หัวข้อ: ปฏิบัติธรรมอย่างไร ให้หายป่วยกาย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 21, 2018, 05:38:43 am (http://img.amarindigital.com/unsafe/770x433/smart/http://goodlifeupdate.com/app/uploads/2017/03/cj29.jpg) ปฏิบัติธรรมอย่างไร.? ให้หายป่วยกาย นี่เป็นหนึ่งในสองเรื่องที่มีคนถามบ.ก.มา เพราะเห็นว่ากระบวนการต่อสู้กับมะเร็ง มีเรื่องการนำวิธีการปฏิบัติธรรมมาใช้ด้วย เลยจะเล่าถึงวิถีการศึกษาและปฏิบัติธรรมแบบลุ่มๆ ดอนๆ…อึมมม…เรียกแบบนี้อาจไม่ถูกนัก เอาเป็นว่า เราพยายามหาหนทางปฏิบัติธรรมแบบของตนเองดีกว่า เริ่มจากตอนอายุ 25 ปี มีโอกาสปฏิบัติธรรมครั้งแรก ที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยการแนะนำของอาจารย์ที่สอนวรรณคดีอังกฤษ แม้จะยังไม่โตมากนัก และใช้เวลาปฏิบัติแค่ 4-5 วัน เราพบว่า การปฏิบัติธรรมช่วยล้างประสบการณ์ลบๆ ที่ติดอยู่ในจิตสำนึกออกได้หมด ระหว่างการลาขันธ์ออกจากการปฏิบัติครั้งนั้น อาจารย์แนะนำให้อธิษฐานสิ่งที่เป็นธรรมะ ท่านว่าจะเป็นจริง เราก็เอาเลย อธิษฐานตามความรู้สึกแรงกล้าที่ลุกโชนขณะนั้นเลย…ฉันไม่อยากเกิดอีกแล้ว กรรมใดที่ทำมาแต่ชาติปางไหน ให้กลับมาสนองฉันในชาตินี้ให้หมด แล้วดูสิว่า ฉันจะพ่ายแพ้ต่อกรรม??…บอกอาจารย์ให้รู้ถึงสิ่งที่ตัวเองอธิษฐานไป อาจารย์ตกใจ กลัวว่า กรรมใดสักกรรมจะทำให้เราตายเร็ว ก็นะ มันเป็นความตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ ชีวิตเลยต้องพบการพลัดพราก สูญเสีย และเปลี่ยนแปลงครั้งรุนแรงหลายๆครั้ง รวมถึงการเป็นมะเร็งต่อน้ำเหลืองนี่ด้วย…ถ้าเชื่อว่าชีวิตถูกกำหนดมาด้วยกรรมนะ อิอิ @@@@@@ สำหรับเรา หลังจากวันนั้น พุทธธรรมและการปฏิบัติเพื่อพัฒนาจิตใจตนเอง เหมือนแสงตะวันที่อยู่เหนือน้ำในสระบัวรำไรๆ เราจึงไม่เลิกปฏิบัติ บางช่วงติดวัดพระธาตุศรีจอมทองมาก พอจิตตกก็ต้องรีบหาเวลาไปนุ่งขาวห่มขาว แล้วก็เกิดความรู้สึกว่าไม่ใช่ การเข้าถึงธรรมะที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เราต้องละวางได้มากขึ้นเรื่อยๆ การยึดติดใดก็ต้องลดมันลงให้ได้ จึงพยายามไม่ไปวัดนั้น แต่ก็ยังปฏิบัติสายสติปัฏฐาน 4 ที่กรุงเทพ บางช่วงก็ไปปฏิบัติมันทุกเสาร์อาทิตย์ เดินวนเวียนอยู่แถววัดนั่นแหละ เช้าไปนั่งสมาธิร่วมกับผู้ปฏิบัติ บ่ายเดินจงกรมและฟังเทศน์ เย็นปฏิบัติอีกรอบหนึ่ง แล้วจึงกลับบ้านนอน บางช่วงก็ฟังเทปธรรมะ ตั้งแต่ลืมตาตื่น จนถึงที่ทำงาน กลับบ้านไปก็อ่านแต่หนังสือธรรมะ โดยเฉพาะของท่านพุทธทาส และท่านปยุตโต ช่วงหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น วูบมา ให้รู้สึก จนเกิดเป็นห่วงและกังวล หรือรู้สึกถึงอดีตชาติของบางคน รวมไปถึงรู้สึกได้ว่า เราเคยทำอะไรกับคนนี้ในชาติเก่าก่อน แล้วเขากำลังมาขอให้เราชดใช้…ช่วงเวลาแบบนี้ น้องทีมงานกอง บ.ก.บางคน จะชอบให้เราพูดอะไรสักอย่างออกมา เพราะนั่นจะเป็นเครื่องชี้อนาคตบางอย่างของนาง หรือสิ่งที่นางมีส่วนร่วม 555555 อันนี้ฮาจริง @@@@@@ สุดท้าย เรากลัวตัวเราเอง กลัวจะไปใหญ่ไปโต ประกอบอาชีพหมอดูไม่ใช่ทางของเรา จึงเพลาการปฏิธรรมอย่างเข้มข้นลง ประกอบกับมาป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่ต้องกินอาหารชีวจิตเข้มข้น เลยเป็นจังหวะที่ทำให้ปรับการปฏิบัติธรรมสู่ชีวิตประจำวัน โดยอยู่กับลมหายใจ และฝีเท้าตลอดเวลาที่นึกได้ รู้สึกเหนื่อย…ก็ปล่อยไป รู้สึกทรมาน…ก็ปล่อยไป รู้สึกหงุดหงิด…ก็ปล่อย กลัว…ก็ปล่อย และพลังสติอย่างละเอียดนี่เอง (เข้าใจเอาเอง) จึงทำให้แยกเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวพันรันตูยุ่งเหยิงออกจากกันได้ และแก้ไขไปทีละเรื่อง เพื่อรักษาประโยชน์ของครอบครัว ทุกคนรอบตัว งานการ และผู้อ่านเอาไว้ได้ อย่างไรก็ดี การเหนียวแน่นกับพระพุทธเจ้า หนทางธรรมะและการปฏิบัติ ล้วนแต่เกิดจากการเตรียมตัวพร้อมสำหรับรับกรรม ที่ไม่รู้มาจากแต่ชาติปางไหนต่อปางไหน และต้องมารุมสนองเราในชาตินี้ จะกรรมเล็ก ใหญ่ ร้าย หรือดี…ก็ต้องพร้อมนะคะ @@@@@@ สุดท้าย เราคิดว่า เรื่องการปฏิบัติธรรมนั้น มีแต่ข้อดี ทำให้เราเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง และทุกข์น้อยลง นอกจากนี้ การอยู่กับลมหายใจเสมอ ก็ช่วยให้สมองอยู่ในคลื่นอัลฟ่า สุข สงบ สมดุล และถ้าค้นคว้าต่อเรื่องสมองก็จะพบว่า สมองแบบนี้แหละที่ทำให้เราสามารถพัฒนาตนเอง และที่สำคัญป้องกันอัลไซเมอร์ได้ เรา (และทุกคน) จึงสามารถทำให้ตัวเองเป็นบัวที่โผล่ขึ้นบานพ้นผิวน้ำได้ อิอิ (และโปรดอย่าอินบ็อกซ์มาให้เราดูดวงให้นะคะ) ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก http://goodlifeupdate.com/healthy-body/health-education/52754.html#cxrecs_s (http://goodlifeupdate.com/healthy-body/health-education/52754.html#cxrecs_s) |