สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 29, 2018, 07:10:55 am



หัวข้อ: เครื่องราง ของขลัง ศักดิ์สิทธิ์ จริงหรือ.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 29, 2018, 07:10:55 am
(https://goodlifeupdate.com/app/uploads/2018/11/bell-3565587_1280.jpg)


Dhamma Talk : เครื่องราง ของขลัง ศักดิ์สิทธิ์ จริงหรือ.?
สนทนาธรรมกับ อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

อาจารย์คะ คำว่า "ศักดิ์สิทธิ์" แปลว่า อะไรคะ.?

ตามพจนานุกรม คำว่า ศักดิ์สิทธิ์" มีความหมายว่า ที่เชื่อว่ามีอำนาจอาจบันดาลให้สำเร็จได้ดังประสงค์ "ขลัง" หรือ "วิเศษ" ดังนั้นอะไรที่ทำให้สิ่งต่างๆ สำเร็จได้ สิ่งนั้นถือว่าศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับแต่ละคนจึงต่างกัน เช่น ปราชญ์มีความรู้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คนดีมีศีลเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โจรมีอาวุธเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กรรมการตัดสินฟุตบอลมีใบเหลืองใบแดงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนผู้หญิงมีการร้องไห้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ

แต่อะไรก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าธรรมะของพระพุทธเจ้า เพราะธรรมะทำให้พ้นทุกข์และถึงนิพพานได้ ซึ่งเป็นความสำเร็จของชีวิตสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด

@@@@

แล้ว เครื่องรางของขลังต่างๆ ล่ะคะ ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหม.?

เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับภูมิธรรม ภูมิปัญญาของแต่ละบุคคล ปุถุชนที่รู้ไม่จริง ยังไม่มีคุณธรรมสูงพอที่จะคุ้มรักษาใจตัวเอง มักจะแสวงหาสิ่งภายนอกมาเป็นที่พึ่งของใจ เช่น นำใจไปฝากไว้กับต้นไม้ ก้อนหิน ปลาไหลเผือก ฯลฯ แล้วยึดถือกันไปเองว่าสิ่งเหล่านี้จะนำความสำเร็จมาให้

สมัยที่หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ยังมีชีวิตอยู่ มีคุณนายคนหนึ่งไปหาท่านเพื่อนำพระเครื่องราคาหลายล้านบาทไปให้ดูว่าศักดิ์สิทธิ์ไหม หลวงปู่ดุลย์เห็นแล้วจึงตอบทันทีว่า “มันไม่ศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าขี้ดินที่อยู่ที่ฝ่าเท้าของกูหรอก ดังนั้นเราสามารถสังเกตสภาวะจิตของคนได้จากสิ่งที่เขาศรัทธา สติปัญญาของใครอยู่ในระดับไหนก็จะศรัทธาเลื่อมใสในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ระดับนั้น

@@@@

แล้วทำไมเราต้องกราบไหว้พระเครื่องเหล่านี้ล่ะคะ.?

ที่เรากราบไหว้นั้นเรากราบไหว้พระคุณของท่านต่างหาก เรากราบไหว้พระพุทธรูปก็เพื่อบูชาพระคุณทั้งสามของพระพุทธเจ้า คือ พระเมตตาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ และที่เราห้อยพระที่คอก็เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงบุญคุณเหล่านี้

@@@@

เป็นไปได้ไหมคะ.? ที่คนเราจะคลาดแคล้ว หรือรอดตายจากอุบัติเหตุได้ เพราะห้อยหลวงพ่อต่างๆ

เป็นไปได้ เพราะพลังความดีของผู้ที่มีคุณธรรมสูงสามารถสถิตอยู่ในวัตถุต่างๆ ได ้ เหมือนเวลาเราเข้าไปในโบสถ์แล้วรู้สึกสงบเย็น แม้แต่ชาวต่างประเทศเดินเข้าไปในโบสถ์ยังรู้สึกสงบทั้งๆ ที่ไม่ใช่ชาวพุทธ ฉะนั้นคนทั่วไปจึงนับถือสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับผู้มีคุณธรรมสูงว่าศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้พระพุทธเจ้ามิได้แนะนำให้ยึดถือ เพราะเมื่อยึดถือแล้ว จะไม่สามารถพัฒนาจิตวิญญาณของเราให้ศักดิ์สิทธิ์มากไปกว่านั้นได้ ท่านจึงให้ยึดถือและนำธรรมะมาไว้ในใจแทน เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์เท่ากับธรรมะของพระพุทธเจ้า หากมีธรรมะสถิตอยู่ที่ใจแล้วเครื่องบินตกไม่ตาย ไม่ถูกโจรปล้น เพราะธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ผู้โชคชะตาไม่ดี หรือมีพฤติกรรมไม่ดี ธรรมะสามารถเปลี่ยนให้เป็นดีได้

@@@@

ทุกวันนี้อาจารย์ห้อยพระเครื่องไหมคะ.?

แต่ก่อนเคยห้อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ห้อยเลยสักองค์เดียว อาจารย์เชื่อว่าพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่ยึดถือสิ่งเหล่านี้เป็นสรณะอีกแล้ว เพราะธรรมะที่อยู่ในใจนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่า

@@@@

อาจารย์คะ แล้วเทพต่างๆ ที่เราบูชากัน เช่น พระพรหมหรือพระพิฆเนศวรล่ะคะ มีอยู่จริงไหม.?

มีจริงสิ ถ้าขวัญพัฒนาจิตจนเข้าฌานได ้ เมื่อออกจากฌานจะเห็นได้ด้วยทิพพจักขุของตัวเอง พระพรหมหรือพระพิฆเนศวรนั้น จริงๆ แล้วคือเทวดาที่ยังเป็นปุถุชนนี่ละ พระพุทธเจ้าจึงไม่แนะนำให้ชาวพุทธนับถือกราบไหว้บูชา เพราะมนุษย์สามารถพัฒนาจิตวิญญาณให้เป็นพระอริยบุคคลซึ่งมีคุณธรรมสูงกว่าเทวดาเหล่านี้ได้ การนำจิตไปอยู่ภายใต้เทวดาเหล่านี้ทำให้หมดสิทธิ์ที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเองให้สูงกว่าเทวดา

@@@@

แล้วจตุคามฯล่ะคะ มีจริงไหม.?

มีจริง จตุคามฯไม่ได้ช่วยให้ร่ำรวย เพราะความร่ำรวยทรัพย์ไม่ได้เกิดจากการบูชาเทพหรือท่องคาถา แต่เกิดขึ้นจากการขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงานและให้ทรัพย์เป็นทานอยู่เสมอ

จตุคามรามเทพนั้นเป็นเพียงเทวดาสัมมาทิฐิ ที่คอยช่วยเหลือคนดี และชอบช่วยงานพระศาสนา วัดไหนจะสร้างศาสนวัตถุ เช่น สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ ถ้าสร้างจตุคามฯขึ้นมา เขาก็จะตามบริวารมาช่วยให้วัดมีเงินสร้างเจดีย์ได้ เป็นต้น

ในเมื่อมนุษย์สร้างรูปเคารพของเทพ เช่น หล่อจตุคามฯ มาแจกกันนับล้านๆ องค์ แล้วเทพเหล่านั้นจะไปสถิตอยู่ในรูปเคารพเหล่านั้นเพื่อปกปักรักษามนุษย์ได้ครบทุกองค์ได้อย่างไรคะ

เทวดามีพลังจิตมาก สามารถเคลื่อนที่ไปไหนๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว คำว่า พริบตาเดียวของมนุษย์ยังนับว่าช้ามากเมื่อเทียบกับเวลาของเทวดา เพราะฉะนั้นรูปเคารพต่างๆ แม้กระทั่งก้อนหินหรือต้นไม้ เทวดาเขาก็เข้าสถิตได้จำนวนมาก

@@@@

แล้วเทพเหล่านี้สามารถดลบันดาลสิ่งต่างๆ ตามที่เราขอได้จริงหรือคะ.?

จริงๆ แล้วเทวดามีหลายประเภท เทวดาที่มีมิจฉาทิฐิมีอยู่เป็นจำนวนมากกว่า แต่เทวดาที่มีสัมมาทิฐินั้นจะปกปักรักษาคนดีและคนมีคุณธรรม

กฎธรรมชาติกำหนดไว้ว่า การทำความดีเป็นคุณธรรมของมนุษย์ การรักษามนุษย์ผู้ทำความดีนั้นเป็นคุณธรรมของสวรรค์ ดังนั้นมนุษย์ที่มีอย่างน้อยเบญจศีล เบญจธรรมอยู่กับใจทุกขณะตื่นจึงมีเทวดาคุ้มรักษา ไม่ต้องไปเชื้อเชิญเพราะเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว ส่วนมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมนั้น เทวดาจะหนีห่าง ไม่มาเกี่ยวข้องด้วย

ด้วยเหตุนี้การพัฒนาใจให้มีศีล มีธรรม จึงศักดิ์สิทธิ์กว่าการห้อยพระเครื่อง แม้จะห้อยพระเครื่องราคาหลายสิบล้านบาท แต่ถ้าประพฤติตนเป็นผู้ไร้ศีล ไร้ธรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ก็ไม่สามารถคุ้มครองได้

@@@@
 
ถ้าเทวดาสามารถช่วยเราได้ เราไม่ควรนับถือเขาหรือคะ.?

