สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 21, 2021, 07:02:32 am



หัวข้อ: "อคติ" และ การแก้ไข "อคติ"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 21, 2021, 07:02:32 am
(https://i.pinimg.com/564x/d6/de/cb/d6decb98cd43885fa2d4e7fd346cfad2.jpg)


"อคติ" และ การแก้ไข "อคติ"

“อคตินั้น เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้มองไม่เห็นทาง เพราะลำเอียงเข้าข้างตัว ด้วยอำนาจความรักบ้าง ความหลงใหลบ้าง เมื่อเกิดอคติแล้ว ก็จะทำให้สับสนในเหตุและผล และเมื่อไม่ทำตามเหตุผล ความผิดพลาดก็ต้องเกิดขึ้น”

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย10 กค.2519

@@@@@@@

"อคติ" เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังมีกิเลส (โลภ,โกรธ,หลง) ซึ่งจะต้องมีอยู่ด้วยกันทุกคน เพราะปกติคนเราจะทำอะไรก็ตามมักจะคิดถึงประโยชน์ของตนเอง ญาติพี่น้องหรือพวกพ้องก่อนเสมอ ซึ่งการกระทำในลักษณะเช่นนี้  เป็นสาเหตุให้ความถูกใจอยู่เหนือความถูกต้อง ความผิดอยู่เหนือความถูกหรือเห็นผิดเป็นชอบ

ประเภทของ อคติ

คำว่า "อคติ" แปลว่า ไม่เดิน ไม่ไป หมายความว่า ไม่ควรเดิน ไม่ควรไป หรือไม่ควรประพฤติ "อคติ" ศัพท์นี้ตรงกับภาษาไทยว่า ความลำเอียง ความไม่เที่ยงธรรม ความไม่ยุติธรรม ซึ่งมีอยู่ 4 ประเภท คือ

1. ฉันทาคติ แปลว่า ลำเอียงเพราะรักกัน หรือเพราะชอบพอกัน เช่น การแบ่งปันของให้กัน การพิจารณาให้ยศหรือรางวัลก็ดี ด้วยอำนาจ พอใจรักใคร่กัน ก็จะให้สิ่งของที่ดี ให้ยศหรือรางวัลแก่คนที่ชอบพอกันทั้งๆ ที่ไม่ควรจะได้ ซึ่งเป็นการไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ฉันทาคติยังมีผลทำให้บุคคลมีใจโน้มเอียงเข้าข้างหรือเข้าหาสิ่งที่ตนเองรักหรือชอบพอ หรือถ้าเป็นเรื่องของการทำงานหรือการเรียน บุคคลก็จะพึงพอใจทำในสิ่งที่ตนเองมีฉันทาคติได้ดีอีกด้วย

2. โทสาคติ แปลว่า ลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน
หรือเพราะโกรธกัน เกลียดกัน ชังกัน เช่น การให้สิ่งของที่ไม่ดีแก่ผู้ที่ตนเกลียดชัง ทั้งๆ ที่เขาควรจะได้ของดี ไม่ให้ยศหรือรางวัลแก่ผู้ที่ไม่ชอบกันทั้งๆ ที่เขาควรได้ กิริยาอาการอย่างนี้เป็นการไม่ยุติธรรมเช่นกัน นอกจากนี้ โทสาคติยังมีผลทำให้บุคคลมีใจโน้มเอียงที่จะหลีกหนีหรือถอยห่างสิ่งที่ตนเองไม่รักหรือไม่ชอบ หรือถ้าเป็นเรื่องของการทำงานหรือการเรียน บุคคลก็จะไม่พึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีโทสาคติอีกด้วย

3. โมหาคติ แปลว่า ลำเอียงเพราะเขลา หรือเพราะความโง่หลงงมงาย ไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ว่าอย่างไรถูก อย่างไรผิด อย่างไรควร อย่างไรไม่ควร เช่น ได้ยินใครมาเป่าหูอะไรก็เชื่อ แล้วโกรธเคืองคนที่ถูกกล่าวถึงไปโดยไม่พิจารณาให้ถ่องแท้เสียก่อน ขาดความเป็นธรรม นอกจากนี้ โมหาคติยังมีผลทำให้บุคคลเกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดในเรื่องต่างๆได้มาก เพราะขาดการใช้เหตุและผลมาช่วยพิจารณา

4. ภยาคติ แปลว่า ลำเอียงเพราะกลัว หรือเพราะเกรงใจกัน เช่น ญาติพี่น้องของตนเองทำผิดกฎหมายก็จะช่วยกันปกป้อง หรือ การไม่กล้าเป็นพยานชี้ตัวผู้กระทำผิดเพราะกลัวถูกแก้แค้นภายหลัง ทำให้ขาดความเป็นธรรมในสังคม นอกจากนี้ ภยาคติยังมีผลทำให้บุคคลไม่กล้าแสดงออกในเรื่องต่างๆ และขาดความจริงใจในการทำสิ่งต่างๆ ตามที่เป็นจริง

@@@@@@@

ผลกระทบที่เกิดจาก อคติ

1. ทำให้บุคคลไม่เป็นตัวของตัวเองและขาดคุณธรรมในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อการอยู่ร่วมกัน

2. ทำให้สังคมขาดความเป็นธรรม ส่งผลให้สังคมนั้นมีแต่ความเดือดร้อน สภาพครอบครัวแตกแยก ลูก ได้รับความรักไม่เท่ากัน หรือครูรักศิษย์ไม่เสมอกันก็เพราะขาดความยุติธรรม ผู้บังคับบัญชาไม่ได้รับความเคารพนับถือจากผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเพราะขาดความยุติธรรม

3. ทำให้ประเทศชาติเกิดปัญหาการประท้วงต่อต้านผู้ปกครองบ้านเมือง ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นปฏิวัติรัฐประหาร  หรือเกิดสงครามระหว่างประเทศขึ้นได้ เพราะผู้ปกครองบ้านเมืองขาดความยุติธรรมในการบริหารบ้านเมืองนั่นเอง

การแก้ไข อคติ

1. การแก้ไข ฉันทาคติ (ลำเอียงเพราะรักกัน) ต้องทำใจให้เป็นกลาง โดยการปฏิบัติต่อทุกคนให้เหมาะสมเหมือนๆกัน หรือการปฏิบัติเรื่องใดๆ ก็จะต้องระวังอย่าให้มี 2 มาตรฐาน

2. การแก้ไข โทสาคติ (ลำเอียงเพราะไม่ชอบกัน) ทำได้ด้วยการทำใจให้หนักแน่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา  และพยายามแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันให้มากที่สุด

3. การแก้ไข โมหาคติ (ลำเอียงเพราะหลงงมงาย) ทำด้วยการเปิดใจให้กว้าง ทำจิตใจให้สงบ พยายามมองโลกในแง่ดี และต้องไม่ตัดสินสิ่งต่างๆ ด้วยข้อมูลที่ฟังความเพียงข้างเดียว

4. การแก้ไข ภยาคติ (ลำเอียงเพราะกลัวหรือเกรงใจกัน) ทำได้ด้วยการพยายามฝึกให้เกิดความกล้าหาญทางจริยธรรม คือกล้าคิด กล้าพูด และกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม กระทำสิ่งต่างๆ ด้วยความจริงใจไม่เสแสร้ง





ขอบคุณบทความ : อคติและการแก้ไขอคติ นำเสนอโดย เทพ สงวนกิตติพันธุ์ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ.อุดรธานี
อ้างอิง : https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=414715628629376&id=404212069679732 (https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=414715628629376&id=404212069679732)
วันที่สืบค้น : 12/1/2560
ขอบคุณภาพจาก : pinterest