หัวข้อ: หลวงพ่อ_ยังงั้นรึ.!! | คู่ธรรมะ : มี "ขันติ" ต้องมี "โสรัจจะ" เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 13, 2021, 05:58:18 am (https://static.thairath.co.th/media/dFQROr7oWzulq5Fa4V4lcXPrTZXFIWF4raausEYEFaJf5slOnezVljRbekWjYKahkCJ.webp) หลวงพ่อ_ยังงั้นรึ.!! | คู่ธรรมะ : มี "ขันติ" ต้องมี "โสรัจจะ" ที่ญี่ปุ่นมีพระดีรูปหนึ่ง เป็นพระในตำนานนิกายเซ็น ชื่อจริงท่านก็มี “ฮะกูอิน” แต่ชาวบ้านประทับใจ เรียกท่านว่า “หลวงพ่อยังงั้นรึ” เพราะไม่ว่าท่านจะประสบพบพาน เรื่องดีร้ายประการใด ท่านพูดอยู่คำเดียว “ยังงั้นรึ!” ผมเขียนคำ “เซ็น” มีไม้ไต่คู้ตามอาจารย์ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ท่านบอกไว้ในหนังสือ 9 พุทธ 9 เต๋า 9 เซ็น (สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2558) ว่า “เซ็น” หรือ “ฉาน” เพี้ยนมาจากคำเดิมในภาษาสันสกฤตว่า ธฺยาน ท่านให้เหตุผลว่า “ผมชอบเขียน “เซ็น” มากกว่า เพราะตรงกับคำว่า ZEN ซึ่งออกเสียงกระชับกว่า” เซ็นเกิดขึ้นเมื่อใดไม่ทราบ ทราบแต่ว่าพระอินเดียรูปหนึ่ง ชื่อโพธิธรรม เดินทางไปประเทศจีนเมื่อสมัยพระเจ้าเหลียงบู๊ตี่ ซึ่งคนจีนเรียกว่า “ตั๊กม้อ โจวซือ” ท่านได้วางรากฐานพุทธศาสนานิกายเซ็นไว้มั่นคง @@@@@@@ อาจารย์เสฐียรพงษ์เริ่มต้นว่า ใกล้ๆวัดหลวงพ่อฮะกูอิน มีร้านขายของชำอยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านมีลูกสาวสวยอยู่คนหนึ่ง จู่ๆพ่อแม่ของหญิงสาวก็ได้พบว่าลูกสาวตั้งท้องขึ้นโดยไม่รู้เบาะแสอะไรมาก่อน เหตุการณ์นี้ทำให้เขาทั้งสองโกรธมาก พยายามเค้นเอาความจริง ลูกสาวก็ใจเด็ดไม่ยอมปริปากบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง ในที่สุดเมื่อถูกบังคับขู่เข็ญหนักเข้า จึงยอมหลุดปากออกมาว่า พ่อของเด็กก็คือท่านอาจารย์ฮะกูอิน สองตายายวิ่งแจ้นไปด่าพระอาจารย์ด้วยความโกรธจัด ท่านอาจารย์ไม่พูดอะไร ย้อนถามคำเดียว “ยังงั้นรึ!” เมื่อเด็กเกิดมาแล้วพ่อแม่ของหญิงสาวก็อุ้มเด็กไปให้พระอาจารย์ฮะกูอินเลี้ยง มาถึงตอนนี้ชื่อเสียงพระอาจารย์ก็เสื่อมไปหมดแล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้แสดงท่าทีทุกข์ร้อนออกมา ทั้งยังเอาใจใส่เลี้ยงดูเด็กอย่างดี ไม่มีใครเอาอาหารมาถวาย ท่านมีเงินก็ใช้ซื้อนมและอาหารจำเป็นสำหรับเจ้าหนูน้อยจากชาวบ้าน หนึ่งปีผ่านไป แม่ของเด็กสุดทนที่จะดูเหตุการณ์ที่หลวงพ่อฮะกูอินเลี้ยงดูลูกตัวเองต่อไปนี้ จึงสารภาพความจริงกับพ่อแม่ว่า พ่อที่แท้จริงของเด็กคนนั้น คือเจ้าหนุ่มที่ตลาดขายปลา หาใช่พระอาจารย์ฮะกูอินไม่ สองตายายได้ฟังดังนั้น จึงรีบไปหาพระอาจารย์ขอโทษขอโพยในความผิดของตัวเองยืดยาว หลวงพ่อท่านนิ่งฟัง จนเมื่อเขาขอรับเด็กกลับไปเลี้ยงที่บ้าน ท่านอาจารย์ก็หลุดออกมาคำเดียวคำเดิม “ยังงั้นรึ!” แล้วก็ลุกขึ้นไปอุ้มเด็กมามอบให้ @@@@@@@ เรื่องในตำนานพระนิกายเซ็นจบลงตรงนี้ ใครมีวิธีคิดอะไร ยังไง ตามสไตล์เซ็น เขาเก็บกันไว้ในใจ แต่ถ้าเป็นนิกายพุทธแบบเราๆ พระท่านคงบอกว่า วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อฮะกูอิน คือธรรมะข้อขันติ แปลว่า ความอดทน อดกลั้น มีลักษณะ...ทนต่อความลำบากตรากตรำ ไม่แสดงอาการท้อแท้หรือยอมแพ้ ทนต่อทุกขเวทนา ไม่แสดงอาการทุรนทุราย ทนต่อความเจ็บใจ ไม่แสดงความไม่พอใจ เมื่อถูกคนอื่นกระทบแดกดัน และทนต่อกิเลส ไม่แสดงอาการอยากได้ หรือโกรธเคืองจนออกนอกหน้า ธรรมะข้อขันติ คู่กับธรรมะข้อโสรัจจะ คือความเสงี่ยม นี่คือธรรมะคู่สำคัญ บ้านเมืองเรายามนี้ คงมีใครหลายคน ทำท่าจะอดทนอดกลั้นกับการอยู่บ้านโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาต่อไปไม่ไหว ลองใช้ธรรมะ ข้อขันตินี่ล่ะครับ คิดถึงหลวงพ่อฮะกูอินก็ได้ ท่านทนเป็นพ่อเด็กเลี้ยงเด็กอยู่ได้ยังไงเป็นปี. ขอบคุณที่มา :- คอลัมน์ ชักธงรบ โดย กิเลน ประลองเชิง https://www.thairath.co.th/news/politic/2089018 (https://www.thairath.co.th/news/politic/2089018) 12 พ.ค. 2564 ,05:09 น. |