สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: chutina ที่ มกราคม 06, 2011, 12:42:52 pm



หัวข้อ: กรรมฐาน ปรับธาตุ ให้บริสุทธิ์ ได้อย่างไรคะ
เริ่มหัวข้อโดย: chutina ที่ มกราคม 06, 2011, 12:42:52 pm
อ่านแล้วยังไม่เข้า ใจว่า ทำไมต้องปรับธาตุ

  กรรมฐาน จะปรับธาตุได้อย่างไร คะ
 :25:


หัวข้อ: Re: กรรมฐาน ปรับธาตุ ให้บริสุทธิ์ ได้อย่างไรคะ
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มกราคม 06, 2011, 03:53:04 pm
กรรมฐาน คือ ธรรมฝ่ายขาว ย่อมปรับธาตุในกายให้บริสุทธิ์ ได้ ยกตัวอย่าง พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ

ทั้งหลายนั้น ล้วนเกิดจากปรับธาตุ ทางบวกทั้งหมด


ที่นี้ธาตุ เปลี่ยนไปตามอำนาจกิเลส ยกตัวอย่าง โทสะ ถ้ากิเลส โทสะ เข้าไปสู่จิตแล้ว จะสังเกตได้ว่าคนที่มีกิเลส
โทสะนั้น จะหน้าดำ หน้าแดง หน้าเขียว และ กระดูก ( ปฐวีธาตุ ) นั้นผุ กร่อน และ แก่ไว มีผลกับธาตุดิน เพราะ กิเลส คือ โทสะนั้น จะเพิ่มธาตุไฟในบุคคล ให้สูงขึ้น นะจ๊ะ


การปฏิบัติกรรมฐาน จะสามารถ ปรับธาตุ พวกนี้ได้

เจริญธรรม

 ;)


หัวข้อ: Re: กรรมฐาน ปรับธาตุ ให้บริสุทธิ์ ได้อย่างไรคะ
เริ่มหัวข้อโดย: lastman ที่ มกราคม 06, 2011, 08:33:23 pm
นำภาพ พระบรมสาีรีริกธาตุ มาให้ชมครับ

(http://www.bloggang.com/data/pratatlanna/picture/1120554827.jpg)


หัวข้อ: Re: กรรมฐาน ปรับธาตุ ให้บริสุทธิ์ ได้อย่างไรคะ
เริ่มหัวข้อโดย: lastman ที่ มกราคม 06, 2011, 08:34:35 pm
เรื่องการปรับธาตุ อันนี้ผมเชือเลยครับ เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยจะเข้าใจ พอได้ฟังอธิบาย แล้วรู้สึกเห็นชัดจริง ๆ ครับ

 :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: กรรมฐาน ปรับธาตุ ให้บริสุทธิ์ ได้อย่างไรคะ
เริ่มหัวข้อโดย: lastman ที่ มกราคม 06, 2011, 08:38:50 pm
พระอาจารย์ ยกเพียงโทสะ และ ถ้าเป็น โมหะ กับ โลภะ ละครับเปลี่ยนแปลงธาตุอะไรบ้างครับ

 :25:


หัวข้อ: Re: กรรมฐาน ปรับธาตุ ให้บริสุทธิ์ ได้อย่างไรคะ
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยจ้า ที่ มกราคม 07, 2011, 02:49:04 am
ปัจจุบันทั่วโลกยอมรับว่าการฝึกสมาธิ มีประโยชน์ต่อสุภาพทั้งทั้งทางร่างกายและจิตใจที่ผ่านมามีผลการวิจัยมากมาย จากหลากหลายสถาบันพบว่า การฝึกสมาธิช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บป่วยบางอย่างได้ เช่น

ช่วยควบคุมความอยาก

น้ำหนักที่มากเกินไปนำไปสู่ความเสี่ยงในการเป็นโรคร้าย
หลาย โรค เช่น เบาหวาน มะเร็ง หัวใจ ฯลฯ และคนอ้วน เป็นจำนวนไม่น้อยเกิดจากการรับประทานอาหารเร็วเกินไป ส่งผลให้บริโภคอาหารมากเกินความต้องการของร่าง กาย เพราะประสาทสัมผัสไม่ทันรับรู้ว่า รับประทานอะไรลงไป
บ้างและควรอิ่มหรือยัง

การฝึกสมาธิ หรือ ฝึกจิตใจจะช่วยให้สามารถควบคุมความเร็วในการรับประทานอาหารได้ โดยนักวิจัยมีคำแนะนำดังนี้ คือ นำอาหารที่ชอบมานั่งพิจารณาเหมือนกับไม่เคยเห็นมาก่อน เลยในชีวิต จานั้นสังเกตลักษณะภายนอกของ อาหารอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วค่อยๆ รับประทานโดยเคี้ยวอย่างช้าๆ ระหว่างนั้นถามตัวเองว่า อาหารมีรสชาติอะรไบ้าง เปรี้ยว หวาน เค็ม ก่อนจะกลืนลงไปเป้าหมายของการกระทำดังกล่าวคือเคี้ยวให้นานที่สุด ซึ่งจะ ช่วยลดทั้งความเร็วในการรับประทานอาหารและ ปริมาณอาหารที่บริโภคในแต่ละมื้อลงได้

ช่วยลดอาการปวดหลัง

ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยพิตส์เบิร์กในสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งปวดหลังเรื้อรังเกือบทุกวัน หลังจากฝึกสมาธิอาทิตย์ละ 4 วัน เป็นเวลา 8 อาทิตย์ ช่วยลดอาการปวดหลังได้ นอกจากนั้นผู้ป่วยอีก 2 คน ใน

การศึกษาครั้งนี้ สามารถเดินโดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า และหลังจากฝึกสมาธิติดต่อไปจนครบสาม
เดือนพบว่า ผู้ป่วยหนึ่งในสามรับประทานยาแก้ปวดและยานอนหลับน้อยลงอีกด้วย

ช่วยให้ความจำดีขึ้น

เมื่อไม่นานมานี้โรงพยาบาลแมสซาชูเซตต์ใช้เครื่อง MRI สแกนสมองของผู้ที่ฝึกสมาธิและไม่ได้ ฝึก ผลการวิจัยพบว่าเนื้อสมองของผู้ที่ฝึกสมาธิหนาขึ้น ซึ่งหมายความว่าเซลล์สมองยัง คงเจริญเติบโต จึงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้นั่นเอง

ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย

ผลการวิจัยพบว่า การฝึกสมาธิเป็นประจำช่วยลดความวิตกกังวลได้ 44% ลดความหดหู่ซึมเศร้าได้ 34% นอกจากนั้นหลังจากที่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยวิสคอนซินในสหรัฐอเมริกา ทดลองฉีดวัคซีนให้อาสาสมัครพบว่า ร่างกายของอาสาสมัครที่ฝึกสมาธิสามารถผลิตแอนติบอ
ดี้ได้มากกว่าอาสาสมัครที่ไม่ได้ฝึกสมาธิอย่างเห็ฯได้ชัด

ช่วยให้ชีวิตครอบครัวราบรื่น

ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งนอร์ทแคโรไลนาพบว่าคู่สามีภรรยาที่ต่างคนต่าง ฝึกสมาธิรู้สึกพึงพอใจกับการใช้ชีวิตคู่เพิ่มขึ้น และเครียดกับชีวิตคู่น้อยลง โดยความพึงพอใจดังกล่าวยังคงอยู่ต่อไปนานถึงสามเดือนอีกด้วย

การฝึกสมาธิจึงไม่ใเรื่องของคนคร่ำครึ เชย หรือหัวโบราณอีกแล้ว........เชื่อหมอน่ะครับ หมอเรียนมา


ที่มาข้อมูล
http://www.watnai.org/live/index.php?option=com_kunena&Itemid=65&func=view&catid=7&id=44 (http://www.watnai.org/live/index.php?option=com_kunena&Itemid=65&func=view&catid=7&id=44)