หัวข้อ: เปิดตำนาน.! พระพุทธรูปชนะศึกเวียงจันทน์ พร้อมกราบขอพร 'พระเหลาเทพนิมิต' เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 17, 2021, 05:23:56 am (https://static.naewna.com/uploads/news/source/573390.jpg) เปิดตำนาน.! พระพุทธรูปชนะศึกเวียงจันทน์ พร้อมกราบขอพร 'พระเหลาเทพนิมิต' ยามนี้หลายคนต้องหาที่พึ่งทางใจ กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรให้ฝ่าวิกฤติโควิด19 ไปได้ อย่างเช่น วัดพระเหลาเทพนิมิต ต.พนา อ.พนา จ.อำนาจเจริญ หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชน พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ต่างเดินทางไปกราบไหว้ขอพร กันเป็นประจำ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการต่อสู้กับโรคโควิดได้อย่างมั่นใจ สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์ โดยเริ่มต้นจาก ตัวเมืองอำนาจเจริญ ไปทางทิศใต้ ตามถนนสายหลักชยางกูร(อำนาจ–อุบลราชธานี) ถึง อ.ลืออำนาจ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายรอง(ลืออำนาจ-พนา) ประมาณ 42 กิโลเมตร เข้าเขตเทศบาลตำบลพนา อ.พนา จ.อำนาจเจริญ ก็จะพบเห็นซุ้มประตูที่มีรูปปั้นช้าง 2 เชือกอยู่ 2 ข้างและป้ายบอกชื่อ วัดพระเหลาเทพนิมิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 7 ไร่เศษ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ สังกัดมหานิกาย สำหรับ วัดพระเหลาเทพนิมิต สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2263 ในสมัยพระเจ้าท้ายสระ เดิมชื่อวัดศรีโพธิ์ชยารามคามวดี ต่อมาเปลี่ยนเป็นวัดพระเหลาเทพนิมิต ตามนามพระประธานในอุโบสถ คือพระเหลาเทพนิมิต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย สูง 2.70 เมตร หน้าตักกว้าง 2.85 เมตร มีพุทธลักษณะตามแบบศิลปะลาว สกุลเวียงจันทน์ (https://static.naewna.com/uploads/files2017/images/100_6703.jpg) พระเหลาเทพนิมิต มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในภาคอีสาน จึงได้รับขนานนามว่า พระพุทธชินราชแห่งภาคอีสาน ชาวบ้านเรียกพระเหลา หมายถึง งดงาม ราวกับสลักเหลากับมือ ไม่เหมือนพระปูนทั่วไป เป็นที่มาของพระเหลา ซึ่งเค้าพระพักตร์ สัดส่วนของพระเพลาและพระบาท ซึ่งคล้ายคลึงกับพุทธศิลป์ที่ปรากฏอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปไม้และสำริด โดยเฉพาะรอบๆอุโบสถที่ประดิษฐานพระเหลาเทพนิมิต ก็จะพบเห็นใบเสมาหินผุดขึ้นมาจากพื้นดิน จำนวน 26 ใบ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 – 13 อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเสมาหินในเขตวัดโพศิลา ต.เปือย อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ ส่วนหอแจก(ศาลาการเปรียญ) อยู่ห่างกับอุโบสถ ประมาณ 5 เมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูนหมัก ซึ่งด้านหน้ามีป้ายบอกประวัติเรื่องราวการก่อตั้งหมู่บ้านพนาว่า เมื่อปี พ.ศ.2254 พระครูธิ เจ้าอาวาสวัดพระเหลา เป็นผู้ก่อตั้งหมู่บ้านพนา พร้อมกับก่อสร้างสิม(อุโบสถ)และหอแจก(ศาลาการเปรียญ) ปี พ.ศ.2463 ส่วนสิม(อุโบสถ) และหอแจก(ศาลาการเปรียญ)ที่บันไดทางขึ้นทั้ง 2 ข้าง จะตกแต่งด้วยรูปปั้นของมกรคาบนาถรูปแบบเดียวกันจนปัจจุบัน ทั้งสิมและหอแจกจะมีลักษณะเป็นไม้และมุงแป้นไม้ ฐานก่ออิฐถือปูนทั้ง 2 หลัง ฐานแอวขันปากพานโบกคว่ำโบกหงาย หลังคาทรงปั้นหยาหน้าจั่วปีกนกมีมุก ภายในศาลาโล่ง เสาเป็นเสาก่ออิฐฉาบปูนและมีบัวที่ฐานและหัวเสา ฝ้าเพดานและเครื่องหลังคาทำด้วยไม้ เชิงชายตกแต่งด้วยไม้ฉลุลวดลายยอดและหางขึ้นลงตกแต่งด้วยไม้กลึง ซึ่ง กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน วัดพระเหลาเทพนิมิต ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 121 ตอนพิเศษ 520 ฉบับวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 (https://static.naewna.com/uploads/files2017/images/100_6705.jpg) สำหรับ พระเหลาเทพนิมิต เมื่อถึงวันเพ็ญเดือนสาม ถือว่าเป็นงานประเพณีปิดทององค์พระเหลาเทพนิมิตของทุกปี ซึ่งจะมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาจากทั่วสารทิศ หลั่งไหลเข้ามาทำบุญ บำเพ็ญกุศล โดยนำปราสาทผึ้งมาถวาย กลายเป็นประเพณีสืบทอดกันนานหลายปี นอกจากนี้ ไปตามทางหลวงชนบท ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างตัวเมืองพนา ประมาณ 5 กิโลเมตร บริเวณทางโค้งเข้าหมู่บ้านโพนเมือง ก็จะพบเห็นเนินดินรูปร่างยาวรีสูงประมาณ 4 เมตร มีขนาดประมาณ 300 – 400 เมตร ก่อนถึงหมู่บ้านโพนเมือง ต.ไม้กลอน อ.พนา จ.อำนาจเจริญ เรียกว่า แหล่งโบราณคดีบ้านโพนเมือง โบราณวัตถุที่สำรวจพบ ได้แก่ เศษภาชนะดินเผา ลูกปัดหินและแก้วโบราณ ที่ทำมาจากทองเหลือง โครงกระดูกมนุษย์และเสมาหินทรายอายุกว่า 100 ปี จากนั้นเดินทางเข้าไปหมู่บ้านโพนเมือง ต.ไม้กลอน อ.พนา จ.อำนาจเจริญ ไปตามป้ายบอก ก็จะถึงวัดไชยาติการาม เพื่อไปกราบพระพุทธรูปเก่าแก่ จำนวน 4 องค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในกุฏิ เจ้าอาวาสวัดไชยาติการาม ซึ่งพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ทั้ง 4 องค์ 3 องค์แบบปางมารวิชัย และแบบปางห้ามญาติ อีก 1 องค์ ตั้งอยู่บนฐานสูงประมาณ 60 เซนติเมตร จัดอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปศิลปะลาว สกุลช่างเวียงจันทน์ เปรียบเทียบได้กับพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่ระเบียงหอพระแก้วเมืองเวียงจันทน์ และพระพุทธรูปที่วัดวิชุล เมืองหลวงพระบาง มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22 ถึง พุทธศตวรรษที่ 23 อายุ ประมาณ 300 ปี ชาวบ้านนิยมเข้ามากราบไหว้ขอโชคลาภ และช่วยให้ก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองในการงานด้วย (https://static.naewna.com/uploads/files2017/images/100_6706.jpg) สำหรับประวัติพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ที่วัดไชยาติการาม ซึ่งเล่าต่อๆกันมาว่า เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมบรมมหากษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี ครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ยกทัพไปปราบนครเวียงจันทน์ โดยให้ท้าวคำผง หรือปทุมวรราชสุริยวงศ์ เจ้าเมืองคนแรกของ จ.อุบลราชธานี เกณฑ์ไพร่พลที่เจนศึกเข้าร่วมทำศึกด้วย ซึ่งชาวบ้านโพนเมืองก็เป็นนักรบ ได้นำช้างจำนวน 20 เชือก พร้อมไพร่พลรบจำนวนหนึ่งเข้าร่วมปราบปรามนครเวียงจันทน์ หลังจากได้รับชัยชนะ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่กรุเทพมหานคร ส่วนพระพุทธรูปองค์อื่นรวมถึงทรัพย์สินทางพุทธศาสนา ได้พระราชทานให้เหล่าขุนศึกนำไปแบ่งปันแก่ไพร่พล ทำให้ชาวบ้านโพนเมือง ได้รับพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางต่างๆ จำนวน 5 องค์ ในจำนวนนี้ มีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ประทับขัดสมาธิราบปางมารวิชัยรวมอยู่ด้วย เพื่อให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล อยู่เย็นเป็นสุขด้วย (https://static.naewna.com/uploads/files2017/images/100_6709.jpg) นอกจากนี้ นักรบชาวบ้านโพนเมือง ยังได้ตู้เก็บพระไตรปิฎก พร้อมพระไตรปิฎกอักษรธรรม(ตัวอักษรไทยน้อย) จำนวนหลายสิบใบ แต่ปัจจุบันพระไตรปิฎกได้เสียหายทั้งหมด จึงเหลือเพียงตู้เก็บพระไตรปิฎกอยู่ใบเดียว ต่อมา ชาวบ้านโพนเมือง ได้อันเชิญ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ทั้ง 4 องค์ ไปประดิษฐานในวัดโพธิ์ชัย ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านโพนเมือง ที่ญาคูขี้หอม หรือญาท่านสังฆราชเจ้าโพนสะเม็กเป็นผู้สร้างวัดนี้ กระทั่งปี พ.ศ.2483 พ่อท่านสอน เจ้าอาวาส ได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดไชยาติการาม เนื่องจากชื่อเดิมซ้ำกับวัดอื่นหลายแห่ง ส่วนพระพุทธรูปทั้ง 4 องค์ ตั้งประดิษฐานอยู่ภายในศาลาไม้ แต่ว่า ปัจจุบันนี้ ได้นำพระพุทธรูป 4 องค์ไปประดิษฐานภายในกุฏิเจ้าอาวาส เพื่อป้องกันการถูกลักขโมย หากมีวันสำคัญทางศาสนา ก็จะอันเชิญออกมาให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชา ที่ผ่านมามีพุทธศาสนิกชนเข้ามากราบไหว้บูชาขอพรเป็นประจำและสมใจปรารถนาทุกประการ โดยเฉพาะช่วงนี้ เกิดโรคระบาดโควิด 19 จึงมีผู้คนเข้ามากราบไหว้ขอพรอย่างต่อเนื่อง ขอบคุณ : https://www.naewna.com/likesara/573390 (https://www.naewna.com/likesara/573390) วันอาทิตย์ ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 20.05 น. |