หัวข้อ: ถอดรหัสคำทางเพศใน “หมอลำ” ที่ชาวบ้านชอบ ชาวเมืองว่าหยาบโลน สะท้อนอะไร.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 04, 2020, 06:40:00 am (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2019/01/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B3-696x522.jpg) การแสดงหมอลำ (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม, กรกฎาคม 2528) ถอดรหัสคำทางเพศใน “หมอลำ” ที่ชาวบ้านชอบ ชาวเมืองว่าหยาบโลน สะท้อนอะไร.? วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่าง “หมอลำ” ได้รับความนิยมมายาวนาน ถึงยุคปัจจุบันก็ยังถือว่ามีพัฒนาการผสมผสานเข้ากับดนตรีร่วมสมัยและได้รับความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่น แต่หากพูดถึงวัฒนธรรมดั้งเดิม ในเนื้อร้อง “หมอลำ” มักมีคำหรือสัญลักษณ์เกี่ยวกับเพศจำนวนมาก ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ทำให้คนจดจำวัฒนธรรมนี้ และชาวบ้านทั่วไปก็ชื่นชอบมาก แต่ชาวเมืองมองว่าหยาบโลน บางครั้งก็ถึงขึ้น “ไม่ชอบ” ด้วยซ้ำ แถบอีสานคุ้นเคยกับการ “ลำ” หรือการร้องรูปแบบหนึ่งเป็นอย่างดี ในทางภาษา ผู้ที่ลำจนชำนาญแล้วจะถูกเรียกว่า “หมอลำ” ที่มาของการลำเชื่อกันว่าเริ่มมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด หนังสือ “การละเล่นพื้นเมืองภาคอีสาน” ของกรมศิลปากรอธิบายโดยสันนิษฐานว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มักมีการขับร้อง และผูกเนื้อหาให้เข้ากับภาษาของแต่ละกลุ่ม นิคม วงเวียน บุคลากรจากวิทยาลัยครูสุรินทร์ บรรยายเนื้อเพลงพื้นเมืองของอีสานว่า โดยรวมแล้วจะเรียกว่า “กลอนลำ” มีทั้งกลอนที่แต่งไว้ในวรรณคดีพื้นเมือง กลอนที่แต่งใหม่ และกลอนที่หมอลำคิดขึ้นเองขณะลำ ส่วนใหญ่แล้ว กลอนลำมักจะใช้เนื้อความจากเรื่องในวรรณคดี ศาสนา ประวัติศาสตร์ที่สอดแทรกคติธรรม ธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อ และสภาพทางท้องถิ่นเอาไว้ @@@@@@@ ขณะเดียวกัน กลอนลำมักสะท้อนความคิดของผู้แต่งด้วย การศึกษาวรรณคดีในเชิงจิตวิทยาโดยวนิดา ลิขิตกัณทิมา พบว่า ผลงานวรรณคดีสะท้อนจิตใต้สำนึก บุคลิกภาพ และบทบาทของผู้แต่ง โดยปรากฏออกมาในลักษณะทางตรง และทางอ้อมผ่านสัญลักษณ์ พื้นฐานของสัญลักษณ์เกี่ยวกับเรื่องการเกิด ความอุดมสมบูรณ์ มักมีเรื่องเพศและอวัยวะเพศปรากฎอยู่ กวีหรือผู้แต่งจะสอดแทรกคำ ข้อความ พฤติกรรม เครื่องหมายเป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับเรื่องเพศ นิคม วงเวียน ศึกษารวบรวมคำและข้อความในกลอนลำ ผลการศึกษาพบว่ามีคำเกี่ยวกับเพศมากมาย แบ่งย่อยเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีความหมายถึงอวัยวะเพศ และกลุ่มที่หมายถึงเพศสัมพันธ์ลักษณะต่างๆ สามารถแบ่งได้เป็น 2 หมวดคือความหมายโดยตรง และโดยอ้อม (หรือเชิงเปรียบเทียบ) ซึ่งโดยสัดส่วนแล้วมักใช้คำหรือกลุ่มคำที่มีความหมายโดยนัย @@@@@@@ 1. ความหมายโดยตรง – อวัยวะเพศชาย “โคยเคียวบักหำด่าง” “เดี๋ยวจับสองขากะดอดำ” ฯลฯ – อวัยวะเพศหญิง “เหลียวเบิ่งสองง่ามก้นหง้วมหงีมาเทียมยืน” “หรือบ่เคยบ่ตุ้มสิของุ้มหว่างโมม” “บาดห่าเต๊ะก้นโท้ยโหง่ยลงสาดังตึ้ง” “นอนมเจ้าให้เขาบายแล้วไป่” “มันผัดใหล้สิแจ้งฝูงแมงหมี่มาตอมหี” ฯลฯ – แสดงอาการเพศสัมพันธ์ “คันแม่นคึกอยากสี้ เห็นเขาแต่งตัวงาม” “มีบาดเด้ง บาดฮ่อน อันนั้นแนวเดียว” “มีบาดหญ้ม บาดเหลียว มันก็แสนยาก” ฯลฯ 2. ความหมายโดยอ้อม หรือเชิงเปรียบเทียบ – อวัยวะเพศชาย “บักโปงลาง พี่สิโหญ้น เมือก้ำฝ่ายอุดร” “แมงหมี่ปัดป่ายตุ้มกุมกล้วยหน่วยสลึง” “พี่สีปาดหมากแว้ ไป่ไว้ให้แหญ่ฮู” “บั้งน้ำเฮี่ยขอเลียท้ายล่าม” “บาดห่ากำด้ามพร้า สิเห็นหน้าบ่าวพี่ชาย” “เพิ่นผู้วงหัวเจ้ย หลดเงยคอก่งด่ง” – อวัยวะเพศหญิง “ตายนำโง่นเซ้าเง้า เต้าขี้ตุ่มหมากตูมไถ ตายนำขวยแมงซอน บ่อนฮูจินาอ้น ตายนำฮูแข้ฮูกะแตใต้ฮูบ่าง ตายนำกกเหมียดก่าง บ่อนเป็นหัวน้ำย้อย ฮ้อยช้างกะนี้แหม่นหล่มบึง” “เจ้าตากต้านลอนตาลคือซิต่ง” “รักษาโนนนาเฮื้อ แปลงดีๆ ไว้ถ้าพี่” “คันหมอเคนได้แต่ซุเนื้อขาวๆ” “หนองและนอ น้องบวกน้อย ฮอยอ้ายหยั่งผู้เดียว” ฯลฯ – แสดงอาการมีเพศสัมพันธ์ “อยากลองไปในห้องสองคนเบิ่งเดพี่ คือสิเถิงชั้นฟ้าเวลาเข้าสู่เตียง” “สิให้หวังโคะโยะ ใส่ผู้ใด๋สิคือน้อง” “เถิงพอดีคิดฮอดอ้ายญามสิเข้ากะบ่อนนอน” “ไผเดนอสิมาเป็นแฟนน้อง บุญยังนางสิได้กล่อม” “พี่บ่มีคู่ซ้อน นอนกลิ้งแม่นกล่อมสอง” “ผู้บ่าวไปโคมผัดว่าสิฮ้อง บอกให้ฮ้องมึงเป็นหญังบ่ฮ้อง เอ็นเข้าท้องกูฮ้องบ่ได้” ฯลฯ @@@@@@@ คำในเนื้อกลอนลำในตัวอย่างข้างต้นเป็นเรื่องที่ชาวบ้านกระทำเป็นปกติโดยชอบใจ อันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ อย่างไรก็ตาม ในยุคสมัยหนึ่งชาวเมือง หรือกลุ่มที่การศึกษาสูงมักมองในแง่หยาบโลนลามก ประเด็นความเห็นต่างต่อวัฒนธรรมนี้ นิคม วงเวียน มองว่า สังคมที่มีสมาชิกอยู่ร่วมกัน สังคมเป็นปัจจัยที่จะตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน อาทิ น้ำ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และความต้องการทางเพศ ขณะเดียวกัน สังคมก็ต้องมีระเบียบ มีการควบคุมสมาชิก ซึ่งสิ่งที่นำมาเป็นเครื่องมือในการควบคุมคือ กลวิธี หรือกลไกทางวัฒนธรรม ยุทธวิธีอย่างหนึ่งที่ใช้ควบคุมสังคมคือ กลอุบายควบคุมพฤติกรรม และความนึกคิดของผู้อื่นจากการสื่อความหมายต่างๆ ในที่นี้ ความตลกขบขันหรือเอาเรื่องมาล้อเลียนเป็นการสื่อความหมายอีกวิธีหนึ่ง เรื่องตลกขบขันสามารถลดอำนาจความต้องการของบุคคลลง และทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดผ่อนคลาย ในอีกด้านหนึ่ง หากมองในมุมเชิงจิตวิทยา การใช้ถ้อยคำทางเพศเป็นการสร้างเหตุการณ์ที่ตนเองสมใจขึ้น เป็นเครื่องมือการผ่อนคลายความตึงเครียดชั่วครู่ การใช้คำที่เกี่ยวกับทางเพศอาจพิจารณาในแง่พฤติกรรมก้าวร้าวซึ่งเกิดจากความคับข้องใจได้อีกเช่นกัน นิคม มองว่า “การนำเรื่องเพศซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานของคนเรามากล่าวในทำนองเป็นเรื่องขบขันจึงเป็นกลวิธีหนึ่งที่ช่วยให้สังคมมองเรื่องเพศเป็นเรื่องไร้สาระ หรืออย่างน้อยก็ลดความสำคัญของเรื่องนี้ลง” @@@@@@@ เมื่อวรรณกรรมพื้นบ้านเป็นเรื่องขบขันเกี่ยวกับเรื่องเพศเสียมาก ข้อมูลการสำรวจนี้สะท้อนว่าศิลปินใช้กลวิธีนี้เป็นเครื่องช่วยควบคุมสังคมทางหนึ่ง และใช้แพร่หลายทั้งเจตนา และโดยไม่เจตนา การนำเรื่องเพศมากล่าวทำนองเชิงตลกเป็นกลวิธีที่ช่วยให้สังคมมองเรื่องเพศเป็นเรื่องไม่ตึงเครียด หรืออย่างน้อยก็ลดความสำคัญของเรื่องนี้ลง ในสังคมระดับชาวบ้านเองก็ถือว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดาที่รับรู้ได้โดยไม่รังเกียจ การใช้คำและภาษาโดยตรงสะท้อนให้เห็นลักษณะพฤติกรรมการสื่อสารของชาวบ้านที่ไม่นิยมกล่าวอ้อมค้อม ในทางความเชื่อหรือคติที่สืบทอดกันมา การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษก็มักทำตามคำสั่งเสียให้จัดหมอลำที่มีชื่อมาแสดง ซึ่งกลุ่มหมอลำนี้ก็มีฝีปากจัดจ้านกล้าแกร่งในการใช้คำทางเพศอย่างโชกโชน นอกจากเรื่องรสนิยมและวิถีชาวบ้านแล้ว ความเชื่อเรื่องผีก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่น่าจะเชื่อมโยงกับคติการใช้คำเรื่องเพศ จากตัวอย่างการเซ่นสรวงผีที่เป็นเจ้าน้ำก่อนจับปลาบึกในแม่น้ำโขง ซึ่งต้องพูดด่ากันเกี่ยวกับเรื่องเพศให้หยาบโลน โดยเชื่อว่าเจ้าจะโปรดปรานและทำให้จับปลาได้มาก ในพิธีก็มีบทร้องและบทด่าเกี่ยวกับเรื่องเพศมากมาย อ้างอิง :- - นิคม วงเวียน. “เพศในกลอนลำ,”. ใน ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 6 ฉบับที่ 9 (กรกฎาคม 2528) - กรมศิลปากร. การละเล่นพื้นเมืองภาคอีสาน. กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์, 2521, น. 84 เผยแพร่ : วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2563 เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 30 มกราคม 2562 ขอบคุณ : https://www.silpa-mag.com/culture/article_26908 (https://www.silpa-mag.com/culture/article_26908) |