หัวข้อ: "ตบะ" : มีความเพียรเผากิเลส | เราจักเป็นผู้มีความเพียรไม่ถอยกลับ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 12, 2021, 07:00:07 am (http://dhamma.serichon.us/wp-content/uploads/2021/04/2021-04-02_045001.jpg) "ตบะ" : มีความเพียรเผากิเลส | เราจักเป็นผู้มีความเพียรไม่ถอยกลับ คำในพระสูตร : ตโป จ (ตะ-โป จะ) “ตบะ” อ่านว่า ตะ-บะ “ตบะ” เขียนแบบบาลีเป็น “ตป” อ่านว่า ตะ-ปะ รากศัพท์มาจาก ตปฺ (ธาตุ = เผา, ทำให้ร้อน) + อ (อะ) ปัจจัย : ตปฺ + อ = ตป แปลตามศัพท์ว่า (1) “การทำให้กายเดือดร้อน” (2) “ธรรมที่เผาบาป” (3) “ธรรมที่ยังกิเลสให้ร้อน” (4) “ข้อปฏิบัติที่ยังตนและผู้อื่นให้เดือดร้อนในนรก” (ความหมายข้อนี้เป็นทัศนะของพระพุทธศาสนาที่มองการบำเพ็ญตบะแบบผิดๆ ของเจ้าลัทธิต่างๆ) พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ตป” ว่า (1) torment, punishment, penance, esp. religious austerity, self-chastisement, ascetic practice (การทรมาน, การลงโทษ, การทรมานตน, โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทรมานตนทางศาสนา, การลงโทษตัวเอง, การปฏิบัติของนักพรต) (2) mental devotion, self-control, abstinence, practice of morality (การภาวนาทางใจ, การควบคุมตัวเอง, การละเว้น, การปฏิบัติศีลธรรม) @@@@@@@ บาลี “ตป” รูปหนึ่งของสันสกฤตก็เป็น “ตป” สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า (สะกดตามต้นฉบับ) “ตป : (คำนาม) ‘ตะบะ,’ ฤดูร้อน; ความร้อน ; แดด, อาทิตย์; summer, the hot season ; heat ; the sun.” แต่สันสกฤตยังมี “ตปสฺ” อีกรูปหนึ่ง สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า (สะกดตามต้นฉบับ) “ตปสฺ : (คำนาม) ‘ตบัส,’ ชื่อเดือนมาฆะ ; ฤดูหนาว; ฤดูร้อน ; การประติบัทเคร่งครัดตามลัทธิศาสนา ; การหัดระงับใจหรือกาย ; โลกอันเปนที่อาศรัยของบุณยชน หรือดาบสเมื่อสิ้นชีวิตแล้ว (โลกที่กล่าวถึงนี้ตั้งอยู่เหนือชนโลก) ; สทาจาร, สาธุคุณ; ธรรม, กฤตย์ ; การประติบัทฉะเพาะ, ปรากฤตว่า-น่าที่ (ดุจ-ตบัสของพราหมณ์ ได้แก่ บุณยศึกษาหรือการเล่าเรียนพระเวทที่ศักดิ์สิทธิ์ ; ตบัสของกษัตริย์ ได้แก่ การคุ้มครองรักษาไพร่ฟ้าประชาชน ; ตบัสของไวศย ได้แก่ การทำบุณย์ให้ทานแก่พราหมณ์ ; ตบัสของศูทร ได้แก่ การรับใช้คนร่วมชาติกัน ; ตบัสของฤษิหรือมุนิ ได้แก่ การกินผักและภักษมูลเปนอาหาร) ; the name of the month Māgha ; winter or the cold season ; summer or the hot season ; religious austerity ; the practice of mental or personal self-denial ; the world of the saints or devotees, said to be inhabited by them after death (this world is situated above the Janaloka) ; virtue, moral merit ; duty, the special observance of certain things (such as-the tapas of a Brahman is sacred learning ; that of a Kshatriya, the protection of subjects ; that of a Viśya, alms-giving to Brahmans ; that of a Śudra, the service of the same tribe ; and that of a Rishi or saint, feeding upon herbs and roots).” โปรดสังเกตว่า “ตปสฺ” ของสันสกฤตมีความหมายที่ชี้ชัดว่า “ตบัสของกษัตริย์ ได้แก่ การคุ้มครองรักษาไพร่ฟ้าประชาชน (that of a Kshatriya, the protection of subjects).” @@@@@@@ “ตป” ในภาษาไทยใช้ว่า “ตบะ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า “ตบะ : (คำนาม) พิธีข่มกิเลสโดยทรมานตัว เช่น ฤๅษีบำเพ็ญตบะ; การบำเพ็ญเพื่อให้กิเลสเบาบางหรือการข่มกิเลส, ธรรมข้อที่ ๖ ในทศพิธราชธรรม. (ดู ทศพิธราชธรรม). (ป., ส. ตป ว่า ความเพียรเครื่องเผาผลาญกิเลส).” พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต ข้อ [326] ขยายความไว้ว่า “ตปะ (ความทรงเดช คือ แผดเผากิเลสตัณหา มิให้เข้ามาครอบงำย่ำยีจิต ระงับยับยั้งข่มใจได้ ไม่ยอมให้หลงใหลหมกมุ่นในความสุขสำราญและความปรนเปรอ มีความเป็นอยู่สม่ำเสมอ หรืออย่างสามัญ มุ่งมั่นแต่จะบำเพ็ญเพียร ทำกิจให้บริบูรณ์ — Tapa: austerity; self-control; non-indulgence).” @@@@@@@ ขยายความ “ตบะ” คืออะไร.? ประมวลความตามคัมภีร์ในที่หลายแห่ง ท่านแสดงไว้ว่า - การสำรวมอินทรีย์ ชื่อว่า ตบะ - การปฏิบัติธรรมเพื่อเผาผลาญบาป ชื่อว่า ตบะ - ขันติ ก็ชื่อว่า ตบะ ดังคำในโอวาทปาติโมกข์ว่า “ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา” (ขันติ คือ ความอดทนเป็นตบะอย่างยิ่ง) - ศีลก็ชื่อว่า ตบะ - การรักษาอุโบสถ ก็ชื่อว่า ตบะ - ธุดงค์ ก็ชื่อว่า ตบะ เพราะเผาผลาญความละโมบ - การเรียนพระพุทธพจน์ ก็ชื่อว่า ตบะ อย่างไรก็ตาม ท่านสรุปไว้ว่า "อิธ ปน อินฺทฺริยสํวราทิ. เตนฏฺฐกถายํ ตโป นาม อภิชฺฌาโทมนสฺสาทีนํ ตปนโต อินฺทฺริยสํวโร โกสชฺชสฺส วา ตปนโต วิริยนฺติ วุตฺตํ." แต่ในมงคลข้อว่า ตโป นี้ กุศลกิจมีการสำรวมอินทรีย์เป็นต้น ชื่อว่าตบะ. ด้วยเหตุนั้น ในอรรถกถาท่านจึงกล่าวว่า การสำรวมอินทรีย์ ชื่อว่าตบะ เพราะเผาผลาญอกุศลเจตสิกธรรมมีอภิชฌาและโทมนัสเป็นต้น อีกนัยหนึ่ง ความเพียรก็ชื่อว่าตบะ เพราะเผาผลาญความเกียจคร้าน ________________________________ ที่มา: มังคลัตถทีปนี ภาค 2 ข้อ 472 หน้า 367 @@@@@@@ มงคลข้อที่ 31 ในมงคล 38 ตามนัยแห่งมงคลสูตร คำบาลีในพระสูตรว่า “ตโป จ” (ตะ-โป จะ) แปลกึ่งทับศัพท์ว่า “มีตบะ” ไขความว่า มีความเพียรเผากิเลส พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [353] มงคล 38 บอกไว้ว่า (31.) ตโป จ (มีความเพียรเผากิเลส, รู้จักบังคับควบคุมตน ไม่ปรนเปรอตามใจอยาก — Tapa: self-control; simple life) ในพระไตรปิฎก มีพุทธพจน์แสดงถึงการบำเพียรอย่างยิ่งยวด ที่อาจนับได้ว่าถึงระดับที่เป็น “ตบะ” มีข้อความดังนี้ "ตสฺมา ติห ภิกฺขเว เอวํ สิกฺขิตพฺพํ อปฺปฏิวาณี ปทหิสฺสาม กามํ ตโจ นหารุ จ อฏฺฐิ จ อวสิสฺสตุ สรีเร อุปสุสฺสตุ มํสโลหิตํ ยนฺตํ ปุริสตฺถาเมน ปุริสวิริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ น ตํ อปาปุณิตฺวา วิริยสฺส สณฺฐานํ ภวิสฺสตีติ เอวํ หิ โว ภิกฺขเว สิกฺขิตพฺพนฺติ." เพราะเหตุแล ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้มีความเพียรไม่ถอยกลับ เริ่มตั้งความเพียรด้วยมนสิการว่า เนื้อและเลือดในกายของเราทั้งหมดนั้นจงเหือดแห้งไปเถิด จะเหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตามที ยังไม่บรรลุผลที่พึงบรรลุได้ด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความเพียรของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษแล้ว จักไม่หยุดความเพียร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล. ________________________________________ ที่มา: ขุทกนิกาย ทุกนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม 20 ข้อ 251 ดูก่อนภราดา.! ไม่ทำอะไรเลย ดีกว่าทำทุจริต ทำกุศล แม้ผลไม่สัมฤทธิ์ ก็ยังดีกว่าไม่คิดทำอะไรเลย ขอบคุณ : dhamma.serichon.us/2021/07/09/ตบะ-ในมงคลสูตร-มีความเพี/ (http://dhamma.serichon.us/2021/07/09/ตบะ-ในมงคลสูตร-มีความเพี/) บทความของ ทองย้อย แสงสินชัย , 9 กรกฎาคม 2021 ,By admin. |