หัวข้อ: ประกอบอาชีพอย่างไร จึงตกนรก เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2011, 12:07:56 pm ถาม – อยากทราบว่าผู้ที่ประกอบอาชีพ… จะต้องตกนรกไหม?
มีผู้ที่ถามถึงคติที่ไปข้างหน้าของคนประกอบอาชีพนั้นอาชีพนี้มามากพอสมควร ผมจึงละชื่อ อาชีพไว้ และขอตอบแบบที่จะครอบคลุมโดยรวมอย่างนี้แล้วกันนะครับ อาชีพการงานมีส่วนสำคัญในการกำหนดคติที่ไปได้จริง เพราะกรรมทางการคิด การพูด การทำเกี่ยวกับงานนั้นๆเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน จัดเป็นอาจิณณกรรม มวลรวมของกรรมมี น้ำหนักและความหนาแน่นสูง โอกาสที่จะเป็นกรรมนำเกิดในภพใหม่ที่เหมาะสม (ชนกกรรม) ก็สูง ไปด้วยและอย่าว่าแต่ชาติหน้าชาติโน้นเลยครับ กรรมที่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น โดยมากจะให้ผล ในทางใดทางหนึ่งทันใจในชาติปัจจุบันเห็นทันตาเลยทีเดียว เพราะเมื่อทำกรรมใดบ่อยๆจนชินย่อมมีใจหนักแน่น ย่อมมีความยินดีเต็มใจในกรรมนั้นๆ และยิ่งวันความกว้างความลึกของหน้าที่การงานย่อมไปกระทบเข้ากับบุคคลจำนวนมาก ซึ่งพอมีน้ำหนักกรรมถึงระดับหนึ่ง ก็จะได้คิวให้ผลแทรกแซงทันตา ชนิดที่บางทีอาจทำให้ เจ้าตัวสำนึกโดยไม่อาจคิดค้านสามารถเชื่อโดยง่ายว่านี่แหละผลกรรมอันสนองคืนการ กระทำของตนที่ผ่านมา (ที่จะไม่เชื่อก็เพราะโน้มเอียงจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาโลก เช่นเคยใช้อำนาจหน้าที่ในการตุกติกไว้มาก พอวัน หนึ่งโดนตุกติกบ้างก็จะไม่ค่อยนึกว่าเป็นกรรมเก่า เพราะใครๆก็ทำอย่างนี้ โดนอย่างนี้กันถ้วนหน้า อยู่แล้ว) อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งด่วนสรุปทันทีว่าประกอบอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเที่ยงที่จะได้ไป นรกหรือสวรรค์ทันที เพราะคนส่วนใหญ่ประกอบกุศลและอกุศลคละกันสลับซับซ้อน เจ้าพ่อและนัก โกงกินบ้านเมืองจำนวนมากชอบช่วยคนและทำบุญใส่บาตรสร้างวัดเสมอๆ แล้วผมก็เคยพบผู้หญิงคนหนึ่งในงานบุญที่จัดเป็นประจำ เธอเผยให้ทราบว่าประกอบอาชีพโสเภณี ที่ทำบุญมากๆก็เพราะไม่อยากเกิดมาเป็นอย่างนี้อีก… หลายคนประกอบอาชีพมืดด้วยความจำทน ไม่เต็มใจ ละอายใจ และตั้งใจจะเลิกอยู่ทุกลม หายใจเข้าออก หากไม่ติดขัดภาระที่แบกไว้บนบ่า หากสามารถเลือกอาชีพสว่างได้ พวกเขาจะทำ ทันทีโดยไม่คิดเสียดายและไม่เหลียวหลังกลับไปหาอาชีพมืดอีก พวกที่ฝืนใจทำนั้น น้ำหนักของกายกรรมแม้มากก็ถูกถ่วงดุลไว้ด้วยมโนกรรมได้เหมือนกัน ถึงแม้ต้องร่วงหล่นลงอบายตามแรงเหวี่ยงของกายกรรม ก็จะได้แรงฉุดของมโนกรรมมา ช่วยดึงขึ้นสูงในเวลาไม่เนิ่นช้านัก หรือถึงแม้พวกประกอบอาชีพมืดด้วยความเต็มใจก็เถอะ คุณต้องดูกรรมหลักๆที่ทำเป็น อาจิณชนิดอื่นๆประกอบไปด้วย อย่างเช่นเขากตัญญูกตเวทีกับพ่อแม่ไหม เขามีน้ำใจกับคนทั่วไป แค่ไหน เขามีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือแข็งกระด้างเย่อหยิ่ง เขาเห็นเหตุผลหรือมีปรัชญาในการ ตัดสินใจอย่างไร ฯลฯ พูดง่ายๆกุศลกรรมที่ทำเป็นประจำของเขานั้น ถ้ามากและมีกำลังพอจะ คานกันกับอกุศลกรรมที่ทำอาชีพมืดแล้ว ก็อาจแย่งกันเป็นตัวนำเกิดในภพชาติต่อไปได้ หรืออีกประเภทหนึ่ง ถึงแม้เขาทำกรรมดำท่าเดียว ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องดำไปตลอดชีวิต ชีวิต คนแม้ตกต่ำถึงขีดสุดก็อาจเหมือนอยู่ในกระดานหมากรุกที่ยังเล่นไม่จบ แม้เพลี่ยงพล้ำถลำลึกเข้าสู่ วังวนปัญหาบ้าง ก็เป็นไปได้ที่จะแก้ลำ กลับร้ายให้กลายเป็นดี หรือกระทั่งเป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาดเมื่อจบเกม หากช่วงกลางหรือช่วงท้ายชีวิตประกอบกรรมดี ที่มีแสงสว่างเกินความมืดเก่าๆเขาก็จะได้ไปสู่สุคติก่อน ส่วนกรรมดำที่ทำไว้อาจให้ผลภายหลัง โดยมากจะมาในรูปของวิบากที่เบียดเบียนให้ทุกข์ร้อน หรือบีบคั้นให้ต้องทำหน้าที่ เลือกการงานแบบมืดๆอีก ผมหมั่นเน้นเป็นประจำว่ากรรมทุกอย่างในชีวิตคนเรา แม้เล็กน้อยเพียงใดก็มีความหมาย กรรมขาวย่อมรวมกับกรรมขาวปรุงแต่งเราให้ขาวมากขึ้นเรื่อยๆ กรรมดำย่อมรวมกับกรรมดำปรุง แต่งเราให้ดำมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ความคิดอ่านเล็กๆน้อยๆด้วยอาการชะล่าก็นับหมด เป็นสะพานไปสู่ ความชะล่าอื่นๆได้หมด พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าอย่าประมาทว่านี่เป็นกรรมชั่วเล็กน้อย เพราะ เมื่อสั่งสมให้มากแล้วย่อมเกิดผลร้ายอย่างใหญ่ ลองดูตามจริงเถอะครับ ถ้าใครนึกสนุกอยากตบหัว แมวเล่นแล้วตบมันตามอำเภอใจ เขาจะมีแนวโน้มของความ ‘อยากตบหัว’ เกิดขึ้นเรื่อยๆ เช่นอยาก ตบซ้ำ หรืออาจเขยิบขึ้นเป็นตบหัวหมา จากนั้นกลายเป็นอยากตบหัวคนในที่สุด วกกลับมาพูดถึงคติที่ไปของผู้ประกอบอาชีพมืด ผมขอจำแนกไว้คร่าวๆ โดยให้ดูว่าอาชีพ นั้นๆส่งผลกระทบต่อวงกว้างเพียงใด คือมีผลให้กลุ่มคนหรือประชาชนเกิดกิเลสประเภทใดเป็นหลัก ๑) ทำให้หมู่ชนเกิดราคะกล้า ผลแก่ผู้ประกอบอาชีพจะเป็นความทรมานในทางใดทาง หนึ่งจากราคะ เช่นมีราคะแรง ไม่เคยอิ่มไม่เคยเต็มเข้านั้นโรคจิต หรือประสบความฟุ้งซ่านกระวน กระวายจนเป็นปัญหาเกี่ยวกับคนรักