สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: หมวยจ้า ที่ มกราคม 14, 2011, 01:09:54 am



หัวข้อ: ตำนานรักอมตะ 100 ปี จ.ชลบุรี
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยจ้า ที่ มกราคม 14, 2011, 01:09:54 am
(http://www.thai-tour.com/thai-tour/east/chonburi/images/large-pic/khao-sammuk.jpg)

“เขาสามมุก”  เป็นเนินเขาเตี้ยๆ อยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านอ่างศิลาและ  หาดบางแสน  ขับรถไปตามถนนเลียบริมหาด จากอ่างศิลาเป็นทางลาดขึ้นไปนั่นก็คือบริเวณที่เรียกกันว่า  เขาสามมุก  และ เขาสามมุกเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงจำนวนมาก ส่วนศาล เจ้าแม่สามมุก ตั้ง อยู่บริเวณเชิงเขา และ ที่มุมหนึ่งของศาล เจ้าแม่สามมุก มีผู้เขียนถึงตำนานความรักของท่านไว้ดังนี้
   
       ..."เมื่อปลายรัชสมัยกรุงศรีอยุธยาบริเวณบางแสนและ เขาสามมุข ยังไม่มีบ้านเรือนและผู้คนหนาแน่นเหมือนปัจจุบันนี้ ชื่อบางแสนและเขาสามมุขก็ยังไม่ปรากฏ จะมีก็แต่ตำบลอ่างหิน ในปัจจุบันก็คือตำบลอ่างศิลาอันเป็นชุมชนของชาวประมงริมทะเล" ณ. ตำบลอ่างหินนี่เอง  (อ่างศิลา)  มีเจ้าของชื่อโป๊ะ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนามว่า  “กำนันบ่าย”  มีลูกชายชื่อว่า  “แสน” 

       ..."จากตำบลอ่างหินออกไปพอประมาณมียายหลานอาศัยกันอยู่คู่หนึ่ง ยายมีชื่อเสียงเรียงนามใดไม่ได้ปรากฏไว้ ส่วนหลานสาวนั้นมีชื่อว่า  “สาว มุข”  อาศัยอยู่ในเมืองปลาสร้อย  (จังหวัดชลบุรีในปัจจุบัน)  เมื่อ บิดามารดาเสียชีวิตลง ก็ได้มาอาศัยอยู่กับยายจนกระทั่งโต  “สาวมุข”  มักจะชอบมานั่งเล่นดูหนุ่มสาวรวมทั้งเด็กที่มาเล่นว่าวในหน้าลมว่าวอยู่ริม เชิงเขาเป็นประจำ และมีเพื่อนที่คอยหยอกล้อเล่นเป็นประจำก็คือลิงป่าที่ลงมาจาก เขา สามมุก "
   
      ..."อยู่มาวันหนึ่งขณะที่  “สาวมุข”  กำลังนั่งเล่นอยู่ ก็ได้มีว่าวตัวหนึ่งขาดลอยลงมาตกอยู่ที่หน้าของ  “สาวมุข”  เธอจึงเก็บว่าวตัวนั้นไว้และ มีเด็กหนุ่มชื่อแสนวิ่งตามว่าวที่ขาดลอยมาจึงได้พบกับ  “สาว มุข”  เขาทั้งสองได้รู้จักกันและ แสนก็ได้มอบว่าวตัวนั้นไว้เป็นที่ระลึก หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้พบปะกันเรื่อยมาจนเกิดเป็นความรัก และได้สาบานต่อหน้าขุนเขา ( เขา สามมุก)  ปัจจุบัน แห่งนี้ว่า  “ ทั้งสองจะครองรักกันชั่วนิรันดร หาก ใครผิดคำสาบานนี้จะกระโดดหน้าผาแห่งนี้ตายตามกัน ”  และแสนได้มอบ แหวนวงหนึ่งให้แก่  “สาวมุข”  ไว้เพื่อเป็นพยาน"
   
