หัวข้อ: 5 ไฮไลต์ ’วังนารายณ์’ ออเจ้าต้อง ’เช็กอิน’ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 19, 2018, 06:55:04 am (https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2018/04/2.%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C.jpg) 5 ไฮไลต์ ’วังนารายณ์’ ออเจ้าต้อง ’เช็กอิน’ จบไปหมาดๆ สำหรับละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่โด่งดังจนเป็นปรากฏการณ์ ส่งผลให้โบราณสถานที่เงียบหงอยกลับฟื้นคืนชีวิตชีวา ด้วยชาวออเจ้าที่บุกไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ยุคพระนารายณ์อันเปี่ยมล้นไปด้วยสีสัน หนึ่งในสถานที่สำคัญ ไม่พ้น “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ที่ “คำให้การชาวกรุงเก่า” ระบุว่า เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ขึ้นครองราชย์ได้ 10 ปี จึงโปรดให้สร้างพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี ตรงกับพ.ศ.2209 โดยนอกจากจะเป็นที่ประทับของพระนารายณ์เกือบตลอดทั้งปี ยังเสด็จสวรรคต ณ พระราชวังแห่งนี้อีกด้วย ตลอดระยะเวลายาวนานในรัชกาลของพระองค์ เกิดเหตุการณ์มากมายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ที่กลายเป็นจุดพลิกผันทางประวัติศาสตร์ บางส่วนยังปรากฏเป็นฉากในละครที่ชวนให้ผู้ชมลุ้นระทึก และต่อไปนี้คือ 5 จุดสำคัญในพระราชวังแห่งนี้ที่ต้องไปชมให้เห็นกับตาพร้อมพิสูจน์ปริศนาผ่านหลักฐานกันสักครั้ง (https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2018/04/1.%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%98%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97.jpg) 1. พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ฯ ฉากอลังการแห่งกรุงละโว้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งของฉากอันงดงามอลังการชวนตราตรึงจากละครดัง คือ ฉากขณะ ขุนหลวงนารายณ์ ออกว่าราชการ รายล้อมด้วยข้าราชบริพาร ทั้งโกษาเหล็ก โกษาปาน ขุนศรีวิสารวาจา และตัวละครเด่นๆ ที่เคยมีชีวิตโลดแล่นในประวัติศาสตร์เมื่อกว่า 300 ปีก่อน ฉากดังกล่าว จำลองขึ้นจากสถานที่จริง คือ พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท ซึ่งถือเป็นพระที่นั่งหลักของพระราชวัง สร้างด้วยอิฐ ฉาบปูน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นห้องโถงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สวยแปลกตาด้วยผนังเจาะช่องแบบโค้งแหลมที่ ฟะรังคี หรือฝรั่งเรียกว่า Pointed Arch อีกส่วนหนึ่ง คือ พื้นที่ด้านหลังซึ่งเคยมี 2 ชั้น ทำจากไม้ มีสีหบัญชร เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์ในยามออกว่าราชการ ชวนให้จินตนาการถึงภาพในอดีตที่แสนรุ่งโรจน์ของกรุงศรีอยุธยา พระที่นั่งนี้เองก็เพิ่งเกิดดราม่าหนักหน่วงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจาก ปติสร เพ็ญสุต นักศึกษาปริญญาเอกภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร ออกมาเปิดเผยว่า โดนฉกโมเดลแบบสันนิษฐานไปใช้ในละครโดยไม่บอกกล่าว นำมาซึ่งการถกเถียงในหมู่แฟนละครจนเกิดอุณหภูมิร้อนในโซเชียล ก่อนลงเอยด้วยดี เมื่อเจ้าตัวบอกว่า ได้รับการติดต่อจากทีมงานโดยมีคำฝากขอโทษจากคุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ พร้อมจะรับผิดชอบด้วยการลงเครดิตในตอนพิเศษวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะนัดเคลียร์ค่าใช้จ่ายหลังสงกรานต์ ชาวเน็ตจึงแยกย้ายอย่างแฮปปี้ (https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2018/04/4.%E0%B8%95%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87.jpg) 2. ตึกรับรองราชทูต เปิดสัมพันธ์ฟะรังคี กับเมืองท่านานาชาติ จุดสำคัญอันเป็นส่วนหนึ่งของร่องรอยหลักฐานการติดต่อสัมพันธ์ทางการทูต กับประเทศทางตะวันตกในยุคขุนหลวงนารายณ์ ไม่เพียงสร้างขึ้นเพื่อรับรองราชทูต หากแต่สถาปัตยกรรมหลังนี้ยังชี้ถึงอิทธิพลศิลปะเปอร์เซีย ทั้งประตูหน้าต่างโค้งแหลม และการก่อช่องโดยใช้อิฐวางตามแนวตั้ง แม้ในวันนี้หลงเหลือเพียงซากอิฐ ทว่ายังคงมีเค้าลางของความวิจิตรบรรจง ผนังที่ประกอบไปด้วยช่องแสงขนาบประตูขนาดใหญ่ และสระน้ำล้อมรอบ สะท้อนงานศิลปกรรมจากต่างชาติที่ไหลบ่าเข้ามาสู่ราชสำนักอยุธยา ที่ถือเป็นเมืองท่านานาชาติอันรุ่มรวยด้วยอารยธรรมหลากหลาย (https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2018/04/3.%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C.jpg) 3. พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ กับเงื่อนปม วางยาพิษ พระนารายณ์.? ซากอาคารที่หลงเหลือเพียงฐานอิฐ ดูเผินๆ ไม่มีอะไรสะดุดตา ทว่าแท้จริงแล้วเป็นสถานที่สำคัญอันนำไปสู่เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เนื่องด้วยพระที่นั่งขนาดเล็กองค์นี้คือ ที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยเสด็จประทับในช่วงปลายรัชกาล ซึ่งมากมายไปด้วยความวุ่นวายทางการเมือง จนกระทั่งสวรรคตอย่างมีเงื่อนงำว่า เป็นการประชวรด้วยพระโรค หรือทรงถูกวางยาพิษกันแน่ ประเด็นนี้ ยังเป็นที่ถกเถียงกันในแวดวงวิชาการอย่างไม่มีบทสรุป แต่ข้อมูลที่ชัดแจ้งคือ พระองค์ทรงประทับ ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์จวบจนลมหายใจสุดท้าย โดยฉากในละครบุพเพสันนิวาสได้ถ่ายทอดออกมาอย่างสะเทือนอารมณ์ ผ่านการแสดงชั้นยอดและบทสนทนาระหว่างขุนหลวงฯกับพระปีย์ อีกหนึ่งผู้มีตัวตนในประวัติศาสตร์ที่คาดว่าจะถูกฟอลคอน ยกเป็นหุ่นเชิด หวังครอบครองกรุงศรีอยุธยา ลองหลับตาจินตนาการตามบันทึกของ นิโกลาส์ แชร์แวส ชาวฝรั่งเศสที่พำนักในอยุธยาซึ่งพรรณนาถึงพระที่นั่งทรงตึกแบบยุโรปองค์นี้ไว้อย่างละเอียดลออ ความตอนหนึ่งว่า “หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลืองคล้ายทองคำเมื่อยามต้องแสงตะวัน พระที่นั่งองค์นี้มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ตรงมุมมีสระน้ำใหญ่ 4 สระ บรรจุน้ำบริสุทธิ์ เป็นที่สรงสนาน ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายใต้กระโจมซึ่งคลุมกั้น สระน้ำทางขวามือตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาจำลอง ซึ่งปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มและดอกไม้ซึ่งส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา มีน้ำพุใสจ่ายแจกให้แก่ธารน้ำทั้ง 4 ในบริเวณพระที่นั่ง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงปลูกพันธุ์ไม้ดอกด้วยพระหัตถ์เอง ตรงหน้าพระที่นั่งปลูกต้นส้มมะนาว และพันธุ์ไม้ในประเทศอย่างอื่นมีใบดกหนาทึบแม้ยามแดดร้อนตะวันเที่ยงก็ร่มรื่นอยู่เสมอ” (https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2018/04/5.%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B2.jpg) 4. พิสูจน์วิทยาการสุดล้ำ ท่อประปา แห่งแรกในสยาม อีกหนึ่งความอลังการอย่างชวนตื่นตะลึงในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ คือวิทยาการล้ำหน้าเกินกว่าจะคาดถึง อย่างการมีซึ่ง ท่อประปา เป็นครั้งแรกของสยามประเทศ ท่อดังกล่าวทำขึ้นจากดินเผา มีลักษณะเป็นท่อกลมทรงกระบอก หนาประมาณ 4 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางราว 26 เซนติเมตร แต่ละท่อยาวเฉลี่ย 48 เซนติเมตร ปลายด้านหนึ่งมีส่วนคอดเล็กกว่าอีกด้านเพื่อให้สวมกันเป็นท่อยาวได้ เมื่อเรียงสวมกันแล้วจะมีการเชื่อมหุ้มรอยต่อระหว่างท่อ เพื่อป้องกันน้ำรั่วด้วยปูนผสมหิน จากการศึกษาในยุคหลังพบว่า แหล่งน้ำที่ถูกนำมาใช้ในพระราชวังคือ น้ำจากทะเลชุบศร และห้วยซับเหล็ก น้ำจากทะเลชุบศร มาถึงพระนารายณ์ราชนิเวศน์ได้โดยการต่อท่อผ่านประตูน้ำปากจั่นไหลลงมายังสระแก้ว (เก่า) ซึ่งอยู่ในบริเวณสวนสัตว์สระแก้ว และมีการต่อท่อจากสระแก้วแห่งที่ 1 มายังสระแก้วแห่งที่ 2 คือวงเวียสระแก้ว หรือวงเวียนศรีสุริโยทัยในปัจจุบัน จากนั้นจึงมีการวางท่อน้ำตรงเข้าสู่ตัวเมืองลพบุรี ส่วนน้ำจากห้วยซับเหล็ก ซึ่งเป็นน้ำบริสุทธิ์ใสสะอาดไหลลงมาจากซอกเขาเดินทางมาไกลมากสำหรับยุคนั้น จึงต้องแบ่งทำเป็น 2 ช่วง และระหว่างเส้นทางแนวท่อน้ำเข้าสู่เมืองลพบุรี ยังสร้างท่อ(ปล่อง)ระบายความดันน้ำไว้เป็นระยะๆ เพื่อผ่อนแรงดันในฤดูน้ำมาก จะได้ไม่เกินกำลังรับน้ำของท่อดินเผา ท่อน้ำดังกล่าวซึ่งจัดแสดงไว้ในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จึงนับเป็นวิทยาการสุดล้ำที่ต้องชมให้เห็นกับตา (https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2018/04/6.%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A.jpg) 5. หลุมลับใต้วัง เส้นทางหนีพระนารายณ์จริงหรือ.? ปิดท้ายด้วยความลึกลับจากคำบอกเล่าของผู้คนที่บอกต่อๆ กันมาว่า ในวังพระนารายณ์มีหลุมหลบภัยที่ขุนหลวงฯเตรียมใช้เป็นเส้นทางหนีภัยการเมือง ซึ่งเรื่องเล่านี้ได้กลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกรอบหลังจากผศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ทุ่มเทเดินทางไปสำรวจด้วยตนเอง โดยระบุว่า พื้นที่ใต้พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท มีฐานอิฐสี่เหลี่ยมซึ่งข้างในมีหลุมลับหลุมหนึ่งที่เจาะลึกลงไปใต้ดิน โดยเล่ากันว่ามีทางเดินโผล่ทะลุไปยังแม่น้ำลพบุรีซึ่งอยู่เลยกำแพงวังด้านหลังออกมา กระทั่งนักโบราณคดีประจำสำนักศิลปากรที่ 4 ลพบุรี ออกมาแสดงความเห็นว่าแท้จริงแล้วอาจเป็นหลุมรองรับแกนเสายอดมหาปราสาทของพระที่นั่ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด เพราะยังไม่มีการขุดค้นทางโบราณคดี หลุมลับที่ว่านี้จึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป @@@@@@@ ทั้งหมดนี้คือ 5 จุดไฮไลต์ที่ไม่ไปถือว่าพลาด หมายเหตุ – ภาพบางส่วนจากฐานข้อมูลศิลปกรรมในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) สำหรับผู้สนใจศึกษาเส้นทางประวัติศาสตร์ “มติชน อคาเดมี” พาร่วมทริปย้อนเวลาไปเฝ้าขุนหลวงนารายณ์ ณ เมืองละโว้ ตามรอยขุนศรีวิสารวาจากับแม่หญิงการะเกด สู่ราชธานีแห่งที่ 2 ไปกับ รศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี ปรมาจารย์ประวัติศาสตร์กรุงเก่า วันที่ 29 เมษายน 2561 สนใจติดต่อที่มติชนอคาเดมี โทร 0-2954-3977-84 ต่อ 2123, 2124 หรือ 08-2993-9097, 08-2993-9105 Id Line @m.academy ่ขอบคุณเนื้อหาและภาพจาก https://www.matichon.co.th/news/919971 (https://www.matichon.co.th/news/919971) วันที่ 17 เมษายน 2561 - 13:31 น. |