หัวข้อ: ตามบุญตามกรรม | ราชูนํ อนุวตฺติตุํ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 28, 2022, 06:28:38 am (http://dhamma.serichon.us/wp-content/uploads/2022/03/2022-03-21_022537.jpg) ตามบุญตามกรรม | ราชูนํ อนุวตฺติตุํ มีคำบาลีคำหนึ่งที่พระสงฆ์ที่รู้บาลีมักยกขึ้นมาอ้าง นั่นคือ คำว่า “ราชูนํ อนุวตฺติตุํ” (รา-ชู-นัง อะ-นุ-วัด-ติ-ตุง) “ราชูนํ อนุวตฺติตุํ” มีที่มาจากพระวินัยปิฎก ขอยกคำแปลเรื่องราวตอนนี้มาเสนอไว้ในที่นี้ ดังนี้ ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชมีพระราชประสงค์จะทรงเลื่อนกาลฝนออกไป จึงทรงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ถ้ากระไรขอพระคุณเจ้าทั้งหลายพึงจำพรรษาในชุณหปักษ์อันจะมาถึง. ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุํ = ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้คล้อยตามพระเจ้าแผ่นดิน” ______________________________________________________ ที่มา : วัสสูปนายิกขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑ พระไตรปิฎกเล่ม ๔ ข้อ ๒๐๙ @@@@@@@ พระพุทธพจน์อันเป็นพุทธานุญาตนี้ คณะสงฆ์ใช้เป็นหลักอ้างอิงอยู่เสมอ เมื่อภิกษุหรือคณะสงฆ์จะต้องปฏิบัติเรื่องใดๆ ตามที่ทางราชการบ้านเมืองกำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น ทางราชการมีกฎหมายกำหนดให้ชายไทยที่มีอายุครบเกณฑ์ต้องเข้ารับการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ เรียกรู้กันสั้นๆ ว่า “ไล่ทหาร” ภิกษุที่มีอายุถึงเกณฑ์ แม้กำลังบวชอยู่ก็ต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกตามระเบียบของทางราชการ ตรวจเลือกแล้ว ถ้าถูกเกณฑ์ (ที่เรียกกันว่า “ถูกทหาร”) ก็ต้องลาสิกขาไปเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ เว้นไว้แต่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ที่ทางราชการยอมผ่อนผันให้ และได้ยื่นเรื่องขอผ่อนผัน กรณีเช่นนี้แหละเป็นการปฏิบัติตรงตามพระพุทธานุญาต “อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุํ” จะถือว่าทางบ้านเมืองบีบบังคับภิกษุหรือคณะสงฆ์มิได้ แต่ก็ใช่ว่าภิกษุหรือคณะสงฆ์จะต้องปฏิบัติตามที่ทางราชการบ้านเมืองกำหนดไว้หมดทุกเรื่องก็หาไม่ ท่านให้ปฏิบัติตามเฉพาะเรื่องที่เป็น “ธัมมิกะ” คือ ถูกต้องตามพระธรรมวินัยเท่านั้น เรื่องที่ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยท่านไม่ยอมให้ปฏิบัติเลย เช่น ถ้าทางบ้านเมืองออกกฎหมายห้ามภิกษุออกบิณฑบาตก่อนเที่ยงวัน หลังเที่ยงวันแล้วจึงให้ออกบิณฑบาตได้ ภิกษุจะออกบิณฑบาตและฉันอาหารหลังเที่ยงวันโดยอ้างว่าเป็นการอนุวัตตามกฎหมายของบ้านเมือง ดังนี้หาชอบไม่ @@@@@@@ ดังนี้ จะเห็นได้ว่า ถิ่นใดผู้บริหารบ้านเมืองไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาหรือไม่เป็นสัมมาทิฐิ พระพุทธศาสนาย่อมอยู่ในถิ่นนั้นได้ยาก เพราะอาจถูกกลั่นแกล้งจนไม่สามารถปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้สะดวกด้วยประการต่างๆ ด้วยเหตุนี้ การอยู่ในปฏิรูปเทส-แดนดินถิ่นที่สมควร ท่านจึงจัดเป็นอุดมมงคลข้อหนึ่ง ทุกวันนี้ พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่ในประเทศไทยได้ เพราะผู้บริหารบ้านเมืองนับถือพระพุทธศาสนาเป็นสัมมาทิฐิ แต่ในอนาคต ไม่แน่ เราจะปล่อยให้อนาคตเกิดขึ้นและเป็นไปตามบุญตามกรรม หรือเราควรจะกำหนดอนาคตของเราเอง ถ้าผู้บริหารการพระศาสนาของเราไม่เริ่มคิดตั้งแต่เดี๋ยวนี้ อนาคตของพระพุทธศาสนาก็จะเป็นไปตามบุญตามกรรม หรือถ้าเราแต่ละคนต่างก็คิดว่า-ไม่ใช่หน้าที่ของเรา อนาคตของพระพุทธศาสนาก็จะเป็นไปตามบุญตามกรรมเช่นเดียวกัน ตรงนี้ก็ไปเข้าทางพอดิบพอดี-ทางของท่านที่ยึดถือคติว่า ทุกอย่างเป็นอนิจจัง พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปล่อยวาง ก็คือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามบุญตามกรรม ขอขอบคุณ :- ผู้เขียน : พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย ,๒๐ มีนาคม ๒๕๖๕ ,๑๗:๑๔ น. URL :dhamma.serichon.us/2022/03/21/ตามบุญตามกรรม/ (http://dhamma.serichon.us/2022/03/21/ตามบุญตามกรรม/) 21 มีนาคม 2022 , By admin |