สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 07, 2020, 10:15:30 am



หัวข้อ: เฉลย..พระพักตร์ที่แท้จริง ของพระพุทธเจ้า คือรูปใดกันแน่.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 07, 2020, 10:15:30 am
 :96: :96: :96:

เฉลย..พระพักตร์ที่แท้จริง ของพระพุทธเจ้า คือรูปใดกันแน่.?

ผมเห็นในหลายเว็บ ได้นำรูปวาดรูปหนึ่งมาแชร์ต่อ ๆ กัน จนเกิดความเข้าใจผิดต่อ ๆ กันไปอีกว่า นี่คือรูปพระพักตร์หรือรูปใบหน้าที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า บางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ ตามรูปนี้ครับ

(https://i.pinimg.com/564x/dd/20/ed/dd20ed47adfa3bbfa466a7fa2b52a321.jpg)

โดยหลายเว็บที่นำรูปนี้มาลงได้อ้างว่ารูปนี้วาดโดยอัครสาวก เมื่อตอนที่พระพุทธเจ้ามีพระชนมายุ 41 พรรษา และรูปนี้ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลอนดอน

ตอนผมเห็นรูปนี้ครั้งแรก ผมมั่นใจเลยว่า ต้องมีการเข้าใจอะไรผิดแน่ ๆ เพราะหน้าตาคนในรูปออกแนวมองโกล เกาหลี หรือ ธิเบต หรือ ญี่ปุ่น เสียมากกว่า ไม่น่าใช่รูปพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าของเรา หรือ พระโคตมพระพุทธเจ้า อย่างแน่นอน แถมมีจุดจับผิดได้หลายจุด

ผมเลยเสาะหาข้อมูลจนได้เจอบทความนึงในภาษาเวียดนาม เขียนโดย คุณ Binh Anson ผู้เชี่ยวชาญด้านพุทธศาสนาและศิลปะด้านพุทธศาสนา ชาวเวียดนามได้เขียนไว้

ผมก็ลองใช้กูเกิ้ลแปลภาษาช่วยแปลให้ แม้จะได้ภาษาไทยที่อ่านเข้าใจยากสักนิด แต่ผมก็พอจะสรุปและเรียบเรียงภาษาอย่างคร่าว ๆ จากบทความขอ งคุณบินฮ์ แอนสัน มาได้ดังนี้

"บ่อยครั้งที่ผมได้พบรูปนี้ที่แชร์กันบนอินเตอร์เน็ต ว่านี่คือรูปพระพักตร์ที่แท้จริงพระพุทธเจ้า โดยอ้างว่า  มีสาวกเป็นผู้วาดรูปนี้เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้ามีพระชนมายุ 41 พรรษา และรูปนี้ถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษ ซึ่งผมเคยเห็นรูปนี้มาประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา โดยพี่ชายของผมที่อยู่ในอเมริกาใต้ได้ส่งสำเนารูปนี้มาพร้อมคำอธิบาย


(https://i.imgur.com/RsgDwYw.jpg)

แต่ต่อมาผมได้ไปเห็นรูปนี้ในหน้าสุดท้ายของหนังสือที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ที่ได้ตีพิมพ์ในเวียดนามเมื่อประมาณก่อนปี 1975 นั่นจึงแสดงว่า รูปนี้เคยถูกเผยแพร่ในเวียดนามนานมาแล้วอย่างน้อย 30-40 ปี เป็นอย่างน้อย (สังเกตรูปเล็กด้านบนขวา)

    ผมมีข้อสังเกตเกี่ยวกับรูปนี้ดังต่อไปนี้

    1. รูปนี้มีใบหน้าลักษณะเช่น คนจีน หรือ มองโกเลีย มากกว่า ไม่ดูเป็นชาวอินเดียเลย
    2. ผมดก และมีหนวดเครายาว ซึ่งแตกต่างจากพระสงฆ์ในพุทธศาสนาซึ่งต้องโกนผม
(akecity ขอแทรกความเห็น แม้แต่พระพุทธเจ้าของเรา *พระองค์ก็มีเส้นพระเกศายาวเพียง 2 องคุลี หรือ 2 นิ้วเท่านั้นและยาวเช่นนั้นตลอดพระชมน์ชีพ โดยไม่ต้องโกนอีก พระเกศาของพระพุทธเจ้าไม่ได้ยาวเฟื้อยเหมือนในรูปดังกล่าว ส่วนที่ช่างปั้นพระพุทธรูป มักจะสร้างพระพุทธรูปให้มีมวยผมนั้น ก็เพื่อให้พระพุทธเจ้ามีลักษณะที่ดูแตกต่างจากภิกษุทั่วไปเพื่อการสังเกตได้ง่ายเท่านั้น)
    3. มีการสวมเครื่องประดับต่างหู ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของภิกษุในพุทธศาสนา
    4. ในสมัยพุทธกาล อินเดียยังไม่มีการวาดรูปบนกระดาษ เพราะกระดาษกำเนิดขึ้นที่ประเทศจีน ซึ่งในอินเดียยุคพุทธกาลยังไม่มีกระดาษใช้
    5. หลังจากการปรินิพพานของพระพุทธเจ้าล่วงไปแล้ว 500 ปี ในช่วงเวลานั้น อินเดียก็ยังไม่มีประเพณีวาดรูปหรือปั้นรูปเหมือนพระพุทธเจ้า เพื่อระลึกหรือสักการะ แต่ยุคนั้นคนอินเดียจะใช้การแกะสลักที่ไม้หรือก้อนหินเป็นรูปสัญลักษณ์แทน จนกระทั่งกองทัพกรีกได้ยกทัพบุกอินเดีย ศิลปะกรีกจึงได้เผยแพร่สู่อินเดีย ถึงได้เริ่มมีการปั้นรูปเหมือนพระพุทธเจ้า
    6. ผมเคยค้นหาวัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษ ก็ไม่พบภาพในยุคโบราณของพระพุทธเจ้าบนกระดาษหรือผืนผ้าใบที่นำมาจากประเทศอินเดียเลย
    7. หากรูปนี้ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษจริง ๆ แน่นอนจะต้องเป็นรูปหรือวัตถุโบราณที่สำคัญ ซึ่งจะต้องมีนักวิชาการชาวพุทธที่รู้จักและกล่าวถึงรูปนี้กันทั่วโลก แต่จนวันนี้ ยังไม่เคยมีเอกสารทางวิชาการที่กล่าวถึงรูปนี้ ไม่มีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทางด้านพุทธศาสนากล่าวถึงหรือเขียนวิเคราะห์วิจารณ์ถึงรูปนี้เลย

ดังนั้น ผมขอสรุปว่า ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานอ้างอิงชัดเจนที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับรูปดังกล่าว ยังไม่รู้ต้นกำเนิดของรูปดังกล่าว เราจึงไม่ควรแชร์ข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ


ที่มาบทความ :  http://chuaadida.com/chi-tiet-day-co-phai-hinh-anh-duc- (http://chuaadida.com/chi-tiet-day-co-phai-hinh-anh-duc-)
phat-thich-ca-mau-ni-khong/

(https://i.imgur.com/PnEV4Kh.jpg)

ผู้ชายคนกลางก็คือ คุณ Binh Anson ซึ่งเขาชอบมาเยี่ยมชมศิลปะทางพุทธศาสนา เช่นวัด และพระพุทธรูป รวมทั้งชอบพบปะพูดคุยกับพระภิกษุในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เฟสบุ๊คของคุณ Binh Anson ก็ตามลิงค์นี้ครับ https://www.facebook.com/binh.anson.3 (https://www.facebook.com/binh.anson.3)

@@@@@@@

ใหม่เมืองเอก สรุป

คือ ถ้าได้เห็นรูปที่อ้างว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าของแท้ในเว็บต่าง ๆ ทั้งเว็บภาษาอังกฤษด้วย เขาจะอ้างว่า รูปวาดนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์อิมพีเรียล ในประเทศอังกฤษ แต่เมื่อหาข้อมูลพิพิธภัณฑ์อิมพีเรียลในอังกฤษแล้ว เราก็จะรู้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ด้านสงคราม Imperial War Museums ซึ่งมีแต่อาวุธสงครามตั้งแต่อดีตมาจัดแสดงทั้งสิ้น

ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับพุทธศาสนาได้เลย โดยผมใหม่เมืองเอก ได้ลองเข้าไปเว็บของพิพิธภัณฑ์อิมพีเรียลดูแล้ว เขาจะมีหน้าเว็บสำหรับค้นหาวัตถุที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งผมได้ลองค้นหาดูแล้ว ก็ไม่พบรูปพระพักตร์พระพุทธเจ้าที่ถูกแอบอ้างในพิพิธภัณฑ์นี้แต่อย่างใด

ทีนี้คุณผู้อ่านลองดูรูปด้านล่างนี้สิครับ รู้ไหมรู้ใคร.? แล้วลองทายเล่นๆกันดู ใบ้ให้ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่คนไทยเรารู้จักกันดี

(https://i.imgur.com/nu3Fgmq.jpg)

(https://i.imgur.com/ECodGDf.jpg)

