หัวข้อ: เกิดความรู้สึกเหมือนตกจากที่สูง ในขณะทำสมาธิ ควรปฏิบัติอย่างไร.? 'หลวงปู่หล้า' เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 09, 2021, 05:25:15 am (https://static.naewna.com/uploads/news/source/578859.jpg) เกิดความรู้สึกเหมือนตกจากที่สูง ในขณะทำสมาธิ ควรปฏิบัติอย่างไร.? 'หลวงปู่หล้า' ปุจฉา - หลวงปู่เจ้าคะ ขอเรียนถามข้อสงสัยในสมาธิ พอจิตดิฉันเข้าสู่ภวังค์ จะรู้สึกเหมือนร่างกายหล่นจากที่สูงๆ มากลึกสุดประมาณ คืออะไรเจ้าคะ ดิฉันควรจะทำอย่างไร แต่มิได้เป็นบ่อยนะเจ้าคะ นานๆ ถึงจะเป็น ทำให้ดิฉันสงสัยว่าคืออะไร กราบขอหลวงปู่ช่วยให้ความกระจ่างแก่ผู้ด้อยความรู้ด้วยเจ้าค่ะ วิสัชนา - เรื่องภาวนานั้นเป็นของดีแล้ว เพราะมีความปีติและความพอใจในธรรมที่ปรากฏ เป็นอย่างนั้นด้วยอำนาจของปีติธรรม นักภาวนาก็ต้องเจออย่างนั้น บางทีปรากฏว่าเหาะเหินเดินอากาศ หรือเดินจงกรมในอากาศ หรือขัดสมาธิกลางอากาศ หรือพลิกคว่ำพลิกหงายในอากาศ เป็นการแสดงปาฏิหาริย์ไปในตัวก็มี สารพัดจะเป็นไป แต่เมื่อหมดกำลังก็ถอนออกมา เมื่อถอนออกมาแล้ว จงพิจารณาว่าธรรมอันละเอียดถึงเพียงนี้ก็ยังอยู่ใต้อำนาจอนิจจังความไม่เที่ยง ขอให้น้อมลงอย่างนั้น อย่าสำคัญว่าเป็นตัวตน เรา เขา สัตว์ บุคคลใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อไม่สำคัญในส่วนนี้ จิตก็สูงขึ้นไปกว่าเดิมอีกในตัวแล้ว จงพยายามทำบ่อยๆ เทอญ และอีกประการหนึ่งให้พิจารณาเห็นอนิจจังพร้อมกับลมออกเข้า พร้อมทั้งเห็นทุกข์ เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนกลมกลืนกันในขณะเดียว ไม่มีอันใดก่อน ไม่มีอันใดหลัง พร้อมกับลมออกเข้า แม้ศีล สมาธิ ปัญญา ที่เรียกว่าไตรสิกขาก็รวมพลกันอยู่ ณ ที่นั้นเอง จะบัญญัติหรือไม่บัญญัติ ก็เป็นจริงอยู่อย่างนั้นเอง เมื่อเห็นชัดในส่วนนี้พร้อมทั้งชำนาญและเห็นเนืองๆ อยู่ ความระอาในวัฏสงสารที่เคยหลงมาแล้วก็จะรู้ตามเป็นจริง จะได้ไม่ทะเยอทะยานในโลกทั้งปวง เพราะโลกทั้งปวงมีแต่เกิดขึ้นและแปรดับ และมีทุกข์ไม่ใช่ตัวตนดังที่ว่ามาแล้วนั้น จะได้สิ้นความสงสัยในปัญหาของเจ้าตัวที่เคยสร้างขึ้น จะแก้ไม่ยาก โลกคืออะไร...วัตถุภายนอกคืออะไร...ที่สร้างขึ้นด้วยดิน น้ำ ไฟ ลมก็ดี หรือความนึกคิดแห่งสุข ทุกข์ อุเบกขาก็ดี เกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนและดับไปเสมอกันทั้งนั้น @@@@@@@ เมื่อลูกไม้ของโลกมีเพียงเท่านี้แล้ว เราก็ไม่มีหนทางจะไปสงสัยอะไรอีก มีแต่รู้ตามเป็นจริง ปฏิบัติตามเป็นจริง พ้นจากความสงสัยตามเป็นจริงเท่านั้น ความดีใจเสียใจในโลกทั้งปวงก็ห้ามเบรกลง ปัญญาก็เกิดขึ้นเหนือความหลงของตนไปซะ เรียกว่ารู้เท่าทุกข์รู้เท่าสังขารแล้ว จิตก็โอนไปเอนไปโน้มไปในพระนิพพาน คืนกลับความหลงของเจ้าตัวแบบเย็นๆ เท่านั้นเอง ด้วยเดชพระพุทธศาสนา ด้วยเดชพระพุทธศาสนา พวกเราทั้งหลายจงรู้ตามเป็นจริงในสังขารทั้งปวง พร้อมกับลมออกเข้าในปัจจุบัน ยิ่งๆ ขึ้นไปในปัจจุบัน หลุดพ้นจากความหลงในปัจจุบันตามเป็นจริงอยู่ทุกเมื่อเทอญ ปัญหาของธรรมะแท้ไม่มาก ที่มันมากวนเวียน ก็เพราะกิเลสของเราทรงพระอำนาจ เมื่อพระปัญญาทรงพระอำนาจแล้ว พร้อมทั้งสติสัมปยุตกันอยู่ ความสงสัยของเราก็หายไป ไม่ขบถคืนเลย จะว่ารู้แจ้งโลกก็ดี จะว่ารู้แจ้งสังขารก็ได้ จะว่ารู้ทันความหลงของเจ้าตัวก็ได้ ความหลงเจ้าตัวก็หมดประตูจะขี่ช้างสูบบุหรี่มาจากประตูไหน จึงขอจบย่อเพียงนี้ คัดมาจากหนังสือ : หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ตอบปัญหาธรรมะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒๐, เดือนกันยายน ๒๕๕๓ ขอบคุณลานธรรมจักร ขอบคุณ : https://www.naewna.com/likesara/578859 (https://www.naewna.com/likesara/578859) วันอังคาร ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2564, 19.30 น. |