สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 02, 2019, 09:02:39 am



หัวข้อ: ทำไมพระโพธิสัตว์ต้องบำเพ็ญทศบารมี
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 02, 2019, 09:02:39 am

(https://i0.wp.com/goodlifeupdate.com/app/uploads/2019/06/%E0%B8%9B%E0%B8%81-%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B5.jpg?w=770)


ทำไมพระโพธิสัตว์ต้องบำเพ็ญทศบารมี

ชาวพุทธทราบกันดีว่า การที่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้นั้น พระโพธิสัตว์ต้อง บำเพ็ญทศบารมี หรือ บารมี 10 ประการ หลายคนอาจคุ้นเคยกับนิทานพระเจ้า 10 ชาติ หรือทศชาดก ซึ่งเป็นมหานิบาต หรือ ชาดกที่มีเนื้อเรื่องยากที่สุดจำนวน 10 เรื่อง แต่ละเรื่องก็จะมีบารมี 1 ใน 10 โดดเด่นออกมา เช่น เตมียชาดก เป็นเรื่องเนกขัมมบารมี มหาชนกชาดก เป็นเรื่องวิริยะบารมี หรืออย่างเรื่องเวสสันดรชาดกที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นเรื่องทานบารมี

@@@@@@

ทศชาติเรื่องหนึ่งไม่ได้เน้นบารมีเพียงบารมีเดียว

ตามจริงแล้วนิทานชาดกทั้งหมด รวมถึงพระเจ้า 500 ชาติ ล้วนมีบารมีปรากฏปะปนอยู่ในแต่ละนิทานแล้ว ส่วนพระเจ้า 10 ชาติ หากลองศึกษาสัก 1 เรื่อง จะพบว่ามีบารมีอื่นร่วมด้วย เช่น เนมิราชชาดก นอกจากเป็นเรื่องอธิษฐานบารมี คือพระเนมิราชทรงตั้งพระทัยอย่างมุ่งมั่นแล้วที่จะปฏิบัติภาวนาเพื่อเกิดในพรหมโลก ตามที่พระอินทร์ทรงสอนว่า อานิสงส์แห่งทานได้เพียงสวรรค์ แต่ภาวนาได้อานิสงส์สูงกว่าสวรรค์ สังเกตได้ว่า พระเนมิราชทรงบำเพ็ญทานบารมีด้วย ในนิทานชาดกเล่าว่าพระองค์ทรงสร้างโรงทาน และบริจาคทานอยู่เป็นประจำ แม้แต่เวสสันดรชาดก เห็นเด่นชัดว่าเป็นเรื่องของทานบารมี แต่พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมีด้วย เพราะทรงถือเพศเป็นดาบส
 
ภูริทัตตชาดก อดีตพระชาติที่พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพญานาคนามว่า “ภูริทัตต์” ยึดบำเพ็ญศีลบารมีเพื่อได้เกิดเป็นเทวดาตามที่พระอินทร์ทรงสั่งสอน แต่ระหว่างที่ถูกอาลัมพายน์พราหมณ์จับไปแสดงกล ด้วยปัญญาของพระโพธิสัตว์ได้คิดตรองว่า พระองค์สามารถปล่อยพิษสังหารอาลัมพายน์พราหมณ์ก็ย่อมได้ แต่ทรงอดทน (ขันติบารมี) ยอมถูกกระทำต่าง ๆ นานา เพื่อไม่ให้ศีลบารมีด่างพร้อย  ความคิดนี้จัดเป็นการบำเพ็ญปัญญาบารมีเช่นกัน


(https://i0.wp.com/goodlifeupdate.com/app/uploads/2019/06/pothi-1.jpg)

บารมีที่แท้จริงเป็นอย่างไร

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงอธิบายความหมายของบารมีไว้ในวิทยานิพนธ์เรื่อง ทศบารมีในพุทธศาสนาเถรวาท ว่า

“ความหมายที่ใช้ในคัมภีร์นั้นพอจะแบ่งกว้าง ๆ คือ คัมภีร์ส่วนใหญ่เรียบเรียงขึ้นในสมัยแรกจะใช้คำว่า บารมี ในความหมายว่า ความเป็นเลิศ ผลสุดท้าย หรือความเต็มเปี่ยม ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับพุทธศาสนา บางคัมภีร์หมายถึงความเป็นเลิศในธรรมะบางหมวดธรรม และบางคัมภีร์หมายถึงผลสุดท้ายในพุทธศาสนา คือ พระอรหัตตผล บารมีในยุคนี้เป็นเป้าหมายของการปฏิบัติธรรม

”ในคัมภีร์อปทาน พุทธวงศ์ จริยาปิฎก มีความหมายของคำว่า บารมี เปลี่ยนไปเป็น ธรรม 10 ประการ อันบุคคลปฏิบัติแล้วจะบรรลุพระโพธิญาณ และอรรถกถาของคัมภีร์เหล่านี้ ได้อธิบายขยายความธรรมะตามแนวทศบารมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอรรถกถาจริยาปิฎก ได้วิเคราะห์ขั้นตอนของการปฏิบัติบำเพ็ญบารมีโดยละเอียด ในชั้นนี้บารมีเปลี่ยนทางจาก เป้าหมาย มาเป็นวิธีการหรือแนวทางปฏิบัติ เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนา”

ทำให้เห็นว่า พระโพธิสัตว์ (สัตว์ผู้ปรารถนาโพธิญาณ) บำเพ็ญทศบารมี เพื่อไปสู่เป้าหมายคือการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า


(https://i0.wp.com/goodlifeupdate.com/app/uploads/2019/06/pothi-1-1.jpg)

บารมี 10 และ บารมี 30 ทัศ เขานับกันอย่างไร

ทราบกันดีว่า บารมี 10 หรือ ทศบารมี คือบารมี 10 ประการ ส่วน บารมี 30 ทัศ หรือ บารมี 30 ประการ (ทัศ แปลว่า ครบถ้วน ) เป็นการผนวกบารมี 3 ขั้นในแต่ละบารมีเข้าไปด้วย ตัวอย่างเช่น ทานบารมี แยกเป็น 3 ระดับ (ขั้นธรรมดา ขั้นกลาง และขั้นสูงสุด) ได้แก่ ทานบารมี ทานอุปบารมี และทานปรมัตถบารมี เมื่อ ในแต่ละบารมีทั้ง 10  ผนวก อุปบารมี และ ปรมัตถบารมีเข้าไปด้วย จึงกลายเป็น บารมี 30 ทัศ

ในอรรถกถากล่าวถึงเหตุการณ์พระพุทธเจ้าผจญพญามาร พระองค์ทรงรำลึกถึงบารมีที่บำเพ็ญมาครั้งอดีตชาติ พระแม่ธรณีได้บีบมวยผม น้ำที่พระองค์ทรงหลั่งทักษิโณทกมาหลายพระชาติ ได้กลายเป็นกระแสน้ำพัดพากองทัพพญามารออกไป และในราตรีนั้นพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า



ที่มา : ทศบารมีในพุทธศาสนาเถรวาท
ภาพ : https://pixabay.com
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/161078.html
By nintara1991 ,27 June 2019