สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 14, 2021, 06:55:42 am



หัวข้อ: เธอทั้งหลายจงครองผ้าแต่สามผืน ดุจดังนกที่มีปีก ขน และหาง ก็สามารถบินไปในอากาศได้
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 14, 2021, 06:55:42 am

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_08_21_6_40_40.jpeg)


ความเข้าใจ เกี่ยวกับ "การห่มจีวรของพระพุทธเจ้า"

หนังเรื่องพระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก เป็นหนังดัง หนังดีที่สุดของโลกในขณะนี้ เพราะเป็นหนังที่ให้ความรู้ ให้ความคิด ให้คติในการดำเนินชีวิตได้อย่างอัศจรรย์และก่อให้เกิดการตื่นตัวในการศึกษาพระพุทธศาสนากันทั่วโลก

หนังเรื่องนี้ผู้ลงทุนสร้างได้ทุ่มเททุนรอนจำนวนนับพันล้านเพื่อสร้างหนังเรื่องนี้ถวายเป็นพุทธบูชา เพราะเหตุที่มีความเคารพศรัทธาในพระพุทธศาสนา และได้ตั้งใจที่จะสร้างหนังเรื่องนี้มานานนักหนาแล้ว

ครั้นบุญพาวาสนาส่ง มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยขึ้น ก็มิได้ใช้ความร่ำรวยนั้นในการทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง ไม่ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน แต่กลับนำความร่ำรวยนั้นมาใช้เพื่อประโยชน์ของชาวโลก คือนำมาลงทุนสร้างหนังเรื่องนี้ เพื่อให้เป็นคติสอนใจแก่เพื่อนมนุษย์ โดยไม่เลือกชนชาติ เชื้อชาติ หรือศาสนาไหน

เป็นการทำการกุศลครั้งใหญ่ในชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ซึ่งขอน้อมใจอนุโมทนาต่อบุญกริยาจิตนั้น และในการทำหนังเรื่องนี้ก็ได้พิถีพิถันคัดเลือกผู้แสดงที่เหมาะสมอย่างยิ่ง การจัดทำฉากและเครื่องแต่งกายทั้งหลายก็ได้ทุ่มแรงกายแรงใจและทุนทรัพย์จำนวนมากเพื่อให้ได้หนังที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก และก็ได้ผลสมดังปรารถนาทุกประการ

แต่คำถามก็เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกันว่า การห่มครองจีวรของพระพุทธเจ้าในหนังเรื่องนี้ ทำไมจึงแตกต่างกับการห่มจีวรของพระสงฆ์ในบ้านเรา อย่างไหนถูก อย่างไหนไม่ถูก และการห่มจีวรที่ทรงบัญญัตินั้นเป็นอย่างไรกันแน่.?

@@@@@@@

ก็ต้องบอกว่าในระยะแรกเริ่มหลังการตรัสรู้นั้น ยังมิได้มีการบัญญัติพระวินัยหรือวิธีปฏิบัติในการครองสมณเพศของพระสงฆ์ ดังนั้นจึงเห็นได้จากหนังเรื่องนี้ว่าพระพุทธเจ้าหรือพระสงฆ์มีการสัมผัสเนื้อตัวกับสตรีได้ มีการยกมือไหว้ฆราวาสได้ และการครองจีวรก็เป็นดังที่เห็นในหนังนั้น

การสัมผัสเนื้อตัวกับสตรี ต่อมาก็มีพระวินัยบัญญัติตามเหตุตามปัจจัยที่เกิดขึ้น และกำหนดเป็นอาบัติที่มีโทษทางวินัย แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่บางประการ เช่น ภิกษุป่วย ชรา รักษาตนเองไม่ได้ หรือการปรนนิบัติมารดา เป็นต้น

ส่วนการยกมือไหว้ฆราวาสนั้น ในที่สุดก็มีการบัญญัติว่า ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ในพระธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีภูมิอันสูง หากไปกราบไหว้ผู้อื่นก็จะเป็นเวรเป็นกรรมแก่ผู้ที่ถูกกราบไหว้นั้น ดังนั้นจึงห้ามไม่ให้กระทำ และกลายเป็นการปฏิบัติที่เป็นแบบแผนแล้วว่า แม้พระเจ้าแผ่นดินเองก็ยังต้องไหว้พระสงฆ์ โดยถือว่านั่นคือ การไหว้ธงชัยของพระอรหันต์

สำหรับการครองจีวรนั้น ในระยะเริ่มแรกพระพุทธเจ้าเองก็นุ่งห่มอย่างเดียวกับนักบวชทั้งหลายในยุคนั้นที่เป็นไปอย่างเรียบง่าย ซึ่งรูปแบบการนุ่งห่มก็เป็นแบบที่พวกพราหมณ์ใช้ต่อเนื่องกันมานาน เหมือนกับการนุ่งกางเกงในปัจจุบันนั่นแหละ

เหตุนี้ในหนังเรื่องพระพุทธเจ้าจึงได้ใช้การนุ่งห่มแบบนักบวช และคงเห็นเป็นการยุ่งยากที่จะเปลี่ยนรูปแบบการห่มในภายหลังซึ่งจะทำให้ผู้ชมสับสน เพราะหนังดังกล่าวไม่ได้เน้นในเรื่องนี้ ดังนั้นพระพุทธเจ้าในหนังเรื่องนี้จึงนุ่งห่มแบบพวกพราหมณ์ในยุคนั้น แม้แต่จีวรก็เป็นผ้าผืนเล็ก ๆ

@@@@@@@

แล้วถามว่า การห่มจีวรที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้น ให้พระสงฆ์สาวกห่มนั้น เป็นอย่างไรเล่า.?

ก็ตอบได้ว่า...

ประการแรก ขนาดและรูปแบบของจีวรมีขนาดและรูปแบบอย่างเดียวกันกับที่พระสงฆ์ไทยใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ คือเป็นแบบผืนนาของชาวมคธ ซึ่งเป็นแบบที่พระอานนท์พระพุทธอุปัฏฐากได้ออกแบบถวาย และทรงมีพุทธบัญญัติให้ใช้เป็นแบบจีวรของภิกษุ

ประการที่สอง ขนาดของจีวรมีขนาดเท่ากันกับที่พระสงฆ์ในบ้านเมืองของเราได้ใช้ครองอยู่ในทุกวันนี้ เพราะต่อมาทรงมีพุทธบัญญัติให้ใช้จีวรเป็นทั้งผ้าห่ม ผ้าคลุม ที่กันทั้งความร้อน ความหนาว และถือเป็นหนึ่งในผ้าสามผืนของภิกษุคือ สบง จีวร และสังฆาฏิ และทรงสรรเสริญการครองผ้าสามผืนเป็นอันมาก ดังเช่นที่ทรงสรรเสริญว่า "เธอทั้งหลายจงครองผ้าแต่สามผืน ดุจดังนกที่มีปีก ขน และหาง ก็สามารถบินไปในอากาศได้"

ประการที่สาม สีของจีวรมิได้ทรงบัญญัติชัดเจนว่าเป็นสีกลัก สีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง แต่ทรงบัญญัติเกี่ยวกับการใช้สีย้อมผ้าที่ต้องใช้ไม้จากธรรมชาติ ที่เป็นไปเพื่อความสะดวก ไม่ยุ่งยากมากเรื่อง ดังนั้นการใช้สีของจีวรซึ่งในปัจจุบันมีถึง 5 สี ก็ไม่ได้มีนัยยะสำคัญ เพราะความสำคัญอยู่ที่การใช้ผ้าย้อมน้ำฝาดเป็นหลัก

@@@@@@@

ในยุคกลางโพธิกาล พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากในอินเดีย มีผู้นำผ้ามาถวายหลายแบบ หลายประเภท โดยเฉพาะผ้าอาบน้ำฝน ที่ทรงมีพุทธานุญาตให้ภิกษุใช้เพิ่มขึ้นได้อีกผืนหนึ่ง สาเหตุย่อมมีมาจากการที่ภิกษุแก้ผ้าอาบน้ำในฤดูฝน

ทำไมต้องมาเน้นเอาในฤดูฝน ก็เพราะในอินเดียนั้นในฤดูหนาวอากาศหนาว ไม่เป็นอันต้องอาบน้ำ ครั้นพอถึงฤดูร้อน ฤดูแล้งก็ไม่มีน้ำให้อาบ ภิกษุก็ไม่ค่อยจะอาบน้ำกัน ได้แต่ลูบหน้าล้างหน้า ครั้นฤดูฝนมาก็แก้ผ้าอาบน้ำกัน แล้วทำให้อุบาสก อุบาสิกา เห็นว่าสมควรที่จะมีผ้านุ่งอาบน้ำให้เป็นกิจเป็นการ จึงทูลขอพุทธานุญาต พระพุทธองค์ก็ทรงมีพุทธานุญาตตามขอ ผ้าอาบน้ำฝนจึงเป็นผ้าผืนที่สี่ของภิกษุให้มีได้ หรือจะไม่มีก็ยังได้

ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการห่มจีวรของพระพุทธเจ้า จะได้ไม่ตั้งข้อสงสัยในการห่มจีวรของพระสงฆ์ในบ้านเราอีกต่อไป.




ขอขอบคุณ :-
บทความ : ความเข้าใจเกี่ยวกับการห่มจีวรของพระพุทธเจ้า โดย สิริอัญญา วันอังคารที่ 29 กันยายน 2558
ที่มา : เฟซบุ้ก Paisal Puechmongkol 29 กันยายน 2015 
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/photos/a.206278162804197/848025931962747/ (https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/photos/a.206278162804197/848025931962747/)
ภาพประกอบจาก : Workpoint Entertainment.