เทวดาที่คุ้มรักษาเราเป็นผู้มีคุณ แม้เราจะไม่เอาเขามาเป็นที่พึ่งที่เคารพบูชา แต่ก็สามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ดังนั้นเมื่อเราทำบุญแล้วต้องอุทิศบุญกุศลให้เขาด้วย เพื่อจะได้รักษาความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไว้

@@@@

อาจารย์คะ เวลาคนไปกราบไหว้เทพตามศาลเจ้าต่างๆ แล้วมีอาการแปลกๆ เช่น ตัวสั่น หรือลุกขึ้นมาร่ายรำนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไรคะ.?

เป็นธรรมดา เพราะเทวดามีพลังจิตเหนือกว่ามนุษย์มาก จึงสามารถเข้าสิงหรือใช้ร่างของมนุษย์ผู้มีบุญน้อย มีกำลังของสติอ่อนได้ ผู้ใดมีกำลังสติปัญญากล้าแข็ง มีคุณธรรมสูง เทวดาไม่สามารถมาอาศัยใช้ร่างเพื่อประโยชน์ของเขาได้

@@@@

อย่างนี้แปลว่าพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ต่างๆ ก็มีจริงน่ะสิคะ.?

มีจริง แต่พระพุทธเจ้าห้ามพระสงฆ์ในพุทธศาสนาประพฤติ เพราะไสยศาสตร์เป็นเดรัจฉานวิชา พระพุทธเจ้าให้เว้นห่าง สงฆ์ใดประพฤติปฏิบัติแล้วจิตจะตกเป็นทาสของอวิชชา ทำให้เป็นอริยบุคคลไม่ได้ เข้าถึงนิพพานและพ้นทุกข์ไม่ได้

@@@@

แล้วทำไมศาสนาพุทธในบ้านเราถึงใกล้ชิดกับไสยศาสตร์มากขนาดนี้ล่ะคะ.?

เพราะพุทธศาสนาในบ้านเรารับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์มามาก จริงๆ แล้วเป้าหมายสูงสุดของศาสนาพุทธคือวิธีปฏิบัติพัฒนาจิตเพื่อให้พ้นไปจากความทุกข์ ไม่ได้สอนให้ติดอยู่ในพิธีกรรมหรือไสยศาสตร์ใดๆ

 
@@@@

ที่บ้านอาจารย์ยังมีรูปเคารพของเทพต่างๆ ไหมคะ.?

มี ส่วนมากคนอื่นเขาให้มา อาจารย์ก็เก็บไว้ในที่ที่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นเครื่องระลึกถึงคุณธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นเทวดา เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของบุคคลผู้ที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมที่สูงกว่ามนุษย์อีกเป็นจำนวนมาก

@@@@

แล้วถ้าเรายังกราบไหว้บูชาสิ่งเหล่านี้อยู่ถือว่าผิดไหมคะ.?

ขึ้นอยู่กับเจตนาของเรา ถ้าเรากราบไหว้บูชาในคุณงามความดีนั้นไม่ผิด แต่ถ้ากราบไหว้บูชาเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเพื่อขอนั่นขอนี่นั้น จัดว่าเข้าข่ายเพิ่มพูนความหลง (โมหะ) ให้มีกำลังมากขึ้น เป็นการบูชาสิ่งที่ไม่ควรบูชา

@@@@
 
เวลาอาจารย์กราบพระ อาจารย์คิดอะไรคะ.?

คิดว่ากราบเพื่อบูชาคุณของพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ผู้เป็นสุปฏิปันโน หรืออริยสงฆ์ และหากจะต้องไปบรรยายที่ไหน อาจารย์ก็จะอาราธนาคุณงามความดีของท่าน บันดาลให้เราบรรยายธรรมได้อย่างถ่องแท้ ชัดแจ้ง ลึกซึ้ง กินใจ ประทับใจผู้ฟัง

@@@@

อย่างนี้ไม่ใช่การขอหรือคะ.?

ไม่ใช่การขอ เพราะจะสำเร็จตามนั้นหรือไม่ อาจารย์ไม่สนใจเพียงแค่ตั้งจิตให้มั่น แล้วสร้างเหตุให้ตรงด้วยการกล่าวคำเชิญปัญญาบารมีของท่านไปร่วมแสดงธรรม

การขอเป็นการพูดให้เขาให้ในสิ่งที่เรายังขาด พระพุทธเจ้าจึงไม่สอนให้ชาวพุทธทำตัวเป็นผู้ขอ แต่ท่านสอนให้ตั้งจิตอธิษฐาน คือการตั้งความปรารถนาเพื่อให้สำเร็จในสิ่งที่ดีงาม เมื่ออธิษฐานแล้วต้องทำเหตุให้ถูกตรง แล้วสิ่งต่างๆ ตามที่ปรารถนาจะเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง

 

ที่มา : นิตยสาร Secret
เรื่อง : ฐิติขวัญ เหลี่ยมศิริวัฒนา
photo by asundermeier on pixabay
Secret Magazine (Thailand) , IG @Secretmagazine
ขอบคุรเว็บไซต์ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/126660.html
By ying , 28 November 2018