หัวข้อ: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: หมวยจ้า ที่ มกราคม 15, 2011, 12:47:17 am 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ
เรื่องโดย ศรัณยู นกแก้ว (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/631/5631/images/tree-sati.jpg) รถติด งานล้น ลูกค้าขี้วีน เจ้านายขี้บ่น เพื่อนร่วมงานขี้นินทา สถานการณ์ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งเร้าให้สติของชาวออฟฟิศอย่างเราๆ หลุดกระเจิงแทบทุก 5 นาที และด้วยเหตุนี้ที่ครึ่งค่อนชีวิตของเราๆ ท่านๆ ต้องอยู่กับงาน จึงไม่รอช้าที่จะชวนมาฝึกเทคนิคเรียกสติให้กลับคืนมาในระหว่างวันทำงาน เพราะเมื่อสติกลับคืนมา ปัญญาที่จะสร้างสรรค์งานให้มีคุณภาพ ก็จะตามมาทันทีโดยไม่ต้องสงสัย 1. “ไฟแดง” ไฟแห่งสติ : สิ่งแรกที่ทำให้สติของชาวออฟฟิศขาดกระเจิงพร้อมกับอารมณ์ที่ขุ่นมัวตามมา เห็นจะเป็นการจราจรที่แสนติดขัด ยิ่งวันไหนที่ต้องติดไฟแดงแทบทุกแยกด้วยแล้ว มักหนีไม่พ้นที่จะบ่นกับตัวเองว่า “วันนี้ต้องเป็นวันซวยอย่างแน่นอน” ทางออกก็คือ ต้อง “เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส” ลองใช้ไฟแดงเป็นเครื่องมือเตือนสติดู ติดไฟแดงครั้งใดก็ให้หยุดดูความหงุดหงิดของตัวเอง พร้อมทั้งดึงสติมาจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ คราวนี้กว่าจะถึงออฟฟิศ เชื่อได้เลยว่าคุณจะมีสติพร้อมยิ้มรับกับทุกเรื่องที่กำลังรออยู่แล้ว 2. ตั้งจิตอธิษฐานก่อนเริ่มงานทุกวัน : เมื่อมาถึงที่ทำงาน สิ่งแรกที่ควรทำไม่ใช่การเริ่มงานอย่างลุกลี้ลุกลน แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ หาเวลาสัก 5 นาทีเพื่อทำใจให้สงบ จากนั้นตั้งจิตให้มั่น แล้วนึกถึงธรรมะที่ต้องการน้อมนำมาปฏิบัติ เช่นเมื่อวานขี้เกียจไปนิด วันนี้จะขอตั้งใจทำงานด้วยความเพียร การตั้งจิตอธิษฐานไม่ได้หมายถึงการขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อช่วยให้ทำงานสำเร็จ ทว่าการอธิษฐานเป็นการเตือนใจ ไม่ให้พลัดหลงไปกับอารมณ์และความรีบเร่ง ที่จะมาบั่นทอนจิตใจในการทำงานนั่นเอง 3. ล้างจานเพื่อล้างจาน : การทำงานไม่ว่าอาชีพไหนก็สามารถเจริญสติขณะทำงาน หมายถึงการดึงจิตใจอยู่กับงาน รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆ จะล้างจานก็รู้ว่าล้างจาน ถูบ้านก็รู้ว่ากำลังถูบ้าน คิดเรื่องอะไรก็ใช้สติอยู่กับเรื่องนั้นๆ ไม่กังวลกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรือพะวงอยู่กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ข้อดีของการเจริญสติตลอดเวลาที่ทำงานนั้น นอกจากจะทำให้งานสำเร็จแล้ว ยังทำให้ทำงานด้วยความผ่อนคลายโปร่งเบา เพราะจิตใจไม่มี “ขยะ” ให้ต้องแบกรับ 4. ตามลมหายใจไปกับเสียงโทรศัพท์ : เคยไหมขณะกำลังทำงานอยู่เพลินๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์จากลูกค้าขี้วีนที่สุดเข้ามา ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวไปครึ่งค่อนวัน และเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามีอีกครั้ง (แม้จะไม่ใช่คนเดิมก็ตาม) คราวนี้เราก็พร้อมจะระเบิดความขุ่นมัวเผื่อแผ่ไปให้ปลายสายอย่างไม่ยั้งคิด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ แน่นอนว่ามีแต่เสียมากกว่า เผลอๆ อาจทำให้เราต้องเสียลูกค้าๆไปโดยไม่ได้คาดคิด ทางออกนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มี ขอแนะนำให้ใช้โทรศัพท์นี่แหละ เป็นเครื่องเรียกสติ โดยก่อนรับสายให้ค่อยๆ ตามลมหายใจเข้า-ออก ช้า3 ครั้ง เพื่อให้อารมณ์สงบนิ่ง บางคนอาจใช้อุปกรณ์เสริม อย่างเช่น กระจกบานเล็กๆ วางใกล้ๆโทรศัพท์ ขณะคุยอาจยิ้มน้อยๆไปด้วย การมองตัวเองในกระจก ช่วยให้ไม่เผลอส่งอารมณ์โกรธไปถึงคนปลายสายโดยไม่รู้ตัว 5. เจริญสติด้วยคำวิจารณ์ : การทำงานกับการวิพากษ์วิจารย์เป็นสิ่งคู่กัน แต่หลายคนมักสติหลุดเพียงเพราะถูกวิพากวิจารณ์ ดังนั้นสิ่งที่ต้องท่องให้ขึ้นใจเมื่อได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์คือ เราเอาปัญญาออกหน้า หรือเอาอัตตาออกหน้า หากเอาปัญญาออกหน้า จะเกิดคำถามในใจว่า “ฉันผิดพลาดตรงไหน” แต่หากเลือกอัตตาก็จะมีประโยคหนึ่งตามมาคือ “แกทำให้ฉันเสียหน้า” สุดท้ายถ้าเราพยายามเตือนตัวเองให้ใคร่ครวญแต่ข้อผิดพลาด ความทุกข์ ความรู้สึกเสียหน้าก็จะมาไม่ถึง เหมือนอย่างที่คุณเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ มักเตือนตัวเองเสมอว่า “วันไหนไม่ถูกตำหนิวันนั้นเป็นวันอัปมงคล” เพราะนั่นหมายถึงมีแต่คนสรรเสริญเยินยอ จนหลงลืมตัวซึ่งอาจนำไปสู่ความเสื่อมในที่สุด 6. เจริญสติด้วยคำนินทา : หลายคนคงจะเคยเจอปัญหาที่แก้เท่าไรก็แก้ไม่ตก นั่นก็คือ คำนินทา ซึ่งถ้าเป็นเรื่องดีก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่จริงก็อาจทำให้หลายคนเกิดอาการเครียดไปตามๆ กัน ทางที่ดีที่สุด แม้เราจะห้ามคนนินทาไม่ได้ แต่เราก็สามารถห้ามใจไม่ให้คิดตามจน “จิตตก” ได้ และหนึ่งในวิธีได้ผลชะงัดคือ การมองโลกในแง่ดี คิดเสียว่าที่เขานินทา คือการเตือนทางอ้อม ให้เราได้แก้ไขปรับปรุงในเรื่องที่เรายังบกพร่อง เวลาที่ได้ยินเสียงนินทาให้ถือเสียว่าเป็นระฆังแห่งสติ ที่จะเตือนให้เราหันกลับมามองตัวเอง สิ่งไหนจริง ก็ปรับปรุงแก้ไข สิ่งไหนไม่จริงก็ปล่อยให้ผ่านไป ที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องคิด พูด และทำแต่สิ่งดีๆ เพื่อจะได้ไม่หวั่นไหวไปกับคำนินทาที่ไม่เป็นความจริง 7. สร้างทางเดินแห่งสติ : ปัญหาอย่างหนึ่งผู้ปฏิบัติธรรมมักใช้เป็นข้ออ้าง เมื่อการปฏิบัติไม่คืบหน้า คือ ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่จะฝึกฝน เราจึงขอเสนอเส้นทางเดินแห่งสติในที่ทำงาน เริ่มตั้งแต่ลานจอดรถ ขั้นบันได ทางเดินไปห้องน้ำ และที่จะขาดไม่ได้เลยคือ ทางเดินไปห้องเจ้านาย แม้ทางเดินเหล่านี้จะเป็นระยะทางสั้นๆเพียงไม่กี่ก้าว แต่หากเราเดินด้วยความรู้สึกตัว มีสติในทุกย่างก้าว ซ้ายก็รู้ ขาวก็รู้ ขึ้นบันไดก็รู้ไม่เผลอคิดฟุ้งซ่าน ถ้าทำได้อย่างนี้ สติจะไม่อยู่กับเราขณะทำงานก็ให้รู้ไป 8. พักยกด้วยระฆังแห่งสติ : สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่งานยุ่งจนไม่มีแม้แต่เวลาจะดูนาฬิกา ขอแนะนำให้ใช้บริการระฆังแห่งสติเป็นผู้ช่วย ระฆังแห่งสตินี้อาจใช้โทรศัพท์มือถือในการตั้งเวลาปลุก ทุกครึ่งชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมง หรือถ้าจะง่ายกว่านั้น เพียงคลิกเข้าไปที่ http://www.thaiplumvillage.org (http://www.thaiplumvillage.org) คุณก็จะสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมเสียงระฆังแห่งสติได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จะต้องให้เตือนทุก 15 นาทีหรือทุกชั่วโมงก็ได้ เคล็ดลับคือ เมื่อได้ยินเสียงระฆังแล้ว ให้วางมือจากการทำงานและกลับมาอยู่กับลมหายใจทันทีสัก 3 ลมหายใจ จากนั้นจึงค่อยทำงานต่อ เท่านี้สติก็อยู่กับตัวได้ตลอดทั้งวันแล้ว 9. ซ้อม “สอบ” ในที่ทำงาน : จริงอยู่ว่าในการทำงานย่อมมีอารมณ์หลากหลายเข้ามาปะทะอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ โกรธ โมโห อิจฉา ริษยา แต่จริงๆ แล้วอารมณ์เหล่านี้ ใช่ว่าจะเป็นผลร้ายกับเราไปเสียหมด ตรงกันข้ามอารมณ์หลากหลายที่เราต้องเผชิญในที่ทำงาน คือบททดสอบที่ดียิ่งใน “วิชาสติ” ดังนั้นขอให้ใช้บททดสอบเหล่านี้เพื่อดูว่าเราสามารถควบคุมอารมณ์ ไม่ให้วูบวาบไปตามสิ่งที่มากระทบและเรียกสติมาช่วยได้ทันหรือไม่ หากเผลอก็ถือว่าสอบตก ต้องรีบสอบซ่อมและทำให้ดีกว่าเดิมในครั้งต่อไป คนเราต้องทำงานเกือบทั้งชีวิต หากเราหมั่นฝึกใช้สติควบคู่ไปกับการทำงาน ก็เท่ากับว่าเรามีโอกาสฝึกปฏิบัติธรรมกันตลอดชีวิตเลยทีเดียว ที่มา...ชมรมกัลยาณธรรม โพสโดย ผู้สร้าง http://putthatham.thport.com (http://putthatham.thport.com) หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: ครูนภา ที่ มกราคม 15, 2011, 09:46:30 am เป็นวิธีการที่ปรับปรุง เข้ากับชีวิตในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง อ่านแล้วก็เห็นว่าพอทำได้คะ
การผึกสติยับยั้งสิ่งไม่ดี เป็นสิ่งที่ทุกคนฝึกฝนกันอยู่้เป็นอุปนิสัยอยู่แล้วไม่มาก ก็น้อย แต่ได้คำแนะนำอย่างนี้ ทำให้เกิดมีความมั่นใจ ดีกว่าให้ใจสับสนและหาวิธีการกันเอง :08: หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: tcarisa ที่ มกราคม 15, 2011, 09:52:31 am อาจจะต้องเตรียมตัวเปลี่ยนวิถีไปเป็นเซน มหายานตามเนื้อเรื่องซะแล้ว
ถึงแม้จะเป็นแนวคิดที่ดี ในการปฏิบัติแต่หลักดำเนินชีวิตในวิถีคนไทยพุทธเถรวาท ก็น่าจะใช้ได้อยู่นะจ๊ะ :smiley_confused1: หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: ekkasit ที่ มกราคม 15, 2011, 02:03:58 pm ขอบคุณ จขกท. มากๆเลยครับ :25:
หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: ยอดชาย ที่ มกราคม 15, 2011, 02:51:10 pm เป็นวิธีเจริญสติ ที่เข้ากับสถานการณ์ ดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
:08: หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: นาตยา ที่ มกราคม 15, 2011, 03:40:57 pm (http://3.bp.blogspot.com/_gpx49oMy9Zo/SsUUq-gg3mI/AAAAAAAAAEg/l1oAVjQbfpw/s400/3_Monkeys.jpg)
เปลี่ยนวิธีการจาก สติ เป็นมองตามความเป็นจริง แล้ว ปิดหู ปิดตา ปิดปาก บ้างดีหรือป่าวคะ :58: หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: wipadakao ที่ มกราคม 16, 2011, 08:06:52 pm เห็นด้วยคะ ปิดหู ไม่ฟังบ้างก็ดีคะ ( ใช้บ่อย ทำเป็นไม่ได้ยิน )
:88: หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 22, 2011, 08:37:17 pm ขอคุยด้วยคน เข้าห้องน้ำก็เจริญสติได้นะครับ
จริงๆแล้ว พระพุทธเจ้าสอนให้เจริญสติทุกลมหายใจครับ หายใจเข้าก็ตาย หายใจออกก็ตาย ไม่หายใจก็ตาย :49: :58: :) ;) :25: หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: somchit ที่ มกราคม 23, 2011, 12:42:12 am ขอคุยด้วยคน เข้าห้องน้ำก็เจริญสติได้นะครับ ส่วนมากถ้าเข้าห้องน้ำ จะหลับครับ ชีวิตคนทำงานเข้าห้องน้ำไปหลับครับ หลับสักงีบ 10 นาที เจริญสติไม่ได้แล้วครับ ผมมักจะทำประจำครับ และหลายคนที่ทำงานผมก็มักจะแอบม่อยใน ห้องน้ำครับ :) หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: prachabeodee ที่ มกราคม 24, 2011, 09:02:12 am ส่วนมากถ้าเข้าห้องน้ำ จะหลับครับ ชีวิตคนทำงานเข้าห้องน้ำไปหลับครับ หลับสักงีบ 10 นาที
เจริญสติไม่ได้แล้วครับ ผมมักจะทำประจำครับ และหลายคนที่ทำงานผมก็มักจะแอบม่อยใน ห้องน้ำครับ ......................................... ขอบคุณที่ แนะนำให้ป้าได้ใช้วิธี" หลบไปหลับในห้องน้ำ "มั่ง....อิอิ อิอิ ..... ถึงแม้ไม่ไช่วิธีที่เหมาะสมซักเท่าไหร่ แต่ป้าก็ขอบคุณน๊ะ..... :85: :08: :57: หัวข้อ: Re: 9 วิธีเจริญสติในออฟฟิศ เริ่มหัวข้อโดย: ครูนภา ที่ มกราคม 24, 2011, 01:16:06 pm โดยส่วนตัว ก็เป็นนอนหลับน้อยคะ จะหลับประมาณ 4 - 6 ชม. คะ เชื่อมั่นในสมาธิ
บางคืนนอนไม่หลับ แต่ไม่กระสับกระส่าย อาศัยนอนไปแล้วดูลมหายใจบ้าง ภาวนาพุทโธ บ้าง แล้วก็หลับ สัก 2 - 3 ชม. ร่างกายก็สดชื่นดีคะ บางคืนนอนไม่หลับได้แต่ภาวนา พุทโธ จนถึงเข้าก็มี แต่ก็ไม่มีอาการ อ่อนเพลีย สอบถามไปที่พระอาจารย์ ก็ได้คำตอบว่า เป็นด้วยพลังของสมาธิ ทำให้มีสติ ตื่นอยู่ เพื่อการเจริญธรรม อาการอย่างนี้ ก็เป็นแทบทุกวัน แรก ๆ ก็พะวง ว่าจะนอนหลับไม่เพียงพอ แต่ พอทำได้สักสองสามคืนแล้ว รู้สึก ร่างกายแจ่ม กว่าหลับอีกคะ อันนี้ใช้ท่านอน นะคะ ไม่ได้ใช่ท่านั่ง นอนตะแคง คำแนะนำ อาจจะช่วย ท่านที่นอนน้อยได้คะ ต้องฝึก สมาธิ บ้างนะคะ :25: |