สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 21, 2019, 07:34:23 pm



หัวข้อ: ‘ประโยชน์ VS โทษ’ ของ "กาแฟ" เครื่องดื่มสำหรับสาวออฟฟิศทั่วโลก
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 21, 2019, 07:34:23 pm

(https://www.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04OWFKrYaRyon3JSsAd5RafNm2z2YX0x.webp)


‘ประโยชน์ VS โทษ’ ของ "กาแฟ" เครื่องดื่มสำหรับสาวออฟฟิศทั่วโลก

ตอนเช้าวันทำงานอันแสนวุ่นวาย มนุษย์ออฟฟิศส่วนใหญ่มักจะปลุกตัวเองให้ตื่นเต็มตาด้วย "กาแฟ" สักแก้วหนึ่ง ก่อนไปลุยงานให้ได้เต็มที่ บางคนดื่มกาแฟแทนมื้อเช้าด้วยซ้ำ รวมถึง "สาวออฟฟิศ" เองก็ดื่มกาแฟกันแทบทุกวัน เรียกว่ามีกาแฟอยู่ในสายเลือดกันจริงๆ

ว่าแต่...ทำไมเจ้าเครื่องดื่มสีดำ รสขม กลิ่นหอมอย่าง "กาแฟ" ถึงได้ถูกใจหนุ่มสาวออฟฟิศทั่วโลกได้ขนาดนี้? ลองมาไล่เรียงกันดูตั้งแต่กาแฟชื่อดังของบราซิล กาแฟลาตินอเมริกา กาแฟขี้ชะมดของอินโดฯ กาแฟขี้ช้าง และล่าสุดกับ..."กาแฟขี้ควาย" กาแฟชื่อดังตัวใหม่ของประเทศไทย

รวมไปถึงวิธีเลือกดื่มกาแฟ ดื่มแบบไหนอร่อยที่สุด? ดื่มแค่ไหนถึงจะพอเหมาะพอดี? แล้วดื่มแบบไหน? ถึงจะทำให้ "สุขภาพดี" Thairath Women ชวนคุณมาหาคำตอบเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ไปพร้อมกัน

@@@@@@

เครื่องดื่มสีดำ รสขม หอมกรุ่น

"กาแฟ" เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากผลของต้นกาแฟ ภายในผลกาแฟก็จะมีเมล็ดซ่อนอยู่ 2 เมล็ด ต้นกาแฟเป็นไม้พุ่มไม่ผลัดใบขนาดเล็กในตระกูล Coffea โดยมีหลากหลายสปีชีส์ด้วยกัน แต่สายพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุด ได้แก่ กาแฟอาราบิก้า ที่ให้กลิ่มหอมกรุ่นติดจมูก แต่มีรสชาติไม่ค่อยเข้ม และกาแฟโรบัสต้า ที่ให้รสชาติเข้มข้นกว่า มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

ปัจจุบันมีการปลูกต้นกาแฟมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โดยผลกาแฟเขียวหรือกาแฟซึ่งยังไม่ผ่านการบ่มและคั่ว เป็นหนึ่งในสินค้าทางการเกษตรที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก

สายพันธุ์กาแฟทั้งอาราบิก้าและโรบัสต้ามีการปลูกในลาตินอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปแอฟริกา เมื่อสุกแล้ว ผลดังกล่าวจะถูกเก็บรวบรวมนำไปผ่านกรรมวิธีและทำให้แห้ง หลังจากนั้นเมล็ดจะถูกคั่วในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ต้องการ และจะถูกบดและบ่มเพื่อผลิตกาแฟ

@@@@@@

การเดินทางของ "กาแฟ"

มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกว่า การดื่มกาแฟได้ปรากฏขึ้นราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 ณ วิหารซูฟี ประเทศเยเมน ซึ่งตั้งอยู่ในแถบอาระเบีย ซึ่งถือเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้และเก่าแก่ที่สุด ซึ่งช่วงเวลานั้นผู้คนก็เริ่มปลูกต้นกาแฟขึ้นมาในยุคแรก และแพร่ขยายออกไปในโลกอาหรับ

กาแฟได้แพร่ขยายไปยังทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในระหว่างที่กาแฟเดินทางจากทวีปอเมริกาเหนือสู่ทวีปยุโรป กาแฟได้ถูกส่งผ่านไปยังซิซิลีและอิตาลีในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 จากนั้นผ่านตุรกี ไปยังกรีซ ฮังการี และออสเตรีย แล้วต่อมาก็ได้แผ่ขยายไปยังทวีปเอเชีย โดยเฉพาะดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้เส้นศูนย์สูตร เช่น ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศไทย


(https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPGTo1IU3o0dCNYYNjskqdmyL4PrvV.webp)

"กาแฟ" แต่ละแห่ง ต่างกันยังไง.?

1. กาแฟทวีปอเมริกาใต้ : บราซิล โคลัมเบีย โบลิเวีย
สายพันธุ์กาแฟ : อาราบิก้า
รสชาติกาแฟ : ดื่มง่าย เปรี้ยวน้อย ให้ความเปรี้ยวเหมือนแอปเปิ้ลเขียว มีกลิ่นหอมกรุ่น รสชาตินุ่มนวลและมีบอดี้ที่ดีมากๆ

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มประเทศในอเมริกากลาง : กัวเตมาลา เอลซัลวาดอร์ ปานามา
สายพันธุ์กาแฟ : อาราบิก้า, ปานามา-เกอิชา (Panama-Geisha)
รสชาติกาแฟ : ดื่มง่าย ความเปรี้ยวไม่มากไม่น้อยเกินไป รสเปรี้ยวแนวซิตรัส รสชาติมีความนุ่มหวานเหมือนช็อกโกแลตและถั่ว ให้รสอ่อนๆ ไม่ขม มีบอดี้ที่ดี และให้กลิ่นหอมอ่อนแบบผลไม้

2. กาแฟทวีปยุโรป : อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ กรีซ
สายพันธุ์กาแฟ : อาราบิก้า-เบอร์บอน (Coffea Arabica var. Bourbon)
รสชาติกาแฟ : มีความหอมหวาน รสชาติหวานที่เป็นเอกลักษณ์ และกลมกล่อม มีความเปรี้ยวไม่มากไม่น้อย เปรี้ยวแบบผลไม้ มีบอดี้ที่พอดีๆ ผลกาแฟเบอร์บอนที่สุกแล้วจะมีทั้งสีแดง เหลือง และส้ม

3. กาแฟทวีปแอฟริกา : เอธิโอเปีย เคนยา เยเมน
สายพันธุ์กาแฟ : กาแฟพื้นเมือง Heirloom, มอคคาเยเมน
รสชาติกาแฟ : มีความเปรี้ยวสูง มีความเปรี้ยวแบบเลมอน บอดี้น้อย และมีความหวานด้วย มีความนุ่มนวล มีกลิ่นหอมมาก กลิ่นหอมหวานเหมือนดอกไม้และกลิ่นส้ม ส่วนกาแฟมอคคาเยเมน มีรสชาติโกโก้อันเป็นเอกลักษณ์

4. กาแฟทวีปเอเชีย : อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ลาว
สายพันธุ์กาแฟ : อาราบิก้า โรบัสต้า กาแฟขี้ชะมด
รสชาติกาแฟ : รสชาติกลมกล่อม เข้มข้นหอมมันแบบถั่ว มีความเปรี้ยวน้อย รสเปรี้ยวแบบผลไม้ มีบอดี้แบบพอดีๆ ดื่มง่าย เบลนง่าย ในส่วนของอาราบิก้าจะมีความหอมมาก ส่วนโรบัสต้าจะมีความเข้มข้น และมีบอดี้หนักกว่าอาราบิก้า

