หัวข้อ: "อนุโมทนามิ" คำอุตริ ที่ไม่ควรพูดเล่น เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2021, 06:12:39 am (http://dhamma.serichon.us/wp-content/uploads/2020/12/015-model.jpg) "อนุโมทนามิ" คำอุตริ ที่ไม่ควรพูดเล่น โปรดทราบเป็นหลักความรู้ว่า คำว่า “อนุโมทนามิ” ไม่ใช่คำที่ถูกต้อง เป็นคำบาลีที่ไม่มีในภาษาบาลี คนที่รู้ภาษาบาลีจะรู้ทันทีว่าเป็นคำตลก แต่คนที่ไม่รู้ภาษาบาลีอาจพูดหรือเขียนเช่นนี้โดยซื่อ คือ เข้าใจไปว่าเป็นคำบาลีที่ถูกต้อง จึงต้องย้ำเป็นเบื้องต้นว่า “อนุโมทนามิ” ไม่ใช่คำที่ถูกต้องในภาษาบาลี “อนุโมทนามิ” เกิดขึ้นมาได้อย่างไร.? น่าจะเกิดเพราะเอาคำว่า “อนุโมทนา” กับคำว่า “อนุโมทามิ” มาพูดปนกัน “อนุโมทนา” กับ “อนุโมทามิ” เป็นคำคนละประเภท “อนุโมทนา” เป็นคำนาม (noun) ในภาษาบาลี “อนุโมทามิ” เป็นคำกริยา (verb) ในภาษาบาลี @@@@@@@ (๑) “อนุโมทนา” บาลีเป็น “อนุโมทน” อ่านว่า อะ-นุ-โม-ทะ-นะ รากศัพท์มาจาก อนุ (คำอุปสรรค = น้อย,ภายหลัง, ตามหลัง, เนืองๆ) + มุทฺ (ธาตุ = ยินดี, ชื่นชม) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ), แผลง อุ ที่ มุ-(ทฺ) เป็น โอ (มุทฺ > โมท) : อนุ + มุทฺ = อนุมุทฺ + ยุ > อน = อนุมุทน > อนุโมทน แปลตามศัพท์ในความหมายหนึ่งว่า “การพลอยยินดี” “อนุโมทน” เป็นรูปนปุงสกลิงค์ ศัพท์นี้ + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์ เป็น “อนุโมทนา” ก็มี “อนุโมทน” หรือ “อนุโมทนา” มีคำขยายความดังนี้ (1) “การชื่นชมยินดีภายหลังจากที่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น” (2) “การชื่นชมยินดีภายหลังจากที่รู้หรือเห็นคนอื่นทำความดี” (3) “เรื่องดีๆ เกิดขึ้นก่อน รู้สึกชื่นชมยินดีตามหลังมา” (4) “การชื่นชมยินดีอยู่เสมอๆ เมื่อเห็นคนทำดี” พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อนุโมทน” ว่า “according to taste”, i.e. satisfaction, thanks, esp. after a meal or after receiving gifts = to say grace or benediction, blessing, thanksgiving (“ตามรสนิยม”, คือ ความชื่นชม, การขอบคุณ, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังภัตตาหาร หรือหลังจากที่ได้รับเครื่องไทยทาน = กล่าวอนุโมทนา หรือให้พร, ประสาทพรให้, แสดงความขอบคุณ) บาลี “อนุโมทน” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อนุโมทนา” บาลีเป็นคำนาม เอามาใช้ในภาษาไทยเป็นคำกริยา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า “อนุโมทนา : (คำกริยา) ยินดีตาม, ยินดีด้วย, พลอยยินดี ; เรียกคําให้ศีลให้พรของพระว่า คําอนุโมทนา. (ป., ส.).” @@@@@@@ (๒) “อนุโมทามิ” เป็นคำกริยา รากศัพท์มาจาก อนุ (คำอุปสรรค = น้อย,ภายหลัง, ตามหลัง, เนืองๆ) + มุทฺ (ธาตุ = ยินดี, ชื่นชม) + อ (อะ) ปัจจัยประจำหมวดธาตุ + มิ วิภัตติอาขยาตหมวดวัตตมานา อุตมบุรุษ เอกพจน์ (ประธานเป็น “อหํ” = ข้าพเจ้า), แผลง อุ ที่ มุ-(ทฺ) เป็น โอ แล้วทีฆะ อะ ที่ (มุ)-ทฺ เป็น อา (มุทฺ > โมท > โมทา) : อนุ + มุทฺ + อ = อนุมุท + มิ = อนุมุทมิ > อนุโมทมิ > อนุโมทามิ แปลตามตัวว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีด้วย” ตรงกับที่เรานิยมพูดกันว่า “ขออนุโมทนา” @@@@@@@ จะเห็นได้ว่า “อนุโมทามิ” รูปและเสียงใกล้เคียงกับ “อนุโมทนา” คนไม่รู้บาลีอาจเกิดความสับสนและเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคำเดียวกัน “อนุโมทนา” เป็นคำที่คุ้นอยู่แล้ว จึงเอารูปและเสียงที่แปลกกันคือ “-ามิ” มาต่อท้าย “อนุโมทนา” เกิดคำใหม่เป็น “อนุโมทนามิ” ฝ่ายคนที่รู้บาลีเห็นแล้วก็คงนึกในทางขำขัน อาจมีใครบางคนหยิบยกขึ้นมาพูดเล่นเป็นคำตลกโดยไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น แต่คนที่ไม่รู้บาลีก็อาจเชื่ออย่างจริงจังว่าเป็นคำที่ถูกต้อง จนถึงเข้าใจไปว่า คำแสดงความชื่นชมยินดีใช้ได้ทั้ง 2 คำ คือ “อนุโมทนา” ก็ได้ “อนุโมทนามิ” ก็ได้ และถ้าพูดกันมากเข้าจนกลายเป็นคำผิดติดปาก ดีไม่ดี “อนุโมทนามิ” อาจกลายเป็นคำถูกต้องตามความนิยม ทำนองเดียวกับ “อโรคยา ปรมาลาภา” ที่กำลังจะกลายเป็นคำที่ถูกต้องตามความนิยมอยู่ในเวลานี้ @@@@@@@ ดูก่อนภราดา.! เรียนบาลีก็เหมือนเรียนรัก ถ้ารู้เรียนที่จะรัก ก็ควรรู้รักที่จะเรียน บทความของ : ทองย้อย แสงสินชัย ขอบคุณ : dhamma.serichon.us/2021/02/16/อนุโมทนามิ-คำอุตริที่ไม/ (http://dhamma.serichon.us/2021/02/16/อนุโมทนามิ-คำอุตริที่ไม/) 16 กุมภาพันธ์ 2021 ,posted by admin. |