หัวข้อ: ขณิกะ อุปจาระ และ อัปนาสมาธิ มันมีความแตกต่างกันไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: ทินกร ที่ มกราคม 27, 2010, 11:16:21 am อยากหาใครสักคนให้ความกระจ่างจังครับ
หัวข้อ: Re: ขณิกะ อุปจาระ และ อัปนาสมาธิ มันมีความแตกต่างกันไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: Program ที่ มกราคม 28, 2010, 11:00:13 am อยากหาใครสักคนให้ความกระจ่างจังครับ (เท่าที่เคยเรียนมาพอจะเข้าใจว่าดังนี้นะครับ) ขณิกสมาธิ คือ สมาธิที่พึ่งเริ่มจับตัวได้ชั่วขณะ หรือ ปะเีดี๋ยวปะด๋าว อุปจารสมาธิ คือ สมาธิที่รวมตัวได้ค่อนข้างแน่นอน แต่ยังไม่มั่นคง อัปนาสมาธิ คือ สมาธิที่รวมตัวได้มั่นคงแล้ว จนเป็นเอกคตา (คือจะเป็นองค์ฌาน-อุคคนิมิต-โอภาสหรือแสงสว่าง) อัปนาสมาธิจะเป็นพวกที่เล่นฌานใช้กัน คือจะดำดิ่งไม่รับรู้ภายนอก อยู่ในองค์อย่างเดียว จัดเป็นสมถะร่วนๆ ส่วนวิปัสนาสมาธิ คือจะต้องถอยร่นลงมาแค่อุปจารสมาธิเท่านั่นจึงจะพิจารณาวิปัสนาได้ คือใช้ปัญาญาพิจารณาอย่างวิเศษ ให้เห็นแจ้งในพระไตรลักษณ์ อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา. ก็พอจะอธิบายคร่าว ๆ ได้ดังนี้ ตามปัญญาที่รู้มาครับผม ขอเพิ่มเต็มอีกหน่อยเรื่อง ฌาน ฌาน ๔ ปฐมฌาน ฌานที่ ๑ ทุติยฌาน ฌานที่ ๒ ตติยฌาน ฌานที่ ๓ จตุตถฌาน ฌานที่ ๔ ม. มู. ๑๒/๗๓. อธิบาย: การเพ่งอารมณ์จนใจแน่แน่วเป็นอัปปนาสมาธิ เรียก ว่าฌาน. ฌานนั้นจัดเป็น ๔ ชั้น เรียกชื่อตามลำดับปูรณสังขยา ประณีตขึ้นไปกว่ากันโดยลำดับ. ปฐมฌานมีองค์ ๕ คือ ยังมีตรึก ซึ่งเรียกว่าวิตก และยังมีตรองซึ่งเรียกว่าวิจาร เหมือนอารมณ์แห่ง จิตของคนสามัญ แต่ไม่ประกอบด้วยกิเลสกามและอกุศลธรรม ซ้ำ มีปีติคือความอิ่มใจ และสุขคือความสบายใจเกิดแต่วิเวกคือความสงบ กับประกอบด้วยจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งลงไป ซึ่งเรียกว่าเอกัคคตา. ทุติยฌานมีองค์ ๓ ละวิตกวิจารเสียได้ คงอยู่แต่ปีติและสุขอันเกิดแต่ สมาธิกับเอกัคคตา. ตติยฌานมีองค์ ๒ ละปีติเสียได้ คงอยู่แต่สุข กับเอกัคคตา. จตุตถฌานมีองค์ ๒ เหมือนกัน ละสุขเสียได้กลายเป็น อุเบกขา คือเฉย ๆ กับเอกัคคตา. ฌาน ๔ นี้ จัดเป็นรูปฌาน เป็น รูปสมาบัติ มีรูปธรรมเป็นอารมณ์ สงเคราะห์เข้าในรูปาวจรภูมิ. หัวข้อ: Re: ขณิกะ อุปจาระ และ อัปนาสมาธิ มันมีความแตกต่างกันไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 28, 2010, 01:57:11 pm คุณโปรแกรมตอบได้ดีครับ วันหน้าช่วยมาตอบอีกนะครับ ขออนุโมทนา หัวข้อ: Re: ขณิกะ อุปจาระ และ อัปนาสมาธิ มันมีความแตกต่างกันไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: ทินกร ที่ มกราคม 28, 2010, 04:26:59 pm ขอบคุณครับ เรียบง่าย แต่ได้ใจความอยากหาใครสักคนให้ความกระจ่างจังครับ เข้าใจแล้วครับ หัวข้อ: Re: ขณิกะ อุปจาระ และ อัปนาสมาธิ มันมีความแตกต่างกันไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: sangtham ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2010, 04:48:56 pm อ้างถึง ขณิกสมาธิ คือ สมาธิที่พึ่งเริ่มจับตัวได้ชั่วขณะ หรือ ปะเีดี๋ยวปะด๋าวสำหรับ ผู้รู้ทางปริยัติ ก็จะว่าเป็นสมาธิ ที่มีชั่วขณะ แต่สำหรับผู้ปฏิบัติภาวนาแล้ว ขณิกะสมาธิ มีถึง 3 ระดับ แบ่งออกเป็น หยาบ กลาง และประณีต เท่าที่ผู้ฝึกในกรรมฐาน สำหรับ ขณิกสมาธิ หมายถึงจิตที่เดินเข้าสู่ องค์แห่งปีติทั้ง 5 ไ้ด้ พูดเทียบอารมณ์ในกรรมฐาน แล้ว ผ่าน วิตก ผ่าน วิจาร เข้าสู่ปีติ ก็ ระดับ 3 ของปฐมฌานแล้ว อ้างถึง อุปจารสมาธิ คือ สมาธิที่รวมตัวได้ค่อนข้างแน่นอน แต่ยังไม่มั่นคง สำหรับ อุปจาระสมาธิ เป็นสมาธิที่เฉียดเป็น ฌาน แต่ผลของ สมาธิ ตั้งจิตอยู่ในความสุขสมาธิ พูดเทียบอารมณ์ในกรรมฐาน แล้ว ผ่าน วิตก ผ่าน วิจาร เข้าสู่ปีติ และ สุข ก็ ระดับ 4 ของปฐมฌานแล้ว ผู้ได้ อุปจาระสมาธิ ในปฏิสัมภิทามรรค และ อภิธรรม ปริจเฉทที่ 9 นั้นกล่าวว่า จิตตั้งอยู่ในสุขตั้งแต่ 1 ทิวาราตรี ( 24 ชั่วโมง ) ดังนั้นในสายสุกขวิปัสสก ย่อมเข้า อุปจาระสมาธิ แล้วพิจารณาองค์ วิปัสสนา ย่อมสำเร็จ มรรค ผล ในวิปัสสนา สำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลสุกขวิปัสสก เจริญอุปจาระสมาธิในองค์วิปัสสนา ที่รูแจ้งในวิปัสสนา นี้เรียกว่า ผลสมาบัติ อ้างถึง อัปนาสมาธิจะเป็นพวกที่เล่นฌานใช้กัน คือจะดำดิ่งไม่รับรู้ภายนอก อยู่ในองค์อย่างเดียว จัดเป็นสมถะร่วนๆอัปปนาสมาธิ นั้นหมายถึงจิต ที่รวมเป็นเอกัคคตารมณ์ คือ รวมศูนย์จิตได้เป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ( ในส่วนรูปฌาน ) อากาสานัญจายตนะฌาน อากิญจัญยายตนะ วิญญานัญจายตนะฌาน เนวนาสัญญายตนะฌาน ( อรูปฌาน ) ผู้ที่เข้าฌานได้ ไม่ได้ตัดอารมณ์ภายนอก แต่หากมีอารมณ์ รับรู้ได้ทั้งภายในและภายนอก ในแนวกรรมฐานทั่วไปนั้น จัดเป็นสมถะัล้วน ๆ อาจจะใช่ แต่ถ้าผู้ใดได้ฝึก อานาปานสติ อันประกอบด้วย สโตริกาญาณ 16 และ ญาณสติถึง 200 ญาณสติ ก็ไม่ได้เป็นสมถะ อย่างที่ท่านทั้งหลาย เข้าใจ นี่เป็นข้อความที่ปรากฏใน อานาปานสติสูตร และ ฌานุเบกขาสูตร ตัตรมัชฌุเบกขาสูตร ในพระอภิธรรม หัวข้อ: Re: ขณิกะ อุปจาระ และ อัปนาสมาธิ มันมีความแตกต่างกันไหมครับ เริ่มหัวข้อโดย: ทินกร ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2010, 09:33:09 pm
อนุโมทนา สาธุ จ้า ละเอียดจริงๆ เข้าใจแล้ว และจะตั้งใจปฏิบัติให้ยิ่งๆ ขึ้นไปครับ |