5. กาแฟหมู่เกาะแปซิฟิก : ออสเตรเลีย ฟิจิ ฮาวาย
สายพันธุ์กาแฟ : อาราบิก้า 5 สายพันธุ์ย่อย
รสชาติกาแฟ : มีกลิ่นที่ละเอียดอ่อน มีกลิ่นหอมหวล รสชาติกลมกล่อมนุ่มนวล มีบอดี้แบบพอดีๆ มีความเปรี้ยวน้อย มีความเป็นกรดอ่อน ดื่มง่าย


(https://www.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZPGTo1IU3o0dCNYYNp743bJlIfO8j7.webp)

กาแฟมูลสัตว์ ราคาแพงลิ่ว!

สำหรับ "กาแฟ" คุณภาพดีเกรดพรีเมียมที่มีราคาแพงมากกว่ากาแฟทั่วไป ก็คือ กาแฟที่มาจากมูลสัตว์ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ราคาแพงก็เพราะว่า ต้องใช้เวลาในการผลิตนาน ต้องรอให้สัตว์กินเข้าไป แล้วผ่านการหมักและย่อยในกระเพาะอาหารของสัตว์ 2-3 วัน จนทำให้สารเคมีในกาแฟมีการเปลี่ยนแปลงไป รอจนสัตว์ขับถ่ายออกมาจึงสามารถไปเก็บผลผลิตมาผ่านขั้นตอนการล้าง ฆ่าเชื้อ คั่ว และแปรรูปได้ แถมยังผลิตได้จำนวนน้อยในแต่ละปี

- กาแฟขี้ชะมด (Kopi Luwak) : ราคา กก.ละ 20,000-30,000 บาท แต่ถ้าบ่มนานๆ 9 เดือนขึ้นไป ราคาก็อาจแพงได้ถึง กก.ละ 100,000 บาท ส่วนรสชาติก็มีความหอมอร่อยกว่ากาแฟทั่วไป คือ นุ่ม หอม เข้มกลมกล่อม ไม่เปรี้ยว ไม่ฝาด ดื่มง่าย (Smooth strong & sweet)

- กาแฟขี้ช้าง : ราคา กก.ละ 40,000-45,000 บาท กาแฟขี้ช้างมีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ คือ มีกลิ่นช็อกโกแลต และมีรสชาติของดาร์กช็อกโกแลต, มอลต์, รวมทั้งเครื่องเทศ แต่ไม่ขมบาดปาก มีความเปรี้ยวน้อย มีกลิ่นหอมหวล

- กาแฟขี้ควาย : ราคาเริ่มต้น กก.ละ 10,000 บาท ซึ่งรสชาติและกลิ่นที่ได้ ก็ถือว่าเป็นกาแฟระดับพรีเมียมเช่นกัน คือ มีความหอม นุ่ม กลมกล่อม ไม่มีรสเฝื่อน มีความเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งรสเปรี้ยวนั้นสักพักจะเปลี่ยนเป็นรสหวานชุ่มคอ

@@@@@@

ประโยชน์ VS โทษ

แต่ไม่ว่า "กาแฟ" ที่คุณชอบดื่มจะมีคุณภาพระดับพรีเมียม หรือมีราคาแพงมากแค่ไหนก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มที่มี "กาเฟอีน" ก็ย่อมมีผลเสียตามมาได้ หากดื่มในปริมาณที่มากเกินพอดี ก่อนจะยกแก้วดื่มกาแฟอย่างเอาจริงเอาจัง มาดูประโยชน์และโทษของกาแฟกันซะหน่อยดีกว่า

