สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 30, 2018, 06:46:27 pm



หัวข้อ: 5จี ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วเน็ต แต่มันคือ โอกาสใหม่ที่จะพลิกโฉมประเทศ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 30, 2018, 06:46:27 pm


(https://www.thaipost.net/main/uploads/photos/big/20181130/image_big_5c00e367b18ca.jpg)


5จี ไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วเน็ต แต่มันคือ โอกาสใหม่ที่จะพลิกโฉมประเทศ
 
การที่ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เริ่มมีการรุกในเรื่องบริการ 5จี ทั้งการทำเรื่องเตรียมพร้อมรองรับอนาคต 5G ด้วยระบบแจ้งค่าพิกัดแบบ GNSS RTK  และการทดสอบอุปกรณ์ 5G   ถือเป็นการส่งสัญญาณนับถอยหลัง สำหรับโครงข่ายแห่งอนาคตที่คาดว่าจะพลิกโฉมประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

โดยในขณะนี้แต่ละค่าย ก็ได้เริ่มทำการทดสอบระบบ 5จี กับการใช้งานรูปแบบต่างๆอย่างอยู่  ซึ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีการสื่อสารยุค 5จี จะมีความสอดคล้องกับ การผลักดันเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล   เพราะพื้นฐานของเทคโนโลยี 5จี นั้นไม่ได้ใช้เพื่อการโทรคมนาคมทางด้านเสียง หรือแค่ส่งผ่านข้อมูลสำหรับสมาร์ทโฟนเท่านั้น  แต่ 5จี คือ ยุคของการเชื่อมโยงทุกอุปกรณ์เข้าด้วยกัน หรือที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ ( IoT) ที่จะช่วยเชื่อมโยงอุปกรณ์และแอปพลิเคชั่น ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ

@@@@@@

ดังนั้นจุดเด่นของ 5จี ไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดสรรคลื่น หรือ การลงทุนในอุปกรณ์เท่านั้น แต่หัวใจ ของ 5จี คือ แอปพลิเคชั่น และการประยุกต์การใช้งาน  ซึ่งก็รู้กันดีว่า ประเทศไทย เป็นประเทศผู้ซื้อเทคโนโลยี ไม่ใช่ผู้ผลิต ดังนั้นเพียงแค่มีเงินก็สามารถอัพระบบเป็น 5จี ได้แล้ว แต่สาระสำคัญของการใช้ 5จี ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด คือ การนำเสนอบริการ หรือ สินค้า รูปแบบใหม่ๆ ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของคนในสังคม มีความสะดวกสบายง่ายขึ้น

จุดเด่นของโครงข่าย 5 จี ถ้าจะเข้าใจให้ง่ายว่าแตกต่างจาก 4จี อย่างไร นอกจากความเร็วรับ-ส่งข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น 15 เท่า สิ่งที่ 5จี จะทำให้เกิดนวัตกรรมหรือบริการใหม่นั่นก็คือการตอบสนองสัญญาณ (Latency) ที่เร็วมากเพียงเสี้ยววินาที คือ ไม่เกิน 1 มิลลิเซ็กกันด์ หรือ 1 ใน 1,000 ของวินาที  ซึ่งจะทำให้การควบคุมอุปกรณ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น และยังรองรับอุปกรณ์ IoT ได้นับล้านชิ้นในหนึ่งตารางกิโลเมตร นี่คือสิ่งที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ยุค 5จี ในการออกแบบให้บริการต่างๆ จากภาคธุรกิจสู่ธุรกิจด้วยกัน จนถึงภาคธุรกิจสู่ผู้ใช้งานทั่วไป


(https://www.thaipost.net/main/uploads/photos/big/20181130/image_big_5c00e37d96fb4.jpg)

