สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2011, 09:50:39 am



หัวข้อ: คำถามจากเมล "รู้ได้อย่างไรว่าจิตถึงพร้อมด้วยสมาธิเบื้องต้น"
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2011, 09:50:39 am
เป็นคำถามจากเมล ที่พอจะนำมาตอบในนี้ได้

ถาม รู้ได้อย่างไรว่าจิตถึงพร้อมด้วยสมาธิเบื้องต้น

ตอบ รู้ได้ดั่งนี้ว่า

  ๓๗๑] ความเป็นธรรมอย่างเดียวเหล่านั้นเป็นไฉน ฯ

      ๑.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งการบริจาคทาน   

             จิตของผู้มีสมาธิเบื้องต้นมีการน้อมนำจิตในการสละ บริจาค และให้ทาน
             เชื่อมั่นในกุศลจิต เป็นไปตามความเพียรแห่งการภาวนา เรียกว่า ภาวนาปธาน
             คือหมั่นสร้างกุศล

      ๒.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต

             จิตย่อมปรากฏลักษณะแห่งจิต ที่เรียกว่าพระลักษณะ และ พระรัศมีในฐานจิตที่กำหนดนั้น ๆ
             โดยอาการแห่งปีติ และปราโมทย์ มีฉันทะเป็นฐาน ซึ่งเป็นไปตามกำลังของ ฉันทะอิทธิบาท
             คือ มีความพอใจในการเจริญภาวนาในนิมิตนั้น

      ๓.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะ   ความเสื่อม

             ปัญญา คือยถาภูตญาณย่อมเข้ามองเห็นความเป็นจริงแห่งสัจจะธรรม คือขันธ์ 5 เบื้องต้นมองเห็น
             ธรรมคือ อนิจจสัญญา ความกำหนดรู้ว่าไม่เที่ยงเป็นอารมณ์แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเป็นระดับหนึ่งที่จัก
             มองเห็น นี้เรียกว่ากำลังก้าวเข้าสู่การรู้เห็นตามความเป็นจริงเบื้องต้น

      ๔.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ
           
             จิตย่อมเข้าถึงซึ่งความดับกิเลสเป็นครั้งคราวในเบื้องต้น และพอกพูน นิพพิทาจิต ต่อสังขารขันธ์
             มองเห็นสภาวะด้วยจิตเป็นสมาธิ คือ ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในสมาธิ

      ๕.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่ง การบริจาคทาน ของบุคคลผู้น้อมใจไปในจาคะทั้งหลาย

            ความมั่นคงในธรรมอย่างเดียวสมบูรณ์นั้นคือปฏิปทา เพื่อพระนิพพานย่อมเป็นที่ตั้งในการสร้างกุศล
            ญาณทัสสนะวิสุทธิ ย่อมตั้งมั่นด้วยองค์ธรรมไม่คืนกลับ....

      ๖.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต ของบุคคลผู้หมั่นประกอบในอธิจิตทั้งหลาย

            เมื่อประกอบจิตในสมถนิมิต ย่อมเห็นจิตอันยิ่งยวด ว่ามีแต่จิต ที่เป็นทุกข์ เป็นสุข และเป็นกลาง ๆ
            เข้าใจสภาวะมีบ้างหายบ้าง   

      ๗.ความเป็นธรรม อย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะความเสื่อม ของบุคคลผู้เจริญวิปัสสนาทั้งหลาย และ
            จิตถึงสังขารุเปกขาญาณเพราะ มองเห็นตามความเป็นจริงเป็นจิตที่พร้อมเพื่อการวิปัสสนา มีการ
            สัมปยุตธรรม สัมปยุตธาตุ เป็นต้น 
         
      ๘.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ ของพระอริยบุคคลทั้งหลาย

            เมื่อจิตเห็นตามความเป็นจริง ก็ละกิเลสได้ตามจริง ตามลำดับ ตามขั้น ตามญาณ เป็น นิโรธสัญญา
            คือการดับเชื้อไม่เกิดอีก สิ้นสุดกิเลสจริง ๆ

       จิตที่ถึงความเป็นธรรมอย่างเดียวในฐานะ ๑ - ๔ เหล่านี้ ย่อมเป็นจิตที่มีปฏิปทาวิสุทธิผ่องใส เจริญงอกงามด้วยอุเบกขา และถึงความร่าเริงด้วยญาณ ฯ

          ดังนั้นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยสมาธิ จิตย่อมแล่่นไปตามลำดับ ด้วยปฏิปทาข้อ 1 ถึง ข้อที่ 4

          ส่วนข้อนอกนั้นเป็นจิตที่ถึงพร้อมแล้วอย่างยิ่งยวด


     ข้อความจากหนังสือ อานาปานสติปฏิสัมภิทามรรค หน้าที่ 23



หัวข้อ: Re: คำถามจากเมล "รู้ได้อย่างไรว่าจิตถึงพร้อมด้วยสมาธิเบื้องต้น"
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2011, 02:10:39 am

(http://upic.me/i/ij/ld7y9.gif)


หัวข้อ: Re: คำถามจากเมล "รู้ได้อย่างไรว่าจิตถึงพร้อมด้วยสมาธิเบื้องต้น"
เริ่มหัวข้อโดย: รักหนอ ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2011, 06:53:27 am
อนุโมทนากับ พระอาจารย์ คะ นาน ๆ จะได้อ่านพระอาจารย์ โพสต์คะ

 :25:


หัวข้อ: Re: คำถามจากเมล "รู้ได้อย่างไรว่าจิตถึงพร้อมด้วยสมาธิเบื้องต้น"
เริ่มหัวข้อโดย: nopporn ที่ เมษายน 04, 2012, 01:28:00 pm
๑.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งการบริจาคทาน   

             จิตของผู้มีสมาธิเบื้องต้นมีการน้อมนำจิตในการสละ บริจาค และให้ทาน
             เชื่อมั่นในกุศลจิต เป็นไปตามความเพียรแห่งการภาวนา เรียกว่า ภาวนาปธาน
             คือหมั่นสร้างกุศล

      ๒.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต

             จิตย่อมปรากฏลักษณะแห่งจิต ที่เรียกว่าพระลักษณะ และ พระรัศมีในฐานจิตที่กำหนดนั้น ๆ
             โดยอาการแห่งปีติ และปราโมทย์ มีฉันทะเป็นฐาน ซึ่งเป็นไปตามกำลังของ ฉันทะอิทธิบาท
             คือ มีความพอใจในการเจริญภาวนาในนิมิตนั้น

      ๓.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะ   ความเสื่อม

             ปัญญา คือยถาภูตญาณย่อมเข้ามองเห็นความเป็นจริงแห่งสัจจะธรรม คือขันธ์ 5 เบื้องต้นมองเห็น
             ธรรมคือ อนิจจสัญญา ความกำหนดรู้ว่าไม่เที่ยงเป็นอารมณ์แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเป็นระดับหนึ่งที่จัก
             มองเห็น นี้เรียกว่ากำลังก้าวเข้าสู่การรู้เห็นตามความเป็นจริงเบื้องต้น

      ๔.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ
           
             จิตย่อมเข้าถึงซึ่งความดับกิเลสเป็นครั้งคราวในเบื้องต้น และพอกพูน นิพพิทาจิต ต่อสังขารขันธ์
             มองเห็นสภาวะด้วยจิตเป็นสมาธิ คือ ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในสมาธิ

      ๕.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่ง การบริจาคทาน ของบุคคลผู้น้อมใจไปในจาคะทั้งหลาย

            ความมั่นคงในธรรมอย่างเดียวสมบูรณ์นั้นคือปฏิปทา เพื่อพระนิพพานย่อมเป็นที่ตั้งในการสร้างกุศล
            ญาณทัสสนะวิสุทธิ ย่อมตั้งมั่นด้วยองค์ธรรมไม่คืนกลับ....

      ๖.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต ของบุคคลผู้หมั่นประกอบในอธิจิตทั้งหลาย

            เมื่อประกอบจิตในสมถนิมิต ย่อมเห็นจิตอันยิ่งยวด ว่ามีแต่จิต ที่เป็นทุกข์ เป็นสุข และเป็นกลาง ๆ
            เข้าใจสภาวะมีบ้างหายบ้าง   

      ๗.ความเป็นธรรม อย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะความเสื่อม ของบุคคลผู้เจริญวิปัสสนาทั้งหลาย และ
            จิตถึงสังขารุเปกขาญาณเพราะ มองเห็นตามความเป็นจริงเป็นจิตที่พร้อมเพื่อการวิปัสสนา มีการ
            สัมปยุตธรรม สัมปยุตธาตุ เป็นต้น
         
      ๘.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ ของพระอริยบุคคลทั้งหลาย

            เมื่อจิตเห็นตามความเป็นจริง ก็ละกิเลสได้ตามจริง ตามลำดับ ตามขั้น ตามญาณ เป็น นิโรธสัญญา
            คือการดับเชื้อไม่เกิดอีก สิ้นสุดกิเลสจริง ๆ


น่าเสียดายถ้าไม่ได้อ่าน เราก็จะไม่รู้จักผลของสมาธิ กันเลยนะคะ


 :c017:

(http://www.dhammathai.org/dhammastory/data2/imagefiles/214.jpg)