       ..."เมื่อกำนันบ่ายซึ่งเป็นพ่อของแสน ได้ทราบเรื่องเข้าก็เกิดความไม่พอใจ แสนได้พยายามขอร้องผู้เป็นพ่อให้ไปสู่ขอ  “สามมุข”  แต่กำนันบ่ายก็กีดกันและ กักบริเวณแสนไว้ จึงทำให้ทั้งสองไม่ได้พบหน้ากัน หลังจากนั้นกำนันบ่ายก็ได้ไปสู่ขอลูกสาวคนทำโป๊ะให้กับแสนและ กำหนดพิธีการแต่งงานขึ้น ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอ่างหิน  (อ่างศิลา)  จน  “สาวมุข”  เองก็ได้รับรู้ถึงข่าวนี้ด้วย ในวันแต่งงานของแสนได้มีการจัดงานกันอย่างใหญ่โต สมเกียรติกับที่เป็นงานของกำนันบ่าย"
   
       ..."ตลอดระยะเวลาที่แขกได้ทยอยเข้ามารดน้ำสังข์อวยพรให้คู่บ่าวสาวทั้งสอง แสนได้แต่ก้มหน้านิ่งเสียใจอยู่กับตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้ จนกระทั่งแสนรู้สึกว่ามีน้ำสังข์ลดลงมาพร้อมกับแหวนวงหนึ่งตกลงมาด้วย แสนจำได้ดีว่าแหวนวงนี้เขาเป็นคนมอบให้  “สาวมุข”  แต่พอเงย หน้าขึ้น “สาวมุข”  ก็ได้วิ่งจากออกไปแล้ว แสนได้หวนคิดถึงคำสาบานที่ได้ให้กับ  “สาวมุข”  ไว้ จึงรีบวิ่งไปที่เชิงเขาแต่ก็สายไปเสียแล้ว  “สาวมุข” ได้ขึ้นไป ที่หน้าผานั้นแล้วทิ้งร่างที่ไร้หัวใจลงดิ่งสู่ก้นผาสิ้นชีพอยู่ริมทะเล แสนผู้ที่ให้คำสาบานไว้กับ  “สาวมุข”  เขาจึงกระโดดลงหน้าผาตาม “สาว มุข”  หญิงสาวสุดที่รักไป"
   
       ..."จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวพากันเศร้าสลดใจเป็น อย่างมาก จึงพากันสาปแช่งกำนันบ่าย ต่อมากำนันบ่ายได้นำถ้วยชามสิ่งของต่างๆ มาไว้ในถ้ำตรงหน้าผาแห่งนั้นและตั้งชื่อภูเขาลูกนี้ว่า  “เขาสามมุข”  และชายหาดที่ติดกันว่า  “หาดบางแสน”  เพื่อเป็นอนุสรณ์รักแด่คนทั้งสองจนถึงปัจจุบัน"
   
       ... ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเล่าว่า "เมื่อตกดึกได้พบเห็นร่างของหญิงสาวมายืนอยู่ตรงหน้าผานั้น เป็นประจำทุกคืน” ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันสร้างศาลนี้ขึ้นเพื่อ เป็นที่สิงสถิตและ เป็นที่เคารพสักการะแก่ชาวบ้านและชาวประมงเมื่อเวลาที่จะ ออกเรือไปหาปลามักจะมีการมาจุดประทัดบนบาน ขอให้ได้ปลากลับมาเต็มลำเรือ อย่าต้องเผชิญกับลมพายุบางครั้งเจอลมพายุกลางทะเลก็จุดธูปบน  เจ้าแม่สาม มุข  ให้รอดปลอดภัยจากอันตรายก็สัมฤทธิ์ผลเรื่อยมา...
   
       จากนั้นเมื่อเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ของ เจ้าแม่สามมุข นั้นแพร่กระจายออกไป ก็มักมีคู่รักชายหญิง มาอธิษฐานขอให้ความรักของตนสมหวัง โดยเขียนชื่อตนกับคนรักไว้บนว่าว แล้วแขวนไว้บริเวณศาลโดยเชื่อกันว่า เจ้าแม่สามมุก จะดลบันดาลให้ทุก คู่รักสมหวัง และไม่พลัดพรากจากกันเหมือนดังในตำนาน  คำว่าเขา"สามมุข" เพี้ยนมาจาก "สาวมุข" 


CR :: postjung