คำตอบคือ รูปบนนี้เป็นรูปของ "อิคคิวซัง" เณรน้อยเจ้าปัญญาตัวจริง ที่อยู่ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นไงครับ ผมว่า หน้าของ*อิคคิวซัง*ตัวจริง ๆ ของแท้ ยังจะเหมือนกับรูปที่กล่าวอ้างว่า เป็นรูปพระพุทธเจ้ามีหนวดรูปนั้นซะมากกว่า จริงไหม.? เพียงแต่อิคคิวซังไม่มีผมยาวเฟื้อยและใส่ต่างหู

ส่วนรูปชายสวมหมวกในชุดขาว ก็คือ "เจงกิสข่าน" มหาจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งอาณาจักรมองโกล  ซึ่งไว้หนวดยาว และใส่ต่างหูด้วย

โดยสรุปคือ บุคคลสำคัญ 2 คนนี้ ยังมีความละม้ายใกล้เคียงกับรูปที่ถูกแอบอ้างว่าเป็นรูปพระพักตร์พระพุทธเจ้ามากกว่า

@@@@@@@

รูปต่างหากนี้น่าจะเป็นรูปพระพุทธเจ้าของแท้

ก่อนอื่นเราต้องรู้ประวัติพระพุทธเจ้าพอสังเขปก่อนว่า พระพุทธเจ้าเป็นชาวเนปาลและอินเดียโบราณหรือที่เรียกว่า ชาวอารยัน (หรือชาวเปอร์เซียโบราณ ปัจจุบันก็คือ ชาวอิหร่าน) คือชาวอินเดียโบราณที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ

พระพุทธเจ้าทรงอยู่ในสกุลศากยวงศ์ ทรงเป็นพระโอรสแห่งแคว้นสักกะ โดยมีเมืองหลวงชื่อ กรุงกบิลพัสดุ์ พระพุทธเจ้าทรงไปประสูติที่ลุมพินีวัน ในเขตประเทศเนปาล ในขณะที่พระนางสิริมหามายา พระมารดาเสด็จกลับไปเยี่ยมแคว้นบ้านเกิด เพื่อทรงคลอดบุตรตามประเพณี

ส่วนการตรัสรู้ การปฐมเทศนา และปรินิพพาน ทุกเหตุการณ์ล้วนเกิดขึ้นในแผ่นดินอินเดีย แต่ในอดีตโบราณยังไม่มีการแบ่งเส้นเขตแดนเป็นประเทศเหมือนปัจจุบัน ไม่มีแบ่งเป็นประเทศเนปาล หรือ ประเทศอินเดีย แต่สมัยก่อนรับรู้ว่า ดินแดนในแถบนี้ เรียกกันว่า ชมพูทวีป


(https://i.imgur.com/QugASUz.jpg)

แม้ที่มาของรูปนี้ออกจะพิสดารและเหลือเชื่อไปเยอะ แต่ผมก็พร้อมที่จะเชื่อ เพราะครั้งแรกที่ผมเห็นรูปนี้ ผมรู้สึกปลื้มปิติในทันที เพราะชายในรูปนี้มีลักษณะสมกับเป็นลักษณะมหาบุรุษ ที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎก (ตามคห.ส่วนตัวผู้เขียน) ตามที่ผมจำได้นะ เพราะผมได้ยินประวัติของรูปนี้เมื่อนานมาแล้ว จึงขอเล่าคร่าวๆ หากจะมีข้อมูลผิดพลาดไปบ้าง ก็ขออภัยไว้ก่อน

ว่ากันว่า รูปนี้เกิดจากช่างภาพชาวอังกฤษคนนึง ได้ไปเยี่ยมชมต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่อินเดีย แล้วเกิดอยากลองของ เลยท้าทายไปว่า ถ้าพระพุทธเจ้าเคยมีพระองค์จริงบนโลกนี้ ก็ขอให้แสดงปาฏิหาริย์ในขณะที่เขาถ่ายรูปต้นพระศรีมหาโพธิด้วย

แล้วเมื่อเขาถ่ายรูปต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว ก็บังเกิดติดรูปชายที่น่าจะเชื่อว่า เป็นพระพุทธเจ้าในฟิลม์ของเขา จนได้รูปนี้นำมาเผยแพร่ไปทั่วโลก ผมไม่อธิบายอะไรต่อนะ เพราะนี่คือ ความเชื่อส่วนบุคคล..แต่ความจริง..?!

