หัวข้อ: จัดระเบียบตัวเอง ก่อนที่จักรวาลจะจัดระเบียบท่าน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 05, 2020, 05:49:36 am (https://c.wallhere.com/photos/cf/11/1600x1200_px_nature_planet_space-518427.jpg!d) ขอบคุณภาพจาก https://wallhere.com/th/wallpaper/518427 จัดระเบียบตัวเอง ก่อนที่จักรวาลจะจัดระเบียบท่าน ถึงกาลสมัยของโลกอีกวาระหนึ่งแล้ว ที่จะมีการแยกธาตุขันธ์ความบริสุทธิ์, ไม่บริสุทธิ์ ออกจากกันโดยเด็ดขาดเพื่อที่โลก แล มหาจักรวาล จักดำเนินการ จัดระเบียบ จัดการ ตามระบอบแบบของพระสัทธรรมโดยองค์รวมทั้งหมด เพราะโลกแลจักรวาลได้สั่งสมพลังงานโดยขาดหรือบกพร่องการจัดระเบียบมานานแสนนานแล้ว แลสำหรับโลกใบนี้ ที่มนุษยชาติเป็นสัตว์ผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือสัตว์อื่นทั้งหลายในการบริหารจัดการ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่หาได้มีจิตสำนึกสูงส่ง ตระหนักดีพอ ในการจัดการอย่างถูกวิธี อย่างถูกต้องชอบธรรมไม่ แต่กลับใช้อำนาจมิจฉาทิฏฐิ อวิชชา ตัณหา อาสวะกิเลส มาทับถม หมักดอง จนกลายมาเป็นระเบิด เป็นเครื่องมือทำร้าย ทำลายล้างผลาญ รุนแรงมากขึ้น มากขึ้น เรื่อย ๆ สาเหตุนี้เอง จึงเป็นการเร่งรัดให้พระสัทธรรมจักต้องเข้ามาจัดระเบียบโลกและจักรวาลอย่างเร่งด่วนยิ่งขึ้น การทำความสะอาด จัดระเบียบนี้ อาจเป็นไปถึงขั้นกวาดล้าง ครั้งย่อม ครั้งย่อย ไปจนถึงครั้งใหญ่ ก็ย่อมได้ทั้งสิ้น ระดับความรุนแรงของการจัดการ จะเป็นไปถึงขั้นใด ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมบุญ, บาปของมนุษย์ทั้งโลกร่วมกัน เป็นสำคัญ @@@@@@@ เมื่อลูกหลานรู้แลเข้าใจดังนี้แล้ว จักดำรง จักดำเนินชีวิตอยู่ ด้วยระดับจิตสำนึกตามมาตรฐานเดิม ดั่งเคยเป็นมา หาได้ไม่ พึงต้องดำเนินการ-จัดการชีวิตตน โดยเคร่งครัด(แต่มิเคร่งเครียด) ด้วยความ รู้-ตื่น-เบิกบาน ตามหลักการแห่ง โอวาทปาฏิโมกข์ คือ 1. เลิกคิด, พูด, ทำหรือเกี่ยวข้องกับความชั่วร้ายทั้งหมด 2. คิด, พูด, ทำ แต่ความดี 3. ชำระล้างจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ปราศจากความยึดมั่นถือมั่นในอ้ตตาตัวตนทั้งสิ้น พระสัทธรรมจักดำเนินการปัดกวาด หรือ ถึงขั้นกวาดล้าง ความชั่วร้าย หรือภาวะอึมครึมซึมเซา สีดำ สีเทา ให้เสื่อมสิ้นไป ครั้งใหญ่มโหฬาร อีกคราหนึ่ง (แต่หาใช่จักกวาดล้างไปทั้งหมดจนความชั่วร้ายเลวทรามสูญสิ้นไปก็หาไม่ เพราะกาลเพลานี้วงจรแห่งการเกิดและเสื่อมสูญยังไม่สิ้นวงรอบ ยังคงต้องดำเนินวัฎจักรอยู่ เพื่อเป็นเชื้อไขให้ให้กระแสวงวัฏสงสารยังคงอยู่สืบไป) ส่วนสัตว์ที่จิตวิญญาณบำเพ็ญเพียรอยู่เพื่อเข้าถึงความบริสุทธิ์บริบูรณ์ ตั้งมั่นอยู่ในธรรม คือ ความสะอาด-สว่าง-สงบ ไม่นำจิต, วาจา, กาย ตนไปเกี่ยวข้องแวะกับบาปกรรมของสัตว์อื่น สัตว์นั้นจึงจะรอดพ้นพิบัติภัยร้ายทั้งปวง @@@@@@@ ผู้ฉลาดทางจิต แลเคารพอย่างสูง ในหลักพระสัทธรรม เมื่อได้สดับคำหลวงปู่ใหญ่แล้ว ขอให้บำเพ็ญเพียรยกระดับขั้นจิตวิญญาณตนเข้าสู่ยานพาหนะทางธรรมใหญ่กว่าเดิม ด้วย ศีล สมาธิ ภาวนามยปัญญา ดำรงและดำเนินจิตใจแห่งตนด้วยความไม่ประมาท ฝึกฝนจิตสำนึกให้ละเอียดลออ อย่าทะนงตน ให้ลด ให้ละ ให้เลิก ความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนเสีย โดยสิ้นเชิง ความผิดบาปที่ตนมีอยู่ แม้ว่าเล็กน้อย ก็จักต้องภาวนาขัดเกลาเอาออกไป ให้มากที่สุด จนหมดสิ้น ไม่หลงเหลือในจิตใจ แล้วพึงอุทิศบุญให้กลุ่มก้อนพลังงานบาปนั้นไป อัญเชิญทุกบุญบารมีแห่งสัมมา เช่น มรรคมีองค์แปด หรือ พระโพธิสัตว์ผู้มีฐานบารมีเต็ม มาปรับภพภูมิให้กลุ่มพลังงานบาปนั้นๆ แล้วเชิญพลังงานบาปทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นให้พ้นไปจากตัวเรา(คำว่า "ตัวเรา" ในที่นี้ เป็นเพียงสมมุติเท่านั้น) ด้วยพลานุภาพแห่ง "อุเบกขาพรหมวิหาร" ขัันอัปมัญญา คำเทศนาแห่งหลวงปู่นี้ ขมวดมาจากคำสอนพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง เพียงแต่เพ่งเป้าประสงค์ให้สอดคล้องกับกาละเทศะ นี้ ซึ่งลูกหลานทั้งปวง ย่อมทราบซึ้งโดยทั่วกันแล้ว ด้วยหลวงปู่บอกกล่าวมาก่อนหน้านี้เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ถึงเวลานี้ลูกหลานจึงได้ประจักษ์แจ้งว่า ยุคสมัยแห่งการจัดระเบียบจักรวาลได้มาถึงแล้ว ด้วยธรรม พร แลอัปมัญญาพรหมวิหาร แด่ลูกหลานทุกคน นะลูกหลานเอ๊ยฯ #ธรรมเทศนาหลวงปู่เทพโลกอุดร #หลวงปู่เทพโลกอุดร ขอบคุณบทความจาก : https://sites.google.com/site/theholydhammacity/merciful-contemplation |