สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กันยายน 30, 2018, 06:52:03 am



หัวข้อ: มาสวด "มหาสมัยสูตร" กันเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 30, 2018, 06:52:03 am
 :25: :25: :25:

มาสวด "มหาสมัยสูต" กันเถอะ
จากคอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย โดย ลม เปลี่ยนทิศ , 14 เม.ย. 2555

โล่งอกกันไปที เมื่อแผ่นดินไหว 8.6 ริกเตอร์ที่อินโดนีเซีย สั่นสะเทือนมาถึงตึกสูงในกรุงเทพมหานคร ไม่ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สิึนามิ พัดถล่ม 6 จังหวัดอันดามันของไทยเหมือนปี 2547 เพราะไหวในแนวราบ คราวหน้าถ้ามันเกิดไหวสูงขึ้นมาอีกนิด ภาคใต้ฝั่งอันดามันของไทยก็โดนเต็มๆ

วันเสาร์สบายๆช่วงวันหยุดสงกรานต์วันนี้ ผมขอชวนท่านผู้อ่านเข้าวัดไปฟังการสวด “มหาสมัยสูตร” เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและบ้านเมืองกันสักวันนะครับ

เวลา 17.00 น. วันนี้(14 เม.ย. 2555) เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์  ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช  เจ้าอาวาสวัดสระเกศ   จะเป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ “มหาสมัยสูตร” เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ณ พระอุโบสถวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งทำต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 170 ปีแล้ว นับตั้งแต่รัชกาลที่ 1 เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ตนเองและประเทศชาติบ้านเมืองโดยทางวัดเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้าร่วมสวดด้วย

@@@@@@

การประกอบพิธีสวด “มหาสมัยสูตร” เพื่อ ทำน้ำพระพุทธมนต์ ที่ วัดสระเกศ ทำมาตั้งแต่ครั้ง สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 เมื่อยังดำรงพระยศเป็น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ที่บริเวณสระน้ำ “วัดสะแก” หรือ “วัดสระเกศ” ในปัจจุบัน

จากนั้นพระองค์จึงประกอบพิธี สรงน้ำมูรธาภิเษก หรือ น้ำอันศักดิ์สิทธิ์ ก่อนปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี

ภายหลังทรงสถาปนา กรุงรัตนโกสินทร์ ขึ้นมาแล้ว พระองค์ก็ทรงให้เปลี่ยนชื่อ “วัดสะแก” เป็น “วัดสระเกศ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติให้ต้องตามสถานที่ที่พระองค์ทรงประกอบพิธีมูรธาภิเษก วัดสระเกศ จึงถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสถาปนา ราชวงศ์จักรี และ กรุงรัตนโกสินทร์

@@@@@@

สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดให้มีการเจริญพระพุทธมนต์มหาสมัยสูตร ณ พระวิหารพระอัฏฐารสฯ วัดสระเกศ ในช่วง เทศกาลวันสงกรานต์  ซึ่งเป็น วันปีใหม่ไทย เพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ แจกจ่ายให้พุทธศาสนิกชน นำไปพรมบ้านเรือน เรือกสวนไร่นา ตลอดจน นำไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เพื่ออวยชัยให้เกิดสิริมงคลแก่กันและกัน ให้มีความร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป

การที่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้เจริญพระพุทธมนต์มหาสมัยสูตร ณ พระวิหารพระอัฏฐารสฯ ก็เพราะทรงเห็นว่า “พระอัฏฐา-รส” เป็นพระพุทธรูปที่เกี่ยวกับเหตุการณ์มหาสมัยสูตร

@@@@@@

มีเรื่องเล่าว่า ช่วงที่ พระพุทธเจ้า เสด็จไปทรงถวายการพยาบาล พระเจ้าสุทโธทนะ พระบิดาที่กรุงกบิลพัสดุ์ มีพระญาติสองฝ่ายคือ ศากยะ และ โกสิยะ ซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำโรหิณี เกิดทะเลาะแย่งน้ำทำนา เมื่อไม่ สามารถตกลงกันได้ กษัตริย์สองฝ่ายก็ยกทัพจะไปรบกัน พระองค์รู้จึงเสด็จไปประทับนั่งขวางกองทัพกษัตริย์ทั้งสอง

เมื่อกษัตริย์ทั้งสองเห็น “พระศาสดา” ผู้เป็นพระญาติเสด็จมาเอง จึงทิ้งอาวุธไปเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสสอนว่า “มหาบพิตร พวกพระองค์อาศัยน้ำที่มีค่าน้อย แล้วทำให้กษัตริย์ซึ่งหาค่ามิได้ ให้ฉิบหายไปทำไมกัน หมู่ญาติยิ่งมากยิ่งดี ต้นไม้ที่เกิดในป่า แม้จะโตเป็นเจ้าป่า ถ้าตั้งอยู่โดดเดี่ยว ย่อมถูกแรงลมพัดโค่นลงได้”

เมื่อสองกษัตริย์ได้ฟังคำสอนแล้วก็ได้สติ จึงยุติสงครามและถวายพระราชกุมารฝ่ายละ 250 องค์ ให้บรรพชากับพระศาสดาด้วยเอหิภิกขอุปสัมปทา

พระอัฏฐารสฯ เป็นพระพุทธรูปปางประทับยืน ถือเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ส่วนบทสวด “มหาสมัยสูตร” นี้ พระพุทธเจ้า เคยใช้ในการประชุมใหญ่เหล่าเทพ เทวดาน้อยใหญ่จึงชอบบทสวดนี้ ใครที่สวดมนต์บทนี้เทวดาจะรักจะคุ้มครอง ที่สำคัญก็คือ การสวดมหาสมัยสูตรจะช่วยให้ “จิตเป็นสมาธิ”  มีแต่ความสงบสุข ลดละจากกิเลสราคะ อยากได้อยากใหญ่ที่กำลังช่วงชิงกันได้ดีนักแล.

        “ลม เปลี่ยนทิศ”


จากคอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย โดย ลม เปลี่ยนทิศ , 14 เม.ย. 2555 05:00 น.
ขอบคุณเว็บ : https://www.thairath.co.th/content/252910 (https://www.thairath.co.th/content/252910)