ประโยชน์ของ "กาแฟ"
- เพิ่มความตื่นตัวของสมอง ปลุกความสดชื่นให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ลดความง่วง
- จากงานวิจัยของกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 500,000 คนในประเทศยุโรป 10 ประเทศ เป็นเวลานาน 16 ปี ระบุว่า การดื่มกาแฟวันละ 1-3 แก้ว ช่วยลดความเสี่ยงที่จะป่วยของโรคบางชนิดและลดอัตราการเสียชีวิตได้
- คนที่ดื่มกาแฟ การทำงานของตับและระบบหมุนเวียนโลหิตแข็งแรงกว่าคนที่ไม่ดื่ม และยังช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
- กาเฟอีนในกาแฟช่วยให้อายุยืน ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า สดชื่น และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยชะลอการเกิดโรคพาร์กินสัน
- ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ตรง และป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี

โทษของ "กาแฟ"
- กาแฟประกอบด้วยสารกาเฟอีนที่สามารถก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่
- การดื่มกาแฟในปริมาณมากอาจทำให้กระสับกระส่าย กระวนกระวาย วิตกกังวล นอนไม่หลับ มีเสียงดังในหู
- การได้รับกาแฟวันละ 6 แก้ว อาจทำให้เกิดการ "เสพติดกาแฟ" หรือ ภาวะเสพติดกาเฟอีน
- การดื่มกาแฟชงที่ใส่นม ครีม น้ำตาล ทำให้ร่างกายได้รับคอเลสเตอรอลสูงเกินปกติ
- การดื่มกาแฟมากกว่า 5 แก้วต่อวันอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้


(https://www.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04OWFKrYaRyon3JSsAd5IXV8pMPavcuw.webp)

ดื่ม "กาแฟ" ยังไงให้ "สุขภาพดี"

เอาเป็นว่าสาวออฟฟิศทั้งหลาย ยังคงสามารถดื่มกาแฟได้ แต่ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะพอดี เพราะหากคุณดื่มมากเกินไป 4-5 แก้วต่อวัน และดื่มติดต่อกันทุกวันจะเสี่ยงต่อการ "เสพติดกาเฟอีน" และพอจะเลิกก็เลิกยากซะด้วย เรามี How to วิธีดื่มกาแฟให้ได้สุขภาพดีมาบอกต่อ...

1. ดื่มไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน
สำหรับคนทำงานออฟฟิศที่ต้องอาศัยกาแฟเป็นตัวช่วยดึงสติเรียกสมาธิในการทำงาน เราแนะนำว่าปริมาณที่ควรดื่มคือ ไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน และไม่ควรดื่มกาแฟติดต่อกันทุกวัน ให้พักบ้าง เพื่อป้องกันภาวะเสพติดกาเฟอีน

2. ดื่มน้ำเปล่าหลังดื่มกาแฟ
หลังจากดื่มกาแฟและรู้สึกว่าตัวเองสดชื่น ตื่นเต็มตาแล้ว หลังจากนั้นในระหว่างวันหากปากแห้งและกระหายน้ำ ไม่ควรดื่มกาแฟซ้ำเข้าไปอีก แต่ควรดื่มน้ำเปล่าแทน เพื่อลดภาวะร่างกายขาดน้ำ และยังเป็นการช่วยกำจัดสารกาเฟอีนออกไปในรูปของปัสสาวะได้ด้วย ช่วยให้ไม่มีกาเฟอีนตกค้างในร่างกาย

3. ดื่มกาแฟ Decaf
ส่วนใครที่ร่างกายมีภาวะไวต่อกาเฟอีน กินกาแฟแล้วใจสั่น กระสับกระส่าย กระวนกระวาย วิตกกังวล แนะนำให้เลือกดื่มกาแฟที่มีกาเฟอีนต่ำ หรือ "กาแฟ Decaf" ทดแทนกาแฟสูตรปกติ ซึ่งก็สามารถช่วยกระตุ้นสมองและทำให้สดชื่นขึ้นได้เช่นกัน แถมมีรสชาติอร่อยเหมือนกาแฟสูตรปกติด้วย



ขอบคุณที่มา :-
https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/health/1590151 (https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/health/1590151)