หัวข้อ: น้อมรำลึกคล้ายวันละสังขาร "พุทธทาสภิกขุ" ๘ กรกฎาคม ด้วยคำสอนเรื่อง บุญมี ๒ ชนิด เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 08, 2018, 05:31:09 am (http://img.tnews.co.th/large/tnews_img_1530972846_4076.jpg) น้อมรำลึกคล้ายวันละสังขาร "พุทธทาสภิกขุ" ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ด้วยคำสอนเรื่อง "บุญมี ๒ ชนิด"คำสอนที่เป็นสัจธรรม.. #คำสอนพุทธทาส คำสอนพุทธทาสภิกขุ น้อมรำลึก วันละสังขาร ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๖ บุญมี ๒ ชนิด คือว่าอาศัยความรู้สติปัญญาที่ถูกต้องชนิดหนึ่ง อาศัยความไม่รู้ เพียงแต่ศรัทธาหรือมิจฉาทิฏฐิก็ได้ ขอให้เข้าใจว่า คำว่ามิจฉาทิฏฐินี้ใช้ได้แม้แต่ในทางที่เป็นบุญ เพราะเขามีมิจฉาทิฏฐิ ยึดมั่นบุญในรูปแบบของสีลัพพตปรามาสอย่างนี้ก็มีอยู่มาก ไม่ใช่เป็นบุญที่สะอาด ไม่ใช่เป็นบุญที่จะทำลายล้างบาป หรือล้างมิจฉาทิฏฐิได้... เดี๋ยวนี้ในโลกนี้มันก็ยังมีอยู่มาก ที่เรียกว่าคนบ้าบุญ บ้าบุญนั้นมันต้องเป็นมิจฉาทิฏฐิแน่นอน แม้ว่าจะไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิที่เลวร้ายมากมายอะไรนัก มันก็ต้องเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ดี @@@@@@ นี่เราจะสังเกตในข้อนี้กันให้มาก ว่าเรากำลังเมาบุญหรือเปล่า หรือว่าบางทีจะใช้คำอื่นว่า เราอิ่มด้วยบุญหรือเปล่า...ถ้าอิ่มด้วยบุญมันก็กำกวมเหมือนกัน มันอาจจะอิ่มด้วยความเข้าใจผิด เช่นเดียวกันอีกก็ได้ แต่ถ้าว่ามันรู้ว่าบุญยังไม่ใช่ที่สุดจบของความทุกข์หรือการปรุงแต่ง มันก็อาจจะเบื่อบุญได้เหมือนกัน บุญนั่นแหละตัวการปรุงแต่ง บุญปรุงแต่งให้เวียนว่ายตายเกิดดี และบุญเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือ ชอบใจของสัตว์ จึงมีคำกล่าวว่า บุญ นั้นก็เป็น อุปธิ โอปธิกัง ปุญญัง บุญนั้นเนื่องด้วยอุปธิ เป็นไปโดยอุปธิ คืออุปาทาน ยึดมั่นถือมั่น เอามายึดถือไว้จนกลายเป็นของหนัก อะไรที่เอามายึดถือไว้ด้วย อุปาทานจนกลายมาเป็นของหนัก ก็เรียกว่าอุปธิ คือบุญนี้ก็เป็นอุปธิอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น คนจึงแบกบุญ บ้าบุญ ถือบุญ ในลักษณะที่เป็นอุปธิ อย่างนี้ไม่เรียกว่า กุศล (http://img.tnews.co.th/userfiles/images/tnews_1530973102_9674.jpg) ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูล ปกิณณกธรรมบรรยาย ครั้งที่ 3 เรื่อง บุญแท้เมื่อหมดความรู้สึกอยากมีบุญ ปี พ.ศ. 2525 #จดหมายเหตุพุทธทาส เพจ พุทธทาส เรียบเรียงโดย ศักดิ์ศรี บุญรังศรี ขอบคุณที่มา : http://www.tnews.co.th/contents/469316 (http://www.tnews.co.th/contents/469316) |