หัวข้อ: การที่ควรและมิควรปฏิบัติของ องค์พระมหากษัตริย์.! อย่าเสวยผลไม้ที่มีต้นและผลดำ.!! เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 16, 2019, 06:17:26 am (https://mpics.mgronline.com/pics/Images/562000003709501.JPEG) ๗ มหาราชของชาติไทย การที่ควรปฏิบัติและมิควรปฏิบัติ ของ องค์พระมหากษัตริย์.! อย่าเสวยผลไม้ที่มีต้นและผลดำ.!! จากหนังสือ “บรมราชาภิเษก” ศึกษาค้นคว้าโดย นางณัฏฐภัทร จันทวิช ซึ่งบริษัท รุ่งอรุณ พับลิชชิ่ง จำกัด จัดพิมพ์เนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๒ ในบทสรุปวิเคราะห์มีข้อความที่น่าสนใจเกี่ยวกับคติความเชื่อดั้งเดิมของคนไทย ที่กำหนดข้อควรและไม่สมควรที่พระเจ้าอยู่หัวจะพึงปฏิบัติ ซึ่งจะทำให้พระองค์มีความเจริญรุ่งเรือง ประกอบด้วยฤทธานุภาพและตบะอันสูง ในหัวข้อ “การที่ควรปฏิบัติและมิควรปฏิบัติขององค์พระมหากษัตริย์” @@@@@@ ข้อควรปฏิบัติและยึดถือ มี ๙ ประการ คือ ๑. เมื่อจะเสวยพระกระยาหาร ประทับหันพระพักตร์ไปทางตะวันออก ๒. ให้เสวยปลาที่มีรสโอชา ๓. ให้เสวยผลไม้ที่มีรสหวาน ๔. ให้ดมกลิ่นดอกไม้อันหอม ๕. ให้สรง (อาบน้ำ) ระหว่างเวลาเที่ยง ๖. ให้ลูบไล้พระวรกายด้วยเครื่องหอม ๗. เมื่อจะบรรทมให้บ่ายพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ๘. เมื่อตื่นพระบรรทมแล้วให้สรงพระพักตร์ด้วยน้ำสังข์ และน้ำที่มีกลิ่นหอม และให้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ๙. ให้ทรงพระภูษาเนื้อละเอียด @@@@@@ ส่วนการที่มิควรปฏิบัติสำหรับพระมหากษัตริย์ มี ๑๐ ประการ คือ ๑. อย่าทอดพระเนตรดูแสงพระอาทิตย์ ๒. อย่าบรรทมตื่นสายจนแสงพระอาทิตย์ขึ้น ๓. อย่าเสวยพระกระยาหารในเวลาบ่ายถึงยามหนึ่ง ๔. อย่าเสวยผลไม้ที่มีต้นและผลดำ ๕. อย่าเสวยน้ำที่มีมันตมและห้วยหนอง ๖. อย่าเสวยเนื้อปลาที่คาวและไม่มีมัน ๗. อย่าเสวยพระโอสถที่หมอปรุงขึ้นในที่มิชอบ ๘. อย่าเสวยสิ่งที่ต้องขบ ต้องกัด ๙. อย่าเสพกามคุณด้วยสตรีที่มีอายุ ๔๐-๕๐ ปี ๑๐. อย่าทรงพระภูษาเนื้อหยาบ @@@@@@ นอกจากนี้ พระองค์ยังต้องทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจที่สำคัญๆ เรียกว่า “จักรวรรดิวัตร” ซึ่งมีอยู่ ๕ ประการ คือ ๑. ธรรมาธิปไตย ถือธรรมเป็นใหญ่ เคารพและเชิดชูธรรม ตั้งตนอยู่ในธรรม ๒. ธรรมิการักขา ให้ความคุ้มครองโดยธรรม ด้วยการรักษาคุ้มครองป้องกันอันชอบธรรม แก่ชนทุกหมู่เหล่าในแผ่นดิน ๓. อธรรมการ คือจัดการป้องกันแก้ไขมิให้มีการกระทำที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นในบ้านเมือง ๔. ธนานุประทาน แบ่งปันทรัพย์เฉลี่ยให้แก่ผู้ยากไร้ ด้วยการจัดให้ราษฎรมีการหาเลี้ยงชีพพึ่งตนเองได้ ๕. ปริปุจฉา คือการมีที่ปรึกษาที่ทรงวิชาการ ทรงคุณธรรม เป็นผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบ ที่จะช่วยให้เจริญปัญญาและกุศลธรรม @@@@@@ นอกจากนี้แล้ว องค์พระมหากษัตริย์ยังต้องทรงประกอบราชสังคหะ คือต้องทำนุประชาราษฎร์ด้วยหลักธรรมที่เรียกว่า “ราชสังคหวัตถุ” ทั้งยังต้องเป็นผู้ละเว้นอคติทั้งปวงด้วย สำหรับ ราชสังคหวัตถุ มี ๔ ประการ คือ ๑. สัสสะเมธังฉลาดที่จะบำรุงธัญญาหาร ๒. วาจาเปยะมีวาทะดูดดื่มใจ ๓. ปุริสเมธังฉลาดสงเคราะห์บุรุษ ๔. สัมมาปาสังสามารถผูกน้ำใจมนุษย์ให้นิยมยินดี @@@@@@ สำหรับ อคติต่างๆ ที่ต้องละเว้น มี ๔ ประการ คือ ๑. ฉันทาคติลำเอียงเพราะชอบ ๒. โทสาคติลำเอียงเพราะชัง ๓. ภยาคติลำเอียงเพราะขลาดกลัว ๔. โมหาคติลำเอียงเพราะหลงหรือเขลา @@@@@@ ธรรมดังกล่าวเหล่านี้ เป็นธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า เป็นธรรมที่องค์พระมหากษัตริย์หรือผู้นำรัฐพึงกระทำ ซึ่งก็นับว่าเป็นการยากยิ่งที่บุคคลธรรมดาจะปฏิบัติได้อย่างสม่ำเสมอ แต่ก็นับว่าเป็นบุญของประชาชนชาวไทย ที่มีองค์พระมหากษัตริย์ซึ่งเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมนี้มาตลอด ทำให้ชาติไทยมีความร่มเย็น สุขสงบ และเจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับ ขอบคุณที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000035831 เผยแพร่ : 15 เม.ย. 2562 11:11, โดย : โรม บุนนาค |