สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 16, 2018, 06:04:36 am



หัวข้อ: นางปัญจปาปี กรรมมีแต่เหมือนมีบุญมาบัง เกิดเป็นหญิงอัปลักษณ์แต่มีสัมผัสเป็นทิพย์
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 16, 2018, 06:04:36 am

(http://img.amarindigital.com/unsafe/770x433/smart/http://goodlifeupdate.com/app/uploads/2018/05/%E0%B8%9B%E0%B8%81-%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B5.jpg)


นางปัญจปาปี กรรมมีแต่เหมือนมีบุญมาบัง เกิดเป็นหญิงอัปลักษณ์แต่มีสัมผัสเป็นทิพย์

ด้วยอกุศลกรรมส่งผลให้ นางปัญจปาปี เป็นหญิงอัปลักษณ์ แต่กุศลกรรมที่นางสร้างมาก็มี จึงทำให้พระราชา 2 พระองค์พยายามแย่งนางเป็นพระมเหสี ทำไม นางปัญจปาปี หญิงอัปลักษณ์ที่ใคร ๆ ต่างไม่เหลียวแล ถึงได้ครองหัวใจ 2 ราชา

สตรีนางหนึ่งผู้ “มีกรรมแต่เหมือนมีบุญมาบัง” เดี๋ยวก่อน ! คงคุ้นแต่วลีที่ว่า “มีบุญแต่เหมือนมีกรรมาบัง” แต่สำหรับสตรีนางนี้แล้วหาใช่อย่างนั้นไม่ นางมีกรรม เพราะเกิดมาอัปลักษณ์ แต่มีบุญมากอยู่เพราะได้เป็นถึงพระมเหสีที่โปรดปรานมาก ๆ ๆ ๆ กกกกกกกกกกก…… (ก.ไก่หลายตัว) ของพระราชา 2 พระองค์ คือ พระเจ้าพกะ กับ พระเจ้าพาวรีย์

@@@@@@

เรื่องของนางแทรกไว้เป็นเรื่องเล่าที่แทรกไว้ใน กุณาลชาดก ชาดกเล่าเรื่องของนางไว้ว่า มีกุมารีนางหนึ่งกำลังนั่งขย่ำดินเหนียวเพื่ออุดรอยรั่วของฝาบ้าน ขณะนั้นเองพระปัจเจกพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าประเภทหนึ่งที่ตรัสรู้แล้วไม่เทศนาสั่งสอนใคร) ต้องการดินมาอุดรอยรั่วของกุฎิ จึงบิณฑบาตมาถึงบ้านของกุมารี แล้วยืนนิ่งเพื่อรอบิณฑบาตก้อนดิน กุมารีเกิดความโมโหจึงขว้างก้อนดินก้อนใหญ่ใส่ลงไปในบาตร พระปัจเจกพุทธเจ้าเหาะกลับกุฏิแล้วใช้ดินนั้นฉาบบริเวณที่รั่ว

หลังจากนั้นนางกุมารีก็สิ้นบุญมาเกิดเป็นหญิงอัปลักษณ์ชื่อว่า “ปัญจปาปี”ชื่อของนางมีความหมายว่า “หญิงที่อัปลักษณ์ 5 ประการ”  พอนางเจริญวัยเป็นสาว แต่ยังติดนิสัยเล่นกับเด็ก ๆ ในบริเวณบ้าน พระเจ้าพกะปลอมพระองค์เป็นชาวบ้านมาท่องเที่ยว ถูกนางปัญจปาปีจับมือเพราะนางคิดว่าพระองค์เป็นเพื่อนของนาง ปรากฏว่าพระราชาบังเกิดความปรารถนาในนางปัญจปาปีที่สัมผัสแล้วเกิดความใคร่และสิเน่หา พระราชาจึงสู่ขอนางเป็นชายาจากพ่อแม่ของนาง แล้วจะมาหานางทุกคืน

@@@@@@

ต่อมาพระราชาทนไม่ไหวอย่างให้นางปัญจปาปีเป็นพระอัครมเหสี จึงให้เหล่าอำมาตย์ต้องที่กายของนาง เหล่าอำมาตย์ซึ่งไม่ยอมรับนางเป็นพระอัครมเหสีเพราะเห็นว่านางมีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดเหมือนปีศาจ พอได้สัมผัสกายนางแล้ว ทำให้รู้สึกชุ่มชื่นเหมือนอยู่ใกล้สตรีงาม เหล่าอำมาตย์จึงไร้ข้อกังขา เมื่อนางปัญจปาปีได้เป็นพระอัครมเหสี ก็เป็นที่ริษยาของเหล่าพระมเหสี พวกนางจึงใส่ร้ายนางว่านางเป็นปีศาจใช้เวทมนต์ให้พระเจ้าพกะหลงใหล พระราชาทรงเชื่อจึงให้ราชบุรุษนำนางปัญจปาปีลอยแพไป

แพของนางปัญจปาปีลอยมาถึงเรือของพระเจ้าพาวรีย์ เมื่อพระเจ้าพาวรีย์ได้สัมผัสกายของนาง ก็บังเกิดสิเน่หา จึงตั้งแต่งนางเป็นพระอัครมเหสี

ต่อมาพระเจ้าพกะคิดถึงนางปัญจปาปี จึงออกตามหาจนทราบว่าตอนนี้นางได้เป็นพระอัครมเหสีแห่งพระเจ้าพาวรีย์แล้ว พระองค์จึงยกทัพไปชิงนางปัญจปาปีคืนมา แต่ไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะซะที จนสุดท้ายแล้ว พระราชาทั้ง 2 พระองค์จึงตกลงกันสร้างวังขึ้นข้างละฝั่งของเมือง เพื่อที่จะได้เสด็จมาประทับร่วมกับนาง โดยจัดเวลาให้อยู่คนละ 7 วัน เท่านั้น


 
ข้อมูลจาก 8400.org
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/90551.html (http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/90551.html)