หัวข้อ: "สุมนา" เจ้าหญิงผู้ได้สัมผัสพระนิพพาน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 22, 2019, 06:04:30 am (https://i0.wp.com/goodlifeupdate.com/app/uploads/2019/08/%E0%B8%9B%E0%B8%81-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99.jpg?w=770) "สุมนา" เจ้าหญิงผู้ได้สัมผัสพระนิพพาน เจ้าหญิง สุมนา เป็นขัตติยนารีแห่งแคว้นโกศล ในหลายจุดของคัมภีร์ต่างกล่าวว่า สุมนาราชกุมารีเป็นพระภคินี (พระน้องนาง) ของพระเจ้าโกศลพระองค์ก่อน จึงมีศักดิ์เป็นพระมาตุลา (พระเจ้าอา) ของพระเจ้าปเสนทิโกศล เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้เป็นพระนัดดาปกครองกรุงสาวัตถีจนเจริญรุ่งเรือง และยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้ราชสำนักแคว้นโกศลต่างยึดมั่นพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ทำให้เจ้าหญิงสุมนา หนึ่งในขัตติยนารีชั้นผู้ใหญ่พลอยทรงศรัทธาพระพุทธเจ้าไปด้วย เจ้าหญิงสุมนาทรงเป็นเจ้าหญิงผู้มั่งคั่งพระองค์หนึ่งในชมพูทวีปเพราะ ทรงมีราชรถถึง 500 คัน และเด็กสาวเป็นบริวารถึง 500 นาง ครั้งใดที่เสด็จเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จด้วยราชรถจำนวน 500 คัน และมีเหล่าเด็กหญิง 500 นางคอยติดตาม นับว่าเป็นขบวนเสด็จของสตรีชนชั้นสูงที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งเลยในสมัยนั้น @@@@@@ พระไตรปิฎกกล่าวว่านอกจากเจ้าหญิงสุมนาแล้ว ยังมีเจ้าหญิงจุนที พระธิดาในพระเจ้าพิมพิสารทรงมีราชรถถึง 500 คัน และบุตรีของมหาเศรษฐีอย่างนางวิสาขาก็มีรถถึง 500 คัน เช่นกัน ครั้งหนึ่งเจ้าหญิงสุมนาเสด็จเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า และตรัสพระปุจฉาต่อพระพุทธองค์ว่า “บุรุษ 2 คน มีลักษณะนิสัยคล้ายกันคือ เป็นผู้มีศรัทธา ศีล และปัญญาเสมอกัน แต่สิ่งที่แตกกันคือ อีกคนเป็นผู้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา แต่อีกคนไม่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา หากภพหน้าของเขาทั้งสองเกิดเป็นเทวดา เราจะทราบได้อย่างไรว่าเทวดาองค์ใดเกิดเป็นในอดีตชาติเป็นคนที่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา หรือไม่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา” พระบรมศาสดาตรัสวิสัชนาว่า “เทวดาผู้ที่เคยอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาเมื่อในอดีตชาติจะมีอายุทิพย์ วรรณทิพย์ สุขทิพย์ ยศทิพย์ และอธิปไตยทิพย์เหนือกว่าเทวดาผู้ที่ไม่เคยอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาเมื่อในอดีตชาติ” “หากเทวดาทั้ง 2 องค์ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ จะทราบได้อย่างไรว่ามนุษย์คนไหนเคยเป็นคนที่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา และคนไหนเป็นคนที่ไม่เคยอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาเมื่อในอดีตชาติ” เจ้าหญิงสุมนาตรัสพระปุจฉา @@@@@@ พระพุทธองค์ตรัสวิสัชนาว่า “มนุษย์ผู้เคยอุปถัมภ์พระพุทธศาสนามาเมื่อในอดีตชาติจะเป็นผู้มีอายุ วรรณะ สุขะ ยศ และอธิปไตยเหนือว่ามนุษย์ที่ในอดีตชาติไม่เคยอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา” “หากบุคคลทั้ง 2 บวชในพระพุทธศาสนา จะมีความแตกต่างกันอย่างไร จึงจะทราบว่าพระสงฆ์รูปนี้เคยเป็นผู้อุปถัมถ์พระพุทธศาสนา และไม่เคยเป็นผู้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาเมื่อในอดีตชาติ” “พระสงฆ์ผู้เคยอุปถัมภ์พระพุทธศาสนามาเมื่อในอดีตชาติจะได้รับลาภสักการะมหาศาล เช่น จีวร ภัตตาหาร เภสัช เสนาสนะจากอุบาสกและอุบาสิกาทั้งหลาย แม้กระทั่งพระสงฆ์รูปอื่น ต่างกระทำดีด้วยทั้งกาย วาจา และใจ “ “หากพระสงฆ์ทั้งสองสำเร็จอรหัตตผล จะเห็นความแตกต่างระหว่างกันอย่างไร” “ตถาคตไม่สามารถบอกได้ถึงความแตกต่างระหว่างพระอรหันต์กับพระอรหันต์ “ เจ้าหญิงสุมนาจึงตรัสปิดท้ายว่า “บุญเป็นสิ่งที่อุปการะมนุษย์ เทวดา และพระสงฆ์” @@@@@@ ต่อมาเจ้าหญิงสุมนาได้ติดตามพระเจ้าปเสนทิโกศลเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วพระองค์ได้แสดงธรรมเรื่อง “ไม่ควรหมิ่นคนหนุ่มในบุคคล 4 จำพวก” ทำให้เจ้าหญิงสุมนาเกิดความศรัทธาปรารถนาออกผนวช แต่ติดที่พระองค์ทรงต้องดูแลพระมารดา (พระเจ้าย่า) ผู้ชราภาพ หลายปีต่อมาพระมารดาสิ้นพระชนม์ แล้วเสด็จไปบำเพ็ญพระกุศลที่พระเชตวัน ได้สดับธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วทรงตัดสินพระทัยทูลพระพุทธเจ้าขอผนวช เมื่อพระนางผนวชเป็นพระเถรีแล้ว พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ดูก่อนสุมนา เธอจงนำท่อนทำผ้าจีวร แล้วจงพักผ่อนให้สบาย เพราะตอนนี้ราคะของเธอได้สงบแล้ว เธอได้เป็นผู้มีความเย็น ดับสนิทแล้ว” แสดงว่าหลังจากเจ้าหญิงสุมนาสดับธรรมของพระพุทธเจ้า ก็ส่งผลให้พระนางสัมผัสกับสอุปาทิเสสนิพพาน คือการดับสิ้นไปของกิเลส ซึ่งเป็นนิพพานของพระอรหันต์ที่ยังมีรูปอยู่นั่นเอง ที่มา : สุมนสูตร ,อรรถกถาวุฑฒปัพพชิตสุมนาเถรีคาถา ภาพ : https://pixabay.com ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/170241.html By nintara1991 ,21 August 2019 |