อย่างกรณีของ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค)  ที่แม้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติทดสอบ 5จี จากกสทช. อยู่นั้น แต่ในระหว่างนี้ก็ได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(ดีป้า)  พัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการรูปแบบใหม่  อาทิ  "ระบบแจ้งพิกัด"  ซึ่งในอนาคตสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการระบุพิกัดสถานที่ต่างๆ และตำแหน่งที่มีความแม่นยำสูง ที่จะพัฒนาไปสู่การพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ได้

ไม่ว่าจะเป็น  การนำยานยนต์ไร้คนขับมาให้บริการ การใช้โดรนขนส่งสินค้าทางอากาศสู่จุดรับสินค้า  รวมทั้งการใช้งานของเกษตรกรรมแนวใหม่ เช่น สามารถใช้โดรนในการฉีดยาควบคุมแมลงได้ถึงระดับเฉพาะต้นในแปลงเพราะปลูก รวมถึงการผ่าตัดทางไกล ที่สามารถสั่งการหุ่นยนต์ให้ทำงานได้เปรียบเสมือนเป็นมนุษย์จริงๆ

นอกจากนี้ ดีแทค ยังมีพัฒนาบริการการเกษตรรูปแบบใหม่ “ฟาร์มแม่นยำ” ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชั่น Farmer info ที่ถือเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและบิ๊กดาต้าเข้ามาปรับใช้ในด้านการเกษตร  ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีโครงข่ายมาสร้างผลิตผลเพิ่มให้กับเกษตรกร  ซึ่งบริการนี้ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของการพยากรณ์อากาศเฉพาะพื้นที่ การตรวจสุขภาพพืช และการวางแผนการเพาะปลูก  และลดภาระค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองได้  นี่เป็นแค่เพียงบางตัวอย่าง แต่ถ้ายุค 5จี มาจริงๆ มันจะเกิดบริการรูปแบบใหม่ๆมาอีกมากมาย

@@@@@@

ดังนั้นต้องมีความเข้าใจว่า การเปิดตัว 5จี จะไม่ใช่แค่การอัพเกรดโครงข่าย หรือแค่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แต่จะต้องมีการสร้างการส่วนร่วมทั้งอุตสาหกรรมสู่การเชื่อมต่อธุรกิจสู่ธุรกิจ และธุรกิจสู่ผู้บริโภค รวมทั้งยังพลิกโฉมอุตสาหกรรมและธุรกิจด้วยวิธีการใหม่ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความยั่งยืน นี่คือกลยุทธ์ 5G ที่ไทยควรจะต้องเดินไป

อย่างไรก็ดีการขับเคลื่อนเทคโนโลยี 5G ให้ประสบความสำเร็จ หัวใจหลักไม่ได้อยู่ที่ภาครัฐ หรือ หน่วยงานกำกับดูแลเท่านั้น  เพราะการจัดสรรคลื่นความถี่นั้นเป็นแค่ส่วนเดียวของ 5จี  โดยในอนาคต กสทช. ก็จะมีการจัดสรรคลื่นความถี่ ที่ใช้งาน 5จี  อย่างย่าน  700, 2600, 3500 เมกะเฮิรตซ์ และ 28 กิกะเฮิรตซ์ ออกมาอยู่แล้ว 

แต่หากจะให้มันขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์มันจะต้องเกิดความร่วมมือทั้ง เอกชน และ ภาควิชาการ รวมกันเป็น 3 พลังประสานงาน  ภาครัฐช่วยในเรื่องข้อกฎหมาย อำนวยความสะดวก วางกติกา จัดสรรคลื่นอย่างเป็น ธรรม ราคาไม่สูงเกินไป ด้านเอกชน นำมาพัฒนาบริการให้กับลูกค้า  ขณะที่ภาควิชาการ อาจจะนำความรู้ใหม่ มาเสริมเพื่อสร้างให้ การนำ 5จีไปใช้ได้ประโยชน์สูงสุด



ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
https://www.thaipost.net/main/detail/23164 (https://www.thaipost.net/main/detail/23164)
30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 14:18 น.