หัวข้อ: กรรมที่คาดไม่ถึง เริ่มหัวข้อโดย: RATCHANEE ที่ มกราคม 26, 2011, 12:55:31 am กรรมที่คาดไม่ถึง
"ป้าเพียรเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ในตัวเมืองอยุธยาเป็นคนจิตใจดี ชอบทำบุญทำทาน ป้าแกจะใส่บาตรอยู่เป็นประจำมิได้ขาด และชอบทำบุญกับคนแก่ๆเสมอพอตกเย็นลงก็จะสวดมนต์ไหว้พระ แต่ด้วยอาชีพบางครั้งต้องฆ่าปลาและกบเป็นๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ทานของที่อร่อยและติดใจในรสชาดของความสด บ่อยครั้งที่ป้าเพียรไปหาซื้อปลาในตลาดสดแล้วให้แม่ค้าทุบหัวปลาสดๆ และหลายครั้งที่กลับมาถึงบ้านแล้วปลา กบ มันไม่ตายป้าเพียรจึงต้องเป็นเพชฌฆาตดาบสอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปลาและกบเหล่านั้นแน่นิ่งตายคามือ หรือบางครั้งแกบั้งปลาทั้งเป็นๆ แล้วหย่อนลงไปในน้ำมัน หรือน้ำเดือดๆ ตามแต่เมนูที่ลูกค้าสั่ง ยิ่งกบด้วยแล้ว แกจับถลกหนังทั้งที่มันยังไม่ตาย แล้วนำมาสับทั้งกบนั้นยังหายใจอยู่ จนกบค่อยๆขาดใจตาย อีก๒ปีต่อมาป้าเพียรแกมีร้านอาหารใหญ่โตขึ้น จากเพิงเล็กๆเป็นตึกแถวสองคูหา ฐานะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วป้าแกก็โรคประจำตัวขึ้นมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง รักษาหมอที่ไหนก็ไม่หาย หมดเงินไปกับการรักษาทั้งทางแพทย์แผนโบราณ ทั้งการฝังเข็ม มากมาย แต่อาการกลับยิ่งทวีความปวดรุนแรงมากขึ้น อยู่มาวันหนึ่ง ขณะแกเข้าห้องน้ำ เกิดลื่นล้มหัวฟาดพื้นอย่างแรง ยิ่งส่งผลให้อาการของแกแย่ลงไปอีก เริ่มขยับตัวไม่ได้ ต้องนอนคว่ำหน้าอยู่ตลอดเวลา จะนอนหงายก็หายใจไม่ออกเหมือนมีอะไรมาทับอก จนเป็นอัมพาตในที่สุด ต้องนอนอยู่ท่านั้นเหมือนกบที่แกเคยจับถลกหนังไม่มีผิด ถึงแม้ป้าเพียรจะเป็นคนใจบุญ แต่ด้วยอาชีพที่ต้องทำมาหากิน ต้องเบียดเบียนชีวิตหนึ่ง เพื่อประทังอีกชีวิตหนึ่ง มันคงไม่ยุติธรรม เพราะชีวิตใครใครก็รัก ส่วนของบุญกุศลที่ป้าเพียรทำนั้นก็แค่ส่งผลให้ช่วงชีวิตดีขึ้นจากอยู่เพิง มาอยู่ตึกสองคูหา แต่กรรมของป้าแก จะต้องได้รับผล ตลอดเวลาที่ป้าเพียรทำบุญไม่เคยอุทิศให้แก่วิญญาณของสัตว์ที่ต้องฆ่าเลย วิญญาณเหล่านั้นจึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาทวง ปัจจุบันป้าเพียรแกเสียชีวิตแล้ว...." คัดลอกจากหนังสือทางพ้นกรรมของแม่พัชราภาหน้า ๕๘ ทุกๆนามที่เอ่ยชื่อในหนังสือเล่มนี้แม่บอกว่า มีตัวตนจริงบางคนเสียชีวิตแล้ว แล้วมาเล่าให้แม่ฟังเพื่อเป็นอุธาหรณ์ เมื่อรู้ว่าแม่จะทำหนังสือเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวร บางรายที่ยังมีชีวิตอยู่แม่บอกว่าก็เป็นวิญญาณของเจ้ากรรมนายเวรของคนๆนั้น มาฟ้องกล่าวโทษให้แม่ฟังในนิมิต เพื่อจะได้เป็นอุธาหรณ์ให้ผู้คนข้างหลังและได้ร่วมโมทนาบุญกับแม่ อีกทั้งแม่ยังบอกเตือนลูกศิษย์ทุกคนบ่อยๆว่า ให้แผ่เมตตาและขออโหสิกรรมกับสรรพสัตว์ ทั้งหลาย รวมทั้งวิญญาณของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นที่เราได้เบียดเบียนชีวิตของเขามา เป็นอาหารประทังชีวิตในแต่ละมื้อด้วย (http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/546/23546/images/N122/N123/N124/N125/N126/N127/N127.JPG)(http://gotoknow.org/file/kitikant_kpp/%E0%B8%81%E0%B8%9A1.jpg) Create Date : 17 มกราคม 2554 http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=umathevi&month=17-01-2011&group=3&gblog=4 (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=umathevi&month=17-01-2011&group=3&gblog=4) หัวข้อ: Re: กรรมที่คาดไม่ถึง เริ่มหัวข้อโดย: doremon ที่ มกราคม 30, 2011, 09:22:10 pm อ้างถึง แต่แล้วป้าแกก็โรคประจำตัวขึ้นมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง รักษาหมอที่ไหนก็ไม่หาย หมดเงินไปกับการรักษาทั้งทางแพทย์แผนโบราณ ทั้งการฝังเข็ม มากมาย แต่อาการกลับยิ่งทวีความปวดรุนแรงมากขึ้น โรคกรรม ที่ก่อไว้ ถ้าใช้ได้ในชาตินี้ ก็เป็นเรื่องที่ควรยินดีแล้วนะครับ เพราะถ้าตามไปชาิติต่อไป ก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรในเบื้องหน้า ที่ตายเพราะกายแตก การมีีศีล ขัดกับหลัก ดำรงชีวิตหรือไม่ ผมเคยสงสัยมาตลอดแล้ววันนี้ก็ยังสงสัยอยู่เลยว่า ตัวผมเองก็ยัง บริโภคเนื้อสัตว์ มีหมู ปลา ไก่ อยู่ 3 ประเภทนอกนั้นงดครับ ถึงจะฟังว่าผู้บริโภคไม่บาป แต่อดสงสัยในใจไม่ได้ ก็เพราะการบริโภคของเราเป็นสาเหตุที่ทำให้สัตว์ฺพวกนี้ต้องตายเป็นอาหารให้เรา แต่ครั้นไม่บริโภค ก็จะมีคนตกงาน เป็นล้าน ๆ คนนะครับ ที่ประกอบอาชีพ ฟาร์มไ่ก่ หมู เป็ด ปลา ต่าง ๆ คนเเหล่านี้จะมาประกอบอาชีพอะไร ขนาดมีอาชีพเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีคนประกอบมิจฉาชีพเพิ่มขึ้นอยู่อีก คิดแล้ว ก็คิดไม่ตก ก็ได้แต่ทำการวิรัช เป็นบางช่วง บางครั้ง กินเจ กับเขาบ้างก็ดี อ่านแล้วก็เศร้ากับคุณป้าท่านี้จริง ๆ :03: :03: :03: :03: หัวข้อ: Re: กรรมที่คาดไม่ถึง เริ่มหัวข้อโดย: pongsatorn ที่ มกราคม 30, 2011, 09:30:48 pm กามภูมิ เป็นที่ตั้งแห่งความใคร่ แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ อบายภูมิ และสุคติภูมิ
อบายภูมิ ยังแบ่งออกเป็นสี่ภูมิได้แก่ นรกภูมิ ติรัจฉานภูมิ เปรตภูมิ และอสูรกายภูมิ นรกภูมิ เป็นที่ตั้งของสัตว์ที่ทำบาป ต้องไปรับทัณฑ์ทรมานนานาประการ แบ่งออกเป็นขุมใหญ่ ๆ ได้ แปดขุมด้วยกัน คือ - สัญชีพนรก มีอายุ ๕๐๐ ปี นรก (๑ วันเท่ากับ ๙ ล้านปีของมนุษย์) - กาฬสุตตนรก มีอายุ ๑,๐๐๐ ปีนรก (๑ วันเท่ากับ ๓๖ ล้านปีของมนุษย์) - สังฆาฏนรก มีอายุ ๒,๐๐๐ ปีนรก (๑ วันเท่ากับ ๑๔๕ ล้านปีของมนุษย์) - โรรุวะนรก มีอายุ ๔,๐๐๐ ปีนรก (๑ วันเท่ากับ ๕๗๖ ล้านปีของมนุษย์) - มหาโรรุวะนรก มีอายุ ๘,๐๐๐ ปีนรก (๑ วันเท่ากับ ๒,๓๐๔ ล้านปีของมนุษย์) - ตาปนรก มีอายุ ๑๖,๐๐๐ ปีนรก (๑ วันเท่ากัย ๙,๒๓๖ ล้านปีของมนุษย์) - มหาตาปนรก มีอายุยาวนานนับไม่ถ้วน - อวีจีนรก หรือ อเวจีนรก มีอายุนับได้กัลป์หนึ่ง ในแต่ละนรกยังมีนรกบริวาร เช่น นรกขุมที่ชื่อโลหสิมพลี เป็นนรกบริวารของสัญชีพนรก ผู้ที่เป็นชู้กับสามีหรือภริยาผู้อื่น จามาตกนรกขุมนี้ จะถูกนายนิรบาลไล่ต้อนให้ขึ้นต้นงิ้วที่สูงต้นละหนึ่งโยชน์ มีหนามเป็นเหล็กร้อนจนเป็นสีแดงมีเปลวไฟลุกโชนยาว ๑๖ นิ้ว ชายหญิงที่เป็นชู้กันต้องปีนขึ้นลง โดยมีนายนิรบาลเอาหอกแหลมทิ่มแทงให้ขึ้นลงวนเวียนอยู่เช่นนี้นับร้อยปีนรก สำหรับผู้ที่ทำบาป แต่ไม่หนักพอที่จะตกนรก ก็ไปเกิดในที่อันหาความเจริญมิได้ อื่น ๆ เช่น เกิดเป็นเปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน พวกที่พ้นโทษจากนรกแล้วยังมีเศษบาปติดอยู่ก็ไปเกิดเป็นเดรัจฉานบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสูรกายบ้าง เป็นมนุษย์ที่ทุพพลภาพพิกลพิการ ตามความหนักเบาของบาปที่ตนได้ทำไว้ สุคติภูมิ เป็นส่วนของกามาพจรภูมิ หรือ กามสุคติภูมิ แบ่งออกเป็นเจ็ดชั้น คือ มนุษย์ภูมิ สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาภูมิ สวรรค์ชั้นตาวติงสาภูมิ (ดาวดึงส์ - ไตรตรึงษ์) สวรรค์ชั้นยามาภูมิ สวรรค์ชั้นตุสิตาภูมิ (ดุสิต) สวรรค์ชั้นนิมมานรดีภูมิ และสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีภูมิ กามาพจรภูมิทั้งเจ็ดชั้น เป็นที่ตั้งอันเต็มไปด้วยกาม เป็นที่ท่องเที่ยวของสัตว์ที่ลุ่มหลงอยู่ใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นอารมณ์อันพึงปรารถนา เมื่อรวมกับอบายภูมิอีกสี่ชั้นเรียกว่า กามภูมิสิบเอ็ดชั้น |