หัวข้อ: "ดวงตาเห็นธรรม" มีทั้งระดับพระโสดาบัน และระดับพระอนาคามี เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 16, 2019, 06:27:55 am (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_16_06_19_6_38_09.jpeg) สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา (9) : สาวกรูปแรก หลังจากพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจักกัปปวัตตนสูตรอันว่าด้วยแนวทางที่ไม่พึงดำเนินและแนวทางที่พึงปฏิบัติเพื่อดับทุกข์แล้วต่อท้ายด้วยการอธิบายอริยสัจครบวงจรจบลง หัวหน้าปัญจวัคคีย์คือโกณฑัญญะก็ได้ “ดวงตาเห็นธรรม” ดวงตาเห็นธรรม แปลมาจากบาลีว่า ธัมมจักขุ การที่โกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ก็คือได้เกิดความรู้เห็นตามเป็นจริงซึ่งธรรมชาติและธรรมดาของสิ่งทั้งหลาย ว่ามีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มีการดับสลายเป็นธรรมดา พระบาลีตรงนี้ว่า ยํ กิญฺจิ สมุทรยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีการดับไปเป็นธรรมดา @@@@@@ ความรู้เห็นอย่างนี้เป็นความรู้เห็นด้วย “ตาใน” มิใช่ด้วยตาเนื้อ ทางพระพุทธศาสนาบอกว่า เป็นความรู้ระดับโสดาปัตติผล ผู้รู้เห็นอย่างนี้เรียกว่าเป็นพรธโสดาบัน พระอริยบุคคลระดับที่ 1 พระอริยบุคคลมีระดับด้วยหรือ.? บางท่านอาจคิดเช่นนี้ มีครับ มีถึง 4 ระดับแน่ะ คือ (1) พระโสดาบัน (2) พระสกทาคามี หรือสกิทาคามี (3) พระอนาคามี และ (4) พระอรหันต์ ระดับสุดท้ายนี้นับว่าสูงสุดยิ่งกว่าเหรียญทองโอลิมปิกอีก อ่านว่า “พระ-อะ-ระ-หัน” พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานฉบับปรับปรุงใหม่ให้อ่านว่า “ออ-ระ-หัน” ได้ บังเอิญผมไม่เชื่อพจนานุกรม ผมไม่อ่านตาม กลัวคนจะเข้าใจว่า “พระอรหันต์” ไม่ต่างอะไรกับ “อรหัน” สัตว์ในนิยายชนิดหนึ่งมีลักษณะครึ่งนกครึ่งคน อรหันต์ประเภทด่าพ่อล่อแม่คน ท้าเตะปลายคางคนก็มีแล้วไม่อยากให้เลอะเทอะไปกว่านี้ @@@@@@ หมายเหตุไว้ในแง่วิชาการว่า “ดวงตาเห็นธรรม” นั้น เป็นการรู้ความจริงระดับพระอนาคามีได้ด้วย พูดอีกนัยหนึ่งผู้ดวงตาเห็นธรรม เป็นไปทั้งพระโสดาบันและพระอนาคามี หลักฐานก็คือ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จพุทธดำเนินจะไปโปรดชฎิลสามพี่น้องนั้น ทรงพบ “ภัททวัคคีย์” เด็กหนุ่มเจ้าสำราญ 30 คน กำลังตามหาสตรีที่ “ยกเค้า” เครื่องประดับของพวกเขาไป ขณะไปแสวงหาความสำราญอยู่ในสวนแห่งหนึ่ง พระพุทธองค์ตรัสเตือนว่า ให้แสวงหา “ตนเอง” ดีกว่าแสวงหาสตรี เมื่อพวกเขาได้ฟังธรรมเทศนาจากพระองค์แล้วก็ได้ “ดวงตาเห็นธรรม” แล้วทูลขอบวช ตรงนี้พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า พวกภัททวัคคีย์ได้บรรลุเป็นพระอนาคามี เรื่องมันเป็นเช่นนี้แหละครับ ท่านสารวัตร ผมจึงสรุปว่า “ดวงตาเห็นธรรม” มีทั้งระดับพระโสดาบัน และระดับพระอนาคามี @@@@@@ กล่าวถึงท่านโกณฑัญญะ เมื่อได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว พระพุทธองค์จึงตรัสเปล่งพระอุทานว่า อญฺญา สิ วต โภ โกณฺฑญฺโญๆ = โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอๆ จากนั้นโกณฑัญญะก็ได้ทูลขอบวช พระพุทธองค์ก็ประทานการบวชที่เรียกว่า “เอหิภิกขุ อุปสัมปทา” ให้ พิธีกรรมไม่มี เพียงตรัสสั้นๆ ว่า “เอ หิ ภิกฺข = จงมาเป็นภิกษุเพื่อทำที่สิ้นสุดทุกข์เถิด” (ตรงนี้ถ้าผู้ขอบวชเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่ต้องมีคำว่า “เพื่อทำที่สุดทุกข์” พระโสดาบันอย่างพระโกณฑัญญะ ยังไม่หมดกิเลสโดยสิ้นเชิง จึงตรัสอย่างนี้” ท่านโกณฑัญญะจึงนับได้ว่าบวชเป็นพระสาวกรูปแรกในพระพุทธศาสนา คำว่า “อัญญา” ในคำว่า “อญฺญาสิ” ได้กลายมาเป็นคำนำหน้าชื่อของท่าน ท่านจึงปรากฏนามว่า “อัญญาโกณฑัญญะ” แต่บัดนั้นมา @@@@@@ การเกิดพระสาวกขึ้นครั้งแรก ทำให้เกิดพระรัตนตรัยครบ ก่อนหน้านี้มีเพียงพระพุทธเจ้าและพระธรรม เมื่อเกิดพระสงฆ์ขึ้น จึงเป็นพระรัตนตรัยครบถ้วน วันนี้จึงเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนา คือ เป็นกำเนิดแห่งวันอาสาฬหบูชาขึ้น ดังที่ชาวพุทธทราบกันดี ที่คิดว่าทราบกันไม่ค่อยจะดีคือคำอ่าน อ่านว่า “อา-สาน-หะ-บู-ชา” ไม่ใช่ “อา-สา-ละ-หะ-บู-ชา” แล้วอย่ายกพจนานุกรม มาเถียงล่ะครับผมไม่ฟังใครดอก พวกขาประจำน่ะ ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7-13 มิถุนายน 2562 คอลัมน์ : เสฐียรพงษ์ วรรณปก ผู้เขียน : เสฐียรพงษ์ วรรณปก เผยแพร่ : วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2562 ขอบคุณ : https://www.matichonweekly.com/column/article_201514 (https://www.matichonweekly.com/column/article_201514) |