สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 08, 2018, 05:59:54 am



หัวข้อ: เปิดความเชื่อโบราณ เสียงร้อง "ตุ๊กแก" เป็นวิญญาณบรรพบุรุษ มาบอกลางร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 08, 2018, 05:59:54 am
(http://img.tnews.co.th/large/tnews_img_1528363277_4808.jpg)


ขนลุกอีกแล้ว.!! เปิดความเชื่อโบราณ เสียงร้อง "ตุ๊กแก" เป็นวิญญาณบรรพบุรุษ มาบอกลางร้าย.!! #ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

ความเชื่อสมัยโบราณนั้นยังคงอยู่คู่กับสังคมไทยเราจนมาถึงปัจจุบัน หากเราพดถึงสัตว์เลื้อยคลายที่น่าขนลุก ที่พบเห็นกันได้ทั่วไปตามบ้านเรือน ก็คงหนีไม่พ้นตุ๊กแก หลายคนกลัวเพราะว่ามันมีลักษณะที่น่าขนหัวลุก และมีความเชื่อมาแต่โบราณว่า หากถูกตุ๊กแกกัดแล้ว ต้องรอให้ฟ้าร้องก่อน มันถึงจะปล่อย นี่ก็เป็นความเชื่อโบราณที่ยังมีการพูดถึงมาในสมัยนี้

นอกจากนี้หนังสือประวัติศาสตร์แห่งพระราชอาณาจักรสยาม โดย ฟรังซัว อองรี ตรุแปง ชาวฝรั่งเศส ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากบันทึกของพระสังฆราชแห่งตาบรากา ซึ่งเคยพำนักอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ได้เล่าถึงความเชื่อเกี่ยวกับ "ตุ๊กแก" ที่ปรากฏในสมัยอยุธยาไว้ โดยความเชื่อส่วนหนึ่งยังสืบทอดต่อมาถึงปัจจุบัน และมีบางส่วนได้จางหายไปแล้ว ดังเช่น

ถ้าใครได้กินมูลของตุ๊กแก จะทำให้คนนั้นไม่มีเสียงไป 1 เดือน หรือถ้าปัสสาวะของมันหยดลงบนมือหรือผิวหนังของใคร จะทำให้ผิวหนังของคนนั้นมีรอยดำๆ ติดอยู่ตลอดไป หรือถ้าโดนตุ๊กแกกัด มันจะกัดไม่ปล่อย ซึ่งเป็นความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติเกี่ยวกับตุ๊กแกอย่างหนึ่ง คือ สัตว์ชนิดนี้เป็นที่สิงของดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับแล้ว ท่านมาเตือนด้วยการส่งเสียงร้องซึ่งมีความหมายในรูปแบบต่างๆ บางตำราก็ว่าให้ดูจำนวนครั้งที่ร้อง


(http://img.partiharn.com/userfiles/images/%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%81.jpg)

ถ้าร้อง 5 ทีไม่ดีนัก ร้อง 6 ถือว่าเจ้าของบ้านจะมีเรื่องเดือดร้อนอึดอัด ถ้าร้อง 7 ก็ยิ่งไม่ดีเพราะจะทำให้เสียทรัพย์ด้วย แต่หากตุ๊กแกร้องมากกว่านี้เช่น 8, 9 หรือ 10 ครั้งนั้นจะโชคดี มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต

โบราณท่านว่าควรจะเลี้ยง และถ้าพิเศษกว่านั้นคือถ้าร้อง 11 ครั้งนี่ถือว่าโชคดีหลายชั้นมากกับเจ้าของบ้านอาจพานพบเนื้อคู่ด้วย และในตำรายังบอกอีกว่าถ้าร้องเบาๆ หรือน้อยกว่า 5 ครั้งก็ไม่ต้องนับก็ได้เพราะไม่มีความหมาย


ขอบคุณข้อมูลจาก : Sanook.com
เรียบเรียงโดยเสาวลักษณ์ แสงสุวรรณ
http://inter.tnews.co.th/contents/459972 (http://inter.tnews.co.th/contents/459972)