หัวข้อ: คาถากันขโมย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 08, 2019, 05:54:11 am (https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2019/10/%E0%B8%A0%E0%B8%9B-%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%A2.jpg) คาถากันขโมย โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก ผีที่มีตัวตนที่ใครๆ ว่าดุนั้น ก็สักแต่ได้ยินเขาเล่าสืบต่อกันมา ผมเองก็เขียนเรื่องผีเรื่องเปรตหากินมานาน ได้หลายเงินแล้วด้วย แต่ไม่เคยเจอผีเลยสักครั้ง ผมจึงไม่ค่อยกลัวผีเท่าไหร่ แต่ผีที่ผมพบค่อนข้างบ่อยและกลัวเอามากๆ ก็คือผีที่มองเห็นได้ สัมผัสได้ คนนี่แหละครับ คนที่ทำตนเป็นดุจผีดุจเปรต คอยหลอกคอยต้มตุ๋นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนี่แหละ ร้ายกาจนัก คนที่ทำตนเป็นไอ้ตีนแมวตีนหมาคอยลักขโมยเอาทรัพย์สินของชาวบ้านยามเขาเผลอหรือนอนหลับ นี่ก็ผีเปรตอีกชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านกลัวกันนัก เพราะทรัพย์สินเงินทองที่อุตส่าห์หามาได้ด้วยความยากลำบากไม่รู้ว่ามันจะถูกเจ้าผีเปรตพวกนี้ “ยกเค้า” เอาเมื่อไหร่ ขนาดใส่กุญแจแน่นหนาสามชั้นสี่ชั้นก่อนออกไปทำงาน กลับมาไม่มีร่องรอยถูกงัดถูกแงะอะไร แต่ข้าวของมันหายไปได้ยังไง ทีวีเอย เครื่องสเตริโอเอย เครื่องเพชรเครื่องทองเอย ที่ไหนได้ แหงนดูเพดาน มีช่องโหว่รูเบ้อเร่อ มันงัดกระเบื้องหลังคา เจาะเพดานลงมา อะไรจะปานนั้น @@@@@@ เพื่อนผู้อาวุโสผมคนหนึ่งบอกว่า ก่อนจะเข้านอนหรือก่อนจะออกจากบ้านไปไหน ให้หาผลไม้หรือเครื่องดื่มใส่ตู้เย็นไว้ให้เต็มนะ ผมถามว่าทำไม ท่านบอกว่าเอาไว้ให้ขโมยมันกิน เผื่อมันงัดบ้านมาขนของ มันหิวขึ้นมาเปิดตู้เย็นไม่มีอะไรกิน เดี๋ยวมันยัวะขึ้นมา มันจะไม่เอาแต่ข้าวของ มันอาจเผาบ้านเราก็ได้ ช่างโหดร้ายอะไรเช่นนั้น เพื่อนคนหนึ่งถูกขโมยขึ้นบ้านมานับเป็นสิบครั้ง ชั่วระยะเวลาไม่ถึงห้าปี ถามผมว่าทำไมบ้านคุณไม่เคยโดนเลย ผมบอกว่า ผมมีคาถาดี ขโมยถึงไม่กล้าแหย็ม (ที่จริง…ถึงไม่มีคาถาอะไร ขโมยมันก็ไม่ขึ้นบ้านผมให้เมื่อยดอก เพราะไม่มีอะไรให้มันขน นอกจากหนังสือ) เพื่อนทำตาโตเชียว ขอคาถากันขโมยจากผม ผมก็จดให้ไปท่อง ปรากฏว่าตั้งแต่นั้นมาบ้านเพื่อนผมยังไม่โดนอาคันตุกะยามวิกาลมาเยี่ยมเยียนอีกเลย หรือว่ามันจะ“ขลัง” จริงๆ คาถาบทนี้มีความเป็นมาครับ ขอเล่าประวัติเสียก่อนแล้วค่อยบอกคาถา @@@@@@ ในอดีตกาลนานมาแล้ว มีมาณพน้อยคนหนึ่งเดินทางไปศึกษาศิลปวิทยากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แกเป็นคนหัวขี้เลื่อย อาจารย์สอนให้ท่องอะไรก็ท่องไม่ได้ ศิษย์คนอื่นเขามาเรียนไม่กี่ปีก็จบไปรุ่นแล้วรุ่นเล่าแต่ศิษย์คนนี้อยู่ตั้งหลายปีแล้วยังเรียนไม่จบ อาจารย์สงสารจึงเรียกไปพบวันหนึ่ง กล่าวว่า “เธอมาอยู่กับฉันหลายปีแล้ว เรียนไม่จบสักที เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะให้คาถาสำคัญบทหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เธอดำรงชีพได้โดยไม่ลำบาก” ว่าแล้วอาจารย์ก็จดคาถาให้ กำชับว่าให้ท่องบ่นดังๆ ทุกเวลาที่นึกขึ้นมาได้ เขาก้มกราบอาจารย์แล้วเดินทางกลับบ้านเมืองของตน กลับถึงบ้านพ่อแม่ก็จัดงานเลี้ยงฉลองอย่างใหญ่โตมโหฬาร ต้อนรับลูกชายผู้เรียนสำเร็จกลับมา คืนนั้นแขกเหรื่อที่มาในงานกินและดื่มกันเต็มคราบ บ้างก็กลับบ้านตน บ้างก็นอนสลบไสลอยู่ที่บ้านเจ้าภาพ @@@@@@ ตกดึกมีโจรสามสี่คนพยายามขึ้นบ้านเพื่อจะไปขโมยของ เด็กหนุ่มหัวขี้เลื่อยนอนหลับไปพักใหญ่ ตื่นขึ้นมาอีกทีเวลาตีสามตีสี่ นึกถึงคำสั่งของอาจารย์ได้ จึงท่องคาถาที่อาจารย์ให้มาเสียงดัง ขโมยซึ่งกำลังปีนกำแพงบ้านตกใจพากันโกยแน่บหนีไปโดยไม่คิดชีวิต เหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของชายวัยกลางคนคนหนึ่งโดยตลอด ชายผู้นี้เป็นพระราชาผู้ครองประเทศ คืนนั้นได้ปลอมตัวไปตรวจดูสารทุกข์สุกดิบของชาวเมือง เมื่อมาถึงบ้านบัณฑิตหนุ่มสดๆ ร้อนๆคนนี้ก็พอดีเห็นเหตุการณ์นี้เข้า รุ่งเช้าขึ้นมาจึงรับสั่งให้มหาดเล็กมาตามเด็กหนุ่มเข้าไปเฝ้า ขอให้เขาสอนคาถาให้พระองค์บ้าง ชายหนุ่มก็ยินดีจดคาถาถวายพระราชาไป กราบทูลว่าให้ท่องคาถานี้ทุกครั้งที่พระองค์ทรงนึกได้ บังเอิญระยะเวลาดังกล่าว เสนาบดีกำลังคิดก่อการขบถ ได้วางแผนให้ช่างกัลบก (ช่างตัดผม) เฉือนพระศอพระราชา ในวันที่พระองค์ทรงเครื่องใหญ่ (ตัดผม) ซึ่งเป็นวันนั้นพอดี ช่างกัลบกลับมีดโกนแล้วๆ เล่าๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามีดคมพอที่จะเฉือนพระศอทีเดียวขาด @@@@@@ ขณะรอเวลาอยู่นั้น พระราชาทรงนึกถึงคาถาขึ้นมาได้ทรงท่องเสียงดัง เท่านั้นแหละครับ ช่างกัลบกทิ้งมีดโกนหมอบแทบยุคลบาทพระเจ้าแผ่นดินละล่ำละลัก พระองค์ทรงไหวทัน ทรงกระทืบพระบาทสำทับ เค้นเอาความลับจากเขาทั้งหมด ทรงรับสั่งให้จับเสนาบดีเนรเทศออกจากพระนครในทันใด นับว่าทรงกำจัดเสี้ยนหนามได้ทัน เพราะคาถาบทนี้แท้ๆ พระองค์ทรงรำลึกถึงบุญคุณของบัณฑิตหนุ่มที่ช่วยชีวิตพระองค์ไว้ได้ จึงทรงสถาปนาให้เขาดำรงตำแหน่งเสนาบดีสืบแทนคนก่อน โบราณาจารย์จึงนำเอาคาถาบทนั้นมาเป็นคาถากันขโมย สอนกันว่าก่อนจะเข้าหรือจะออกจากบ้านไปไหนให้ว่าคาถานี้ แล้วเป่ารูกุญแจ จะป้องกันขโมยขึ้นบ้านได้ชะงัดนักแล @@@@@@ คาถามีว่า “ฆะเฏสิ ฆะเฏสิ กิงกะระณา ฆะเฏสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ” ลองนำไปใช้ดู สั้นๆ ท่องได้ง่าย สบายมาก หรือจะเขียนยันต์แปะไว้หน้าประตูก็จะขลังยิ่งขึ้น ขอบคุณที่มา : https://www.matichon.co.th/columnists/news_1700930 (https://www.matichon.co.th/columnists/news_1700930) วันที่ 6 ตุลาคม 2562 - 13:00 น. |