หัวข้อ: เริ่มแล้วมาตราการเข้ม ห้ามเด็กออกจากบ้านหลัง 4ทุ่ม เริ่มหัวข้อโดย: มะเดื่อ ที่ มกราคม 16, 2011, 10:47:59 am (http://news.mthai.com/wp-content/uploads/2011/01/0181-300x218.jpg)
16 ม.ค. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ที่ สน.หัวหมาก พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. ได้ออกมาเปิดเผยถึงการดำเนินงานตามนโยบายกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่ห้ามเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลังเวลา 22.00 น. โดยไม่มีเหตุอันควร ผ่านผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าตรวจสอบ แหล่งเสี่ยงที่เป็นที่มั่วสุมต่างๆ ที่อยู่รอบบชน. อาทิ เช่น ร้านยาดอง ร้านเกม รวมไปถึงร้านอินเทอร์เน็ต ซึ่งจากการลงพื้นที่ดังกล่าวสามารถจับกุมร้านยาดองทที่ทำผิดกฎหมาย พร้อมของกลางได้เกือบ 100 แห่ง ส่วนพื้นที่เสี่ยงที่เป็นร้านเกมนั้น ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ในท้องที่ต่างๆ เข้มงวดกวดขันทำความเข้าใจให้ดำเนินการป้องกันไม่ให้มีเยาวชนหลงเหลืออยู่ใน ร้านหลังเวลา 22.00 น. เพราะเด็กเยาวชนอาจถูกทำร้าย เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ “เหตุที่ทางตำรวจเริ่มกวาดล้างร้านยาดองก่อนนั้น เนื่องจากเหล้ายาดองหาซื้อดื่มกินได้ง่าย ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีเยาวชนหันมาซื้อเหล้ายาดองมากขึ้น เมื่อมีการหาซื้อได้ง่ายมีการดื่มกินจนมึนเมาสิ่งที่ตามมาคือการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ทำให้บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิต ถือว่าเป็นปัญหาอาชญากรรม ทำให้สังคมไม่มีความสงบสุข และเชื่อการตรวจสอบดังกล่าวเป็นอีกทางที่จะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมลงได้” นอกจากนี้ รอง ผบช.น. ยังได้กล่าวต่ออีกว่า แม้การกวาดล้างร้านยาดองครั้งนี้ ไม่พบมีเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี มาใช้บริการก็ตาม แต่ต่อไปจะซุ่มตรวจสถานที่สุ่มเสี่ยง อาทิ โต๊ะสนุ๊กเกอร์ ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านเกม และสถานบริการต่างๆ กันไปต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากมีมาตราการดังกล่าวออกมา ก็มีเสียงตอบรับในทางที่ดีจากผู้ปกครองจำนวนมาก เพราะบางครั้งผู้ปกครองก็ไม่สามารถบังคับบุตรหลานได้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยก็ทำได้ง่ายขึ้น พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าว FWD mail หัวข้อ: Re: เริ่มแล้วมาตราการเข้ม ห้ามเด็กออกจากบ้านหลัง 4ทุ่ม เริ่มหัวข้อโดย: RATCHANEE ที่ มกราคม 21, 2011, 12:41:11 am รองเลขาศาลฯ ติงเคอร์ฟิวเด็ก แนะทำอะไร ต้องมีกฎหมายรองรับ หวั่นกระทบสิทธิผู้อื่น
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นาย สราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึง กรณี บช.น. เสนอมาตรการเคอร์ฟิวเด็กไม่เกิน 18 ปี ห้ามออกจากบ้านหลัง22.00 น.ว่า มาตรการพิทักษ์ปกป้องเด็กและเยาวชน สร้างความตกใจให้แก่เด็กและเยาวชนรวมทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องถูกเชิญตัวไปทำประวัติที่สถานีตำรวจและเรียกผู้ปกครองมารับตัว เพื่อเป็นการแก้ปัญหาอาชญากรรม ตนเห็นว่า ในทางปฏิบัติ การดำเนินการใดๆของเจ้าหน้าที่รัฐต้องมีกฎหมายรองรับหรือให้อำนาจไว้ หากไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ การจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นไม่สามารถกระทำได้ ซึ่งรธน.ปี 50 มาตรา 26 กำหนดว่า การใช้อำนาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สิทธิและเสรีภาพ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ มาตรา 29 กำหนดไว้ว่า การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทำมิได้เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้ กฎหมายต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป และไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็น การเจาะจง ส่วนจะเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการเดินทางหรือไม่นั้น รธน.มาตรา 34 กำหนดว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการเดินทางและมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราช อาณาจักร การจำกัดเสรีภาพในการเดินทางและมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราช อาณาจักรจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน การผังเมือง หรือเพื่อสวัสดิภาพของผู้เยาว์ ประกอบกับมาตรการเคอร์ฟิวเด็ก มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเด็กและเยาวชนโดยตรง ซึ่งรธน.มาตรา 52 กำหนดว่า ”เด็กและเยาวชน มีสิทธิในการอยู่รอดและได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจและสติปัญญา ตามศักยภาพในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ เด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลในครอบครัว มีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ให้ปราศจากการใช้ความรุนแรงและการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม ทั้งมีสิทธิได้รับการบำบัดฟื้นฟูในกรณีที่มีเหตุดังกล่าว นาย สราวุธ กล่าวอีกว่า การแทรกแซงและการจำกัดสิทธิของเด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อสงวนและรักษาไว้ซึ่งสถานะของครอบครัวหรือประโยชน์สูงสุดของบุคคล นั้นเด็กและเยาวชนซึ่งไม่มีผู้ดูแลมีสิทธิได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอบรม ที่เหมาะสมจากรัฐ”เห็นได้ว่าการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้นไม่สามารถ กระทำได้ เว้นแต่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ การห้ามเด็กหรือเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี อยู่นอกเคหสถานหลังเวลา 22.00 น. โดยไม่มีเหตุอันควร เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเด็กและเยาวชน เว้นแต่มีกฎหมายให้อำนาจไว้เท่านั้น ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=116607 (http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=116607) |