หัวข้อ: การขึ้นกรรมฐาน หลายที่ นั้นเป็นการปรามาสครูอาจารย์หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2011, 10:26:49 pm เคยไปปฏิบัติ กับเพื่อน ๆ และพระท่านก็ให้ขึ้นกรรมฐาน หลายครั้ง
จนไม่แน่ใจว่า การขึ้นกรรมฐาน นี้เป็นการปรามาสครูอาจารย์หรือไม่คะ สมัครเรียนหลาย สำนัก มากเกินไป จะมีอุปสรรค ขวางธรรมหรือไม่คะ :25: หัวข้อ: Re: การขึ้นกรรมฐาน หลายที่ นั้นเป็นการปรามาสครูอาจารย์หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2011, 11:42:53 am คงไม่เป็นการปรามาสหร็อกครับ พระราหุลเองก็มีพระอาจารย์หลายท่าน การเลือกกรรมฐาน ขอให้ดูจริตของตัวเอง ชอบอันไหนก็ลองปฏิบัติดู ถ้าไม่ก้าวหน้า ค่อยเปลี่ยนก็ได้ครับ การลองผิดลองถูกไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร หัวข้อ: Re: การขึ้นกรรมฐาน หลายที่ นั้นเป็นการปรามาสครูอาจารย์หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: poepun ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2011, 02:10:02 am ยิ่งเรียนมาก ก็ยิ่งจะยากนานครับ ผมกว่าจะสรุปรวมลงได้ที่สายพระป่า ก็ลองผิด ลองถูก ไปครึ่งคนแล้วนะครับ
เวลาเรามีไม่มาก คิดให้รอบคอบครับ เพราะการภาวนาในยุคปัจจุบัน ทำให้เราสับสนได้ครับ ยุคนี้ถ้าพระจะนิยมสอนเรื่องสติปัฏฐาน ตามแนวสายพม่าครับ และ ระบบยุบหนอ พองหนอ ประมาณนี้ครับ ตามแนวสายพม่าทั้งหมด ผมไปสนทนาที่วัดแม้วัดแก่งขนุน ขณะที่พระอาจารย์ไม่อยู่ก็ยังไม่สนับสนุนกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนะครับ ซึ่งพวกผมเองก็ยัง งง ๆ อยู่บ้าง แต่คิดว่าเพราะพระอาจารย์ไม่ได้อยู่วัดนะครับ :25: หัวข้อ: Re: การขึ้นกรรมฐาน หลายที่ นั้นเป็นการปรามาสครูอาจารย์หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: prachabeodee ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2011, 02:59:07 pm สำหรับป้า.....ป้าเห็นด้วยกับคุณ นัทพลสรณ์เพราะ........การได้ปฎิบัติกับผู้เคยร่วมสายกรรมกันมาก่อน(อาจเป็นครู-อาจารย์,พ่อ-แม่,สามี-ภรรยา,ลูก-พ่อ)หรือมีเยื่อใยกรรมกันมาก่อนจะมีผลดีกว่า...เพราะกรรมหนุนส่งหรือรู้พื้นเพ-ความคุ้นเคยมีมากกว่า,รวมทั้งจริตก็มีผลเป็นอย่างมากด้วย...ต่อความก้าวหน้าหรือผลที่บังเกิดขึ้นจากการปฎิบัติ..รวมทั้งแนวปฎิบัติด้วย....
....ด้วยเหตุนี้...จึงมีคำที่ว่า "เคยร่วมเวรร่วมกรรมกันมา".....พอมาชาตินี้ แม้คำสอนที่กล่าวโดยทั่วๆไปแต่พอกล่าวออกจากปากบุคคลนี้ แล้วจะมีผลมากต่อบุคคลคนนั้น......เป็นอย่างมาก.... ....ด้วยเหตุนี้...ทำไม ช่วงนี้มีแต่คนที่นิยมสติฎฐาน๔แนวพม่า.....แม้แต่แนวมัชฌิมาก็ยังน้อย.....นั่นก็แสดงว่าในยุคนี้...เป็นยุคที่สติปฐาน๔แนวพม่าเฟื่องฟู....คนที่มาบังเกิดในยุคนี้ส่วนใหญ่มีอุปบารมีหรืออาจบำเพ็ญมาในแนวนี้.....ก็เท่านั้น.........ไม่แน่...ในอีกไม่ช้าก็อาจมีแนวปฎิบัติแนวอื่นๆที่แปลกๆมาเป็นที่นิยมกันก็เป็นได้(เพราะอาจเป็นยุคที่พวกฤาษีหมดบุญจุติลงมาเกิดมาก...แนวปฎิบัติก็มักจะเป็นไปในแนวฤาษี..เป็นต้น).... ......................................................................... ดังนั้น.....จึงจำเป็นต้องเลือกทั้งอาจารย์,แนวปฎิบัติที่เหมาะสมกับตนเอง........ดังคำว่า ...ลางเนื้อชอบลางยา.....เป็นต้น.......... ............................................................... ที่กล่าวมานี้อาจเป็นการหาเหตุผลเข้าข้างตนเองก็เป็นไปได้....แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องขึ้นอยู่กับบารมีของผู้ปฎิบัติรวมทั้งสติปัญญาหรือปัจจัยแว้ดล้อมอื่นๆที่มีผล......บางคนจึงมีการใช้อธิฐานบารมีเข้ามาช่วยหรือสัจจะบารมีเข้ามาช่วย..ก็มี :34: :bedtime2: :015: หัวข้อ: Re: การขึ้นกรรมฐาน หลายที่ นั้นเป็นการปรามาสครูอาจารย์หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2011, 10:23:23 pm ขอบคุณ ทุกท่าน ที่ให้คำแนะนำคะ ถ้าจะขึ้นกรรมฐาน เรียนกรรมฐาน
ควรเริ่มที่กรรมฐาน อะไรดีคะ .... เคยแต่ฝึกหายใจเข้า พุท หายใจออก โธ คะ ช่วยแนะนำข้อดี ข้อต่าง ของกรรมฐานแต่ ละแนวทางได้หรือไม่คะ :c017: หัวข้อ: Re: การขึ้นกรรมฐาน หลายที่ นั้นเป็นการปรามาสครูอาจารย์หรือไม่คะ เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2011, 06:31:34 am การขึ้นกรรมฐาน หลาย ๆ ที่ อันที่จริงแล้ว จะว่าผิดหรือไม่ ก็ไมผิดหรอก นะจ๊ะ
แต่การที่เราต้องไปขึ้นหลายที่ นั้นอุปสรรคจริง ๆ ก็คือ วิจิกิจฉา นั้นไม่สิ้นสุด จึงต้องเรียนต่อไปเรื่อยๆ กรรมฐานหนึ่งเดียวเราเรียนแล้วปฏิบัติภาวนาให้ขึ้นใจ แม้หนึ่งเดียวก็สำเร็จได้นะจ๊ะ กรรมฐาน ไม่ใช่ แฟชั่น เพราะเป็นเรื่องสำคัญเปรียบเหมือนวิธีการบังคับ นาวา ให้ข้ามฟากฝั่ง นะจ๊ะ เจริญธรรม ;) |