "ย่าโม ท้าวสุรนารี" วีรสตรีผู้กอบกู้เมืองโคราช นิยมบนบาน มักสมหวัง ท่านโปรดปรานเพลงโคราชมาก.

ท้าวสุรนารี นามเดิม โม หรือ โม้ เป็นธิดา นายกิ่ม นางบุญมา เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๓๑๔ ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งกรุงธนบุรี เมื่ออายุได้ ๒๕ ปี ได้สมรสกับพระยาปลัดเมืองนครราชสีมา(ทองคำ) ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่ง เป็น พระยามหิศราธิบดี มีนิวาสถานอยู่ ณ บ้านตรงกับข้ามกับวัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลางนคร) ไปทางทิศใต้

ในปี พ.ศ. ๒๓๖๙ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เจ้าอนุวงศ์ (วีระกษัตริย์ของชาวลาว) บุตรเจ้าศิริบุญสาร ผู้ครองกรุงศรีสัตนาคนหุต ล้านช้างและเวียงจันทร์ ซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองประเทศราชของกรุงสยาม ต้องการเป็นเอกราชจากสยาม จึงประพฤติเป็นกบฏยกทัพหมายจะเข้าตีกรุงเทพมหานคร นำชาวลาวที่มาอยู่ในแผ่นดินสยามกลับมาตุภูมิ เจ้าอนุวงศ์ใช้อุบายลวงเจ้าเมืองตามรายทาง โดยปลอมท้องตราพระราชสีห์ว่า สยามขอให้เจ้าอนุวงศ์ยกทัพมาช่วยรบกับอังกฤษ (ขณะนั้นมีข่าวลือหนาหูว่า สยามจะมีศึกกับอังกฤษ) ซึ่งยกทัพเรือจะมาตีกรุงเทพๆ จึงไม่มีผู้ใดขัดขวาง


(http://img.partiharn.com/userfiles/images/tnews_1509359934_8650.jpg)

วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๖๙ เจ้าอนุวงศ์ยกทัพมาถึงเมืองนครราชสีมา ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านสยามและ มีความอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่เจ้าพระยามหานครราชสีมา ไม่อยู่ และพระยาปลัดเมืองนครราชสีมาไปราชการเมืองขุขันธ์ กองทัพเจ้าอนุวงศ์มาถึง จึงเข้ายึดเมือง ยึดทรัพย์สินและให้เพี้ยรามพิชัย หรือพระยารามพิชัย กวาดต้อนชาวเมืองไปเป็นเชลยศึก เดินทางกลับไปเวียงจันทน์

ส่วนทัพเจ้าอนุวงศ์เดินทัพต่อไปยังสระบุรีเพื่อเข้ากรุงเทพฯ ในบรรดาเชลยศึกที่ถูกกวาดต้อนกลับเวียงจันทน์ มีคุณหญิงโมรวมอยู่ด้วย คุณหญิงโม เป็นหญิงที่ฉลาดหลักแหลมและออกอุบายให้ทหารเวียงจันทร์ ตายใจ โดยให้หญิงที่ถูกต้อนเป็นเชลย หน่วงเหนี่ยวทหารให้เดินทัพช้าลง และวางแผนให้พวกผู้หญิง หลอกขอมีด จอบ เสียม มาใช้ซ่อมเกวียนและทำอาหาร แท้จริงแล้วกลับนำมีด จอบ เสียมนั้นมาลอบตัดไม้เป็นอาวุธแอบซ่อนไว้

@@@@@@

ระหว่างพักที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ซึ่งห่างจากตัวเมืองนครราชสีมา ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ในวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๖๙ สบโอกาสเหมาะ พวกผู้หญิง ช่วยกัน หลอกล่อ มอมเหล้าทหารจนเมามายไร้สติไปทั้งกองทัพ แล้วช่วยกันทั้งหญิงและชายแย่งอาวุธฆ่าฟัน จนทหารล้มตายเป็นจำนวนมาก กองทัพแตกพ่ายไป เมื่อได้รับชัยชนะแล้ว จึงตั้งค่ายอยู่ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ชาวเมืองที่หนีรู้ข่าวการชนะศึก จึงพากันกลับมาสมทบ และพระยาปลัดก็ยกทัพตามมาช่วยทันเวลา ส่วนเจ้าอนุวงศ์รู้ข่าวว่ากรุงเทพฯ ยกทัพขึ้นมาช่วย จึงเลิกทัพกลับไปเวียงจันทน์

การศึกที่ทุ่งสัมฤทธิ์นี้ มีสตรีผู้กล้าหาญได้พลีชีพจุดไฟทำลายเกวียน ที่บรรทุกดินระเบิดจนตัวตาย คือ นางสาวบุญเหลือ ชาวบ้านทุ่งสัมฤทธิ์และชาวโคราชได้ให้ความเคารพนับถือ ไม่ยิ่งหย่อนกว่าย่าโมและเรียกนางบุญเหลือว่า ย่าเหลือ  และกำหนดให้วันที่ ๔ มีนาคมของทุกปี เป็นวันสดุดี วีรกรรมของนางสาวบุญเหลือ และทางราชการได้กำหนดให้วันที่ 4 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันไทยอาสาป้องกันชาติ และทางจังหวัดนครราชสีมา กำหนดให้วันที่ ๒๓ มีนาคม เป็นวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี


(http://img.partiharn.com/userfiles/images/test(1).jpg)

(http://img.partiharn.com/userfiles/images/%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1-%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B54.jpg)

วีรกรรมคุณหญิงโม ที่ได้ประกอบขึ้นที่ทุ่งสัมฤทธิ์ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สถาปนา คุณหญิงโม ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์ เป็นท้าวสุรนารี และพระราชทานเครื่องยศทองคำประดับเกียรติ ดังนี้
    – ถาดทองคำใส่เชี่ยนหมาก ๑ ใบ
    - จอกหมากทองคำ๑ คู่
    – ตลับทองคำ ๓ เถา
    – เต้าปูนทองคำ ๑ อัน
    – คณโฑทองคำ ๑ ใบ
    – ขันน้ำทองคำ ๑ ใบ

@@@@@@

ท้าวสุรนารี ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๕ รวมสิริอายุ ๘๑ ปี อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ประดิษฐานอยู่ที่หน้าประตูชุมพล ตั้งแต่วันที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ และได้บูรณะใหม่ให้งามสง่ายิ่งขึ้นเมื่อ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๐ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๔ เวลา ๑๔.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๙ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ทรงวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ท่ามกลางพสกนิกร ที่เข้าเฝ้าถวายความจงรักภักดีอย่างเนื่องแน่น ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ได้พระราชทานบรมราโชวาท มีความตอนหนึ่งว่า

    “ท้าวสุรนารีเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อให้ประเทศชาติได้อยู่รอดปลอดภัย ควรที่อนุชนรุ่นหลังจะได้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน บ้านเมืองทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ต้องหวงแหน การหวงแหน คือ ต้องสามัคคี รู้จักหน้าที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ชาวนครราชสีมา ได้แสดงพลังต้องการ ความเรียบร้อยความสงบเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ชาติกลับปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าสถานการณ์รอบตัวเราและรอบโลก จะผันผวนและ ล่อแหลมมาก แต่ถ้าทุกคนเข้มแข็ง สามัคคี กล้าหาญ และเอื้อเฟื้อต่อกันชาติก็จะมั่นคง"

(http://img.partiharn.com/userfiles/images/U11998636355761542764592021.jpg)


    บทบูชาย่าโม
    จุดธูป ๑๖ ดอก หรือ ๓๖ ดอก ตั้ง นะโม ๓ จบ
    โอมพรัมมะ พรัมมะ นะโมมะ
    นะโม ธัมโม ธัมโมนะ นะมะ
    มะอาท้าวสุรนารี โมโมนะ (๓ จบ)
    ระลึกถึงท่าน และขอให้ท่านเจริญบารมียิ่งๆขึ้นไป จะเป็นสิริมงคลกับชีวิต

@@@@@@

ชาวโคราชมักจะมาบนบานศาลกล่าวขอสิ่งต่างๆจากย่าโม เช่นขอให้มีงานทำ ขอให้มีลูก เมื่อสมประสงค์แล้วก็จะแก้บน ด้วยสิ่งของ ที่กล่าวไว้ โดยเฉพาะการบนด้วยสิ่งที่ย่าโมโปรดปรานคือ เพลงโคราช ซึ่งเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ย่าโมโปรดปรานเพลงโคราช มากที่สุดเพลงโคราชถือเป็นเพลงพื้นเมืองที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ต้องอาศัยไหวพริบ ปฏิภาณของผู้เล่น เพลงโคราช มีท่วงทำนองการขับร้อง สัมผัสเป็นภาษาพื้นบ้าน (ไทยโคราช) และลีลาท่ารำประกอบทั้งรำช้าและรำเร็ว ที่สำคัญคือ เพลงโคราช ไม่มีเครื่องดนตรีประกอบในการเล่น เนื้อหาของเพลงโคราชขึ้นอยู่กับโอกาสที่จะเล่น และบางครั้งก็แล้วแต่เจ้าภาพที่หา เพลงโคราช ไปเล่นเป็นผู้กำหนดว่าจะให้เล่นเรื่องอะไร

ถือว่า เพลงโคราชเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ที่สะท้อนให้ เห็นถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมของผู้คนให้อนุชนรุ่นหลังได้อนุรักษ์และสืบสานกันต่อไป เวลาประชาชนมาบนบานศาลกล่าวจึงมักบน ด้วยเพลงโคราช จากฝีปากพ่อเพลงแม่เพลงโคราช บริเวณศาลาไม้หลังย่อมใกล้ ๆ อนุสาวรีย์



ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้
niecc.cddkorat.com
forum.uamulet.com
http://www.creditonhand.com (http://www.creditonhand.com)
http://www.paiduaykan.com (http://www.paiduaykan.com)
https://www.facebook.com/ (https://www.facebook.com/)
เพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทาน
เรียบเรียงโดยศักดิ์ศรี บุญรังศรี
http://www.tnews.co.th/contents/431906 (http://www.tnews.co.th/contents/431906)