สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2018, 06:13:50 am



หัวข้อ: “ท่านพ่อสุ่น” วัดปากน้ำแหลมสิงห์ บันทึกวาจาประกาศิต "ไอ้ฉิบชี่"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2018, 06:13:50 am

(https://www.thairath.co.th/media/CiHZjUdJ5HPNXJ92GRknlHKnrcHS2KuiZY.jpg)


“ท่านพ่อสุ่น” วัดปากน้ำแหลมสิงห์ บันทึกวาจาประกาศิต "ไอ้ฉิบชี่"

“ท่านพ่อสุ่น” วัดปากน้ำแหลมสิงห์ ตำบลปากน้ำ อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เป็นที่ศรัทธาของเหล่าศิษย์ทั้งในและนอกพื้นที่อย่างเหลือล้น ด้วยเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดพิธี “ไหว้ครูหลวงพ่อสุ่น ธมฺมสุวณฺโณ” อย่างยิ่งใหญ่

บันทึกประวัติเมื่อครั้งเยาว์วัยท่านมีใจบุญกุศลยิ่งนัก พูดได้ว่าเกิดมาไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพื่อนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันชวนไปยิงนก ตกปลา ก็จะไม่ไปด้วย ทั้งยังบอกสั่งสอนอีกว่าเป็นบาปกรรม

มีโอกาสได้เข้าศึกษาเล่าเรียนอักขระในสำนักวัดบางสระเก้ากับอาจารย์ ครั้นอายุบวชเรียนได้จึงบรรพชาอุปสมบท...ศึกษาวิชาอาคมกับขรัวตาจัน เจ้าอาวาสวัดบางสระเก้า


(https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPEb3fQn1aPHkyp8wVTHW3qV6eArzo.jpg)

ยุคนั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้เรืองวิชายิ่ง เล่าสืบทอดต่อๆกันมาว่าสมัยก่อนการเดินทางสัญจรต้องไปทางเรือ“ขรัวตาจัน” มีธุระใช้เรือ ระหว่างทางเกิดมีโจรสลัดดักปล้นใช้ปืนยิงเรือ นัดแรก...ลูกปืนเกือบตกถึงเรือ นัดที่สอง...กลิ้งตกใกล้กระบอกปืน แต่เรือท่านก็ยังวิ่งเข้าหาเรือโจรสลัดนั้น....น่าแปลกใจว่า ยิ่งโจรยิงปืน กระสุนก็ยิ่งตกใกล้กระบอกปืนมากเข้า...จนในที่สุดก็ตกอยู่หน้ากระบอกปืนเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง

เชื่อศรัทธากันว่า “ขรัวตาจัน” ท่านมีวิชาอาคมรอบตัว และท่านได้โปรดพ่อสุ่นมาก จึงได้ถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น อีกทั้งโยมบิดาเองก็เก่งทางวิชาอาคมก็ได้รับการถ่ายทอดจนหมดเช่นกัน

O O O O

“ท่านพ่อสุ่น” บวชอยู่นาน 5 พรรษา ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำแหลมสิงห์ก็ว่างลง ชาวบ้านสมัยนั้นจึงได้พร้อมใจกันไปนิมนต์ท่านมาจากวัดบางสระเก้า ให้มารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้ปกครองวัดเรื่อยมา บูรณปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมเสนาสนะ ทำนุบำรุงวัดอย่างต่อเนื่อง


(http://[url=https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPEb3fQn1aPHkyp8wLgUY6epPQayyD.jpg]https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPEb3fQn1aPHkyp8wLgUY6epPQayyD.jpg[/url])

สั่งสอนภิกษุ สามเณร ให้ประพฤติดีงามตามพระธรรมวินัย หากแต่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงวัดปากน้ำแหลมสิงห์เท่านั้น แต่ “วัดท่าหัวแหวน” ท่านพ่อสุ่นก็ยังรับเป็นธุระ ช่วยบูรณปฏิสังขรณ์ นำมาซึ่งความเจริญอีกหลายอย่าง ทั้งอุโบสถ วิหารการเปรียญ ฯลฯ

ลูกศิษย์ใกล้ชิดเล่ากันว่า ท่านพ่อสุ่นเป็นพระที่มีวิชาอาคมเข้มขลังมาแต่หนุ่มๆแล้ว ท่านพ่อเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านอำเภอแหลมสิงห์และอำเภอใกล้เคียงตลอดจนชาวจันทบุรีในสมัยนั้นมาก นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้เคร่งในพระธรรมวินัยยิ่งนัก

O O O O

ตี 4... “พ่อท่านสุ่น” ลุกขึ้นครองผ้าสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน กวาดลานวัดเป็นกิจประจำวันไม่ว่าในพรรษาหรือออกพรรษา สนใจ...รอบรู้ พระธรรมวินัยอย่างดี ด้วยความเป็นพระที่ใจดี คุยสนุก มีเมตตาอารีต่อผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ ท่านจึงเป็นที่เคารพรักของชาวบ้าน ข้าราชการน้อยใหญ่ทุกหัวระแหง

“วาจาประกาศิต” บันทึกในเว็บไซต์ www.watpaknamlaemsing.org (http://www.watpaknamlaemsing.org) ท่านพ่อสุ่นโดยปกติท่านจะไม่ด่าใครเป็นอันขาด ให้โกรธยังไงก็จะด่าว่า “ไอ้ฉิบชี่” เพียงคำเดียวเพราะคำว่า “ฉิบชี่” ไม่รู้จะแปลยังไง ลงว่าท่านว่าใครว่าไอ้ฉิบหายรับรองว่าคนผู้นั้นให้รวยแสนรวยยังไงก็ต้องมีเหตุให้เป็นไป ต้องล่มจมหมดตัวแน่ๆ

เมื่อครั้งสมัยหนึ่ง...มีครอบครัวหนึ่งร่ำรวยมากและมีที่ดินติดกับวัด คิดจะเบียดบังที่ดินของวัดเข้าเป็นของตนเอง ท่านพ่อท่านรู้เข้าก็ว่า “ไอ้พวกนี้เห็นจะไม่เจริญหรอก” และก็จริงดังคำท่าน

(https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPEb3fQn1aPHkyp8wTqz3rCh0JImCv.jpg)

อีกไม่นานก็มีเหตุให้ต้องขายไร่ขายนาของตัวเองหมด ทั้งๆที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่จะอาศัยแทบจะไม่มีต้องซัดเซพเนจรพลอยคนอื่นอยู่...เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดี แสดงถึง “วาจาสิทธิ์” จากปากของท่าน

อีกครั้งหนึ่งในเรื่อง “บุญบารมีสูงยิ่ง” บันทึกไว้ว่าท่านพ่อได้ชวนพระลูกวัดและชาวบ้านไปหาตัดไม้ที่เกาะช้างจะเอามาสร้างวัด และนายถัมก็ติดตามไปด้วย โดยใช้เรือของวัดไปเป็นเรือลำใหญ่

เมื่อไปถึงเกาะช้าง...ตัดไม้ได้เพียงพอตามต้องการแล้วก็พากันกลับ เมื่อมาถึงอ่าวสนก็พอดีฉันเช้า...กับข้าวก็ไม่มี มีแต่น้ำพริกที่ตำกับพริกแห้ง ผักจิ้มก็ใช้หยวกกล้วยจิ้มเอา


(https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPEb3fQn1aPHkyp8wMb00wvSWlgrkk.jpg)

ท่านพ่อสุ่นก็จะมาร่วมฉันเช้าด้วย พอท่านจะนั่งก็คงจะเห็นพระและลูกศิษย์อดกับข้าวกัน จึงพูดเปรยๆขึ้นว่า “เออพวกเราหนอจำปีหมีมังไม่มีกินกัน” คำว่า “จำปีหมีมัง” หมายถึงกับข้าวที่จะกินกันที่ดีกว่านี้นั่นเอง และพอท่านนั่งลงเสียงคนแก่ก็ตะโกนว่าใครที่เป็นลูกศิษย์ลงจากเรือลุยน้ำมาเอากับข้าวถวายพระที แล้วคนแก่คนนั้นก็เดินจ้ำอ้าวจากฝั่งมาที่เรือที่จอดทอดสมออยู่ ลุงถัมบอกว่าชายแก่คนนั้นเป็นคนที่อยู่อ่าวสนนั่นเอง

เมื่อเห็นลูกศิษย์ลงเรือมาช้าก็ลงน้ำแบกกระบุงทูนหัวลุยน้ำขึ้นมาที่เรือ ยกหม้อไก่ต้มจากกระบุงถวายท่านพ่อสุ่น กับข้าวอื่นๆอีก 2 อย่าง...นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งของพวกลูกศิษย์

ชายแก่คนนั้นทำไมทำกับข้าวมาถวายในช่วงพอเหมาะพอเจาะอย่างนี้...และมาตัดไม้กันและแวะพักที่อ่าวสนโดยบังเอิญจะฉันเช้าแท้ๆ ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไง...ถึงทำกับข้าวมาถวาย ได้แต่ยกมือโมทนาสาธุ

    “ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์ ไม่เชื่อโปรดอย่า...“ลบหลู่”.

                    รัก–ยม



ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
https://www.thairath.co.th/content/1237537#cxrecs_s (https://www.thairath.co.th/content/1237537#cxrecs_s)