@@@@@@@

ภาพพระุพุทธเจ้าใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ความจริงเป็นภาพวาดสีน้ำมัน

หลังจากผมปล่อยบทความนี้ไปได้แค่ครึ่งวัน ผมก็ได้รับข้อมูลจากแฟนเพจของผมชื่อคุณอมร ได้ส่งข้อมูลมาให้ผมได้รู้ว่า แท้จริงแล้วรูปพระพุทธเจ้าที่ผมเชื่อมานานว่า เกิดจากช่างภาพชาวอังกฤษถ่ายรูปต้นพระศรีมหาโพธิ์ จนติดรูปชายที่มีลักษณะคล้ายพระพุทธเจ้านั้น

ปรากฏว่า สิ่งที่ผมเชื่อ ย้ำ.! เป็นความเชื่อของผมมาตั้งแต่เด็กที่ได้รับฟังต่อๆมา กลับกลายเป็นความเชื่อที่ผิดพลาด เพราะรูปพระพุทเจ้าที่สวยงามรูปนี้ กลับเป็นภาพวาดจากจิตรกรชาวสเปน ที่ชื่อว่า Eduardo Chicharro ได้วาดภาพนี้ขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1916-1921 (พ.ศ. 2459-2464)

ภาพนี้มีชื่อเป็นภาษาสเปนว่า Las tentaciones de Buda เป็นภาพวาดสีน้ำมันบนผ้าใบขนาดกว้าง 290 ซม. ยาว 366 ซม

(https://i.imgur.com/x7yfbfB.jpg)

ปัจจุบันภาพนี้แขวนอยู่ที่ Real Academia de Bellas Artes de San Fernando (The Academy of fined arts of St. Ferdinan) กรุงมาดริด ประเทศสเปน ซึ่งชื่อภาพก็หมายถึง การผจญกิเลส (ปราบกิเลส) (เอาชนะมาร)ของพระพุทธเจ้า (มาร=กิเลส) รายละเอียดของภาพนี้ อ่านได้ที่ http://www.mryuse.com/?p=1919 (http://www.mryuse.com/?p=1919)

แต่มีคนหัวหมอ ได้นำรูปนี้มาใช้เพื่อการค้า ตัดแค่บางส่วนของภาพแล้วทำให้เป็นสีขาวดำ เพื่อดูขลังแล้วสร้างประวัติภาพขึ้นมาใหม่ว่า เป็นภาพถ่ายที่เกิดจากปาฏิหาริย์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์จนขายไปทั่วโลก แล้วก็มีผมคนนึงที่หลงเชื่อเรื่องนี้มานานกว่า 20 ปี ครับ


(https://cdn.palungjit.org/photos/l/82/82118-1371553419-8fb2599389f83cf53986a7640ffd2021.jpg)

ข้อคิดทิ้งท้าย

หลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า เป็นธรรมะที่ใช้ได้ในกรณีนี้อย่างมาก เพราะผมเองก็เชื่อในสิ่งที่เชื่อผิดมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะหลงในรูปที่สวยงามรูปนี้ จนรีบเชื่อว่า นี่ คือรูปของพระพุทธเจ้ามาแสดงปาฏิหาริย์จริงๆ แต่เมื่อได้รับรู้ความจริงแล้ว ก็ช่วยให้เราได้ข้อคิดสอนใจเราได้มากว่า อย่าเพิ่งเชื่อ อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรเร็วเกินไป โดยเฉพาะเรื่องที่แอบอ้างปาฏิหาริย์

คลิกอ่าน พระพุทธเจ้าตอนประสูติเดินได้ 7 ก้าวจริงหรือ (http://akecity3.blogspot.com/2013/10/blog-post_19.html)
คลิกอ่าน ปาฏิหาริย์เจดีย์ตรัสรู้ กึ่งพุทธกาล (http://akecity3.blogspot.com/2014/03/blog-post_26.html)





ขอบคุณที่มา : http://kaeloveake.blogspot.com/2015/11/blog-post_25.html (http://kaeloveake.blogspot.com/2015/11/blog-post_25.html)
เขียนโดย ใหม่ เมืองเอก ,วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หมายเหตุ : มุมมอง akecity นะ http://kaeloveake.blogspot.com/ (http://kaeloveake.blogspot.com/) เพราะบล็อคมุมมองใหม่เมืองเอก ลิงค์มักมีปัญหาไลค์ไม่ได้ เลยมาเปิดบล็อคใหม่อันนี้แทนครับ
http://www.blogger.com/rearrange?blogID=3210696907066460068&widgetType=HTML&widgetId=HTML3&action=editWidget&sectionId=crosscol-overflow (http://www.blogger.com/rearrange?blogID=3210696907066460068&widgetType=HTML&widgetId=HTML3&action=editWidget&sectionId=crosscol-overflow)