หัวข้อ: เหตุขัดแย้งในเวียงจันทน์ สู่การอพยพของชาวลาว ปฐมบท “เมืองน้ำดำ” กำเนิดกาฬสินธุ์ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2022, 09:09:16 am (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2021/02/ภาพปก-กาฬสินธุ์-696x364.jpg) เหตุขัดแย้งในเวียงจันทน์ สู่การอพยพของชาวลาว | ปฐมบท “เมืองน้ำดำ” กำเนิดเมืองกาฬสินธุ์ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาฬสินธุ์มีความคล้ายคลึงกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคอีสาน คือ พบหลักฐานการก่อตั้งชุมชนมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เข้าสู่สังคมกสิกรรม รู้จักทำเครื่องมือเหล็กและสำริด ถึงพุทธศตวรรษที่ 12 เข้าสู่ยุคสังคมเมือง หลังจากการแพร่เข้ามาของศาสนาพราหมณ์และพุทธ ดินแดนในภาคอีสานได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมทวารวดีในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 ต่อมาก็รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมขอม พบกู่และปราสาทแบบขอมในจังหวัดกาฬสินธุ์อยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่ากับจังหวัดในเขตอีสานใต้ สันนิษฐานว่าชนกลุ่มเดิมในพื้นที่เป็นชาวละว้า แต่บรรพบุรุษของชาวกาฬสินธุ์ในปัจจุบันเป็นชาวลาวที่อพยพมาจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง (ประเทศลาวในปัจจุบัน) เป็นชนกลุ่มวัฒนธรรมไท-ลาวที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณแอ่งโคราชราวต้นพุทธศตวรรษที่ 24 ด้วยเหตุจากความวุ่นวายทางการเมืองและปัญหาความขัดแย้งในกลุ่มชนชั้นนำของเวียงจันทน์ เมืองกาฬสินธุ์มีเจ้าเมืองคนแรกคือ ท้าวโสมพะมิตร หรือ เจ้าผ้าขาวลาวเวียง โดยย้อนไปในสมัยที่ท้าวโสมพะมิตรรับราชการกับเวียงจันทน์ เกิดขัดใจกับพระเจ้าสิริบุญสารแห่งเวียงจันทน์ ด้วยหลานสาวของท้าวโสมพะมิตร ถูกเจ้าราชบุตรเวียงจันทน์ขืนใจ จึงพาหลานสาวและพรรคพวกชาวลาว อพยพจากเวียงจันทน์ข้ามมายังฝั่งขวาของแม่น้ำโขง (ภาคอีสาน) (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2021/02/อนุสาวรีย์ท้าวโสมพะมิตร-1748x2048.jpg) อนุสาวรีย์ท้าวโสมพะมิตร (ภาพจาก หนังสือ วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดกาฬสินธุ์) ท้าวโสมพะมิตรมาตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้เทือกเขาภูพาน บริเวณบ้านผ้าขาวบ้านพันนา แถบพระธาตเชิงชุม เขตจังหวัดสกลนครในปัจจุบัน พระเจ้าสิริบุญสารยกกองทัพติดตามเพื่อกวาดต้อนคนกลับเวียงจันทน์ ท้าวโสมพะมิตรจึงอพยพข้ามเทือกเขาภูพานลงมาทางใต้ถึงบริเวณบ้านกลางหมื่น (ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอเมืองกาฬสินธุ์) ตั้งถิ่นฐานอยู่ประมาณปีเศษ ถึงราวปี พ.ศ. 2325 เห็นว่าชัยภูมิไม่เหมาะ จึงอพยพลงมาอยู่บริเวณริมลำน้ำปาว หรือที่เรียกว่า “แก่งสำโรงดงสงเปลือย” (ที่ตั้งของเมืองกาฬสินธุ์ในปัจจุบัน) ปัจจัยที่ท้าวโสมพะมิตรเลือกมาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้อาจด้วยเหตุผลสำคัญ 3 ประการคือ 1. ปลอดภัยจากการคุกคาม การเร่งรัดเก็บส่วยจากเวียงจันทน์ เพราะมีเทือกเขาภูพานตั้งขวางอยู่ 2. บริเวณแก่งสำโรงดงสงเปลือยมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ คือ ลำน้ำปาว ที่เพียงพอต่อการเพาะปลูกและหล่อเลี้ยงชีวิตไพร่พล และ 3. สามารถขยายเมืองได้ง่าย มีอาณาเขตกว้างขวาง (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2021/02/ลำน้ำปาว-กาฬสินธุ์-1536x784.jpg) ลำน้ำปาว (ภาพจาก หนังสือ วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดกาฬสินธุ์) ต่อมา ท้าวโสมพะมิตรและชาวลาวประกาศไม่ขึ้นต่อเวียงจันทน์ และขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ที่กรุงเทพฯ คือรัชกาลที่ 1 ดังนั้น พระองค์โปรดเกล้าฯ ยกฐานะบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมืองกาฬสินธุ์ ตั้งท้าวโสมพะมิตรเป็น “พระยาไชยสุนทร” ครองเมืองกาฬสินธุ์ และยังโปรดพระราชทานญาติวงศ์ที่ถูกกวาดต้อนไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่สงครามสมัยกรุงธนบุรี กลับคืนแก่ท้าวโสมพะมิตรอีกด้วย บ้านแก่งสำโรงดงสงเปลือยเข้ามาอยู่ใต้อิทธิพลของกรุงเทพฯ ประมาณ 10 ปี ก่อนที่จะได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองกาฬสินธุ์ โดยปรากฏหลักฐานว่า ในปี พ.ศ. 2325 ท้าวโสมพะมิตรส่งบรรณาการได้แก่ น้ำรัก สีผึ้ง นอแรด และงาช้างต่อกรุงเทพฯ โดยผ่านทางเวียงจันทน์ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2336 ท้าวโสมพะมิตรได้ลงไปกรุงเทพฯ เข้าเฝ้ารัชกาลที่ 1 ขอพระราชทานตั้งเมือง ท้าวโสมพะมิตรปกครองเมืองกาฬสินธุ์เรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2345 เกิดหลงลืมสติด้วยเพราะอยู่ในวัยชรา จึงให้ท้าวมหาแพงบุตรพระอุปชาเป็นผู้ว่าการงานเมืองกาฬสินธุ์แทน จวบจนปี พ.ศ. 2349 ท้าวโสมพะมิตรถึงแก่กรรม รวมอายุได้ 73 ปี สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดราวปี พ.ศ. 2276 สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา (https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2021/02/ชาวผู้ไท-กาฬสินธุ์-1536x1012.jpg) ชาวผู้ไทในจังหวัดกาฬสินธุ์ (ภาพจาก หนังสือ วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดกาฬสินธุ์) อ้างอิง :- วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดกาฬสินธุ์. (2542). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. คู่มือท่องเที่ยวทั่วไทย : กาฬสินธุ์. (ธันวาคม 2538). สารคดี. ปีที่ 11 : ฉบับที่ 130. เผยแพร่ วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ.2564 เผยแพร่เนื้อหาในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ขอบคุณ : https://www.silpa-mag.com/history/article_62745 (https://www.silpa-mag.com/history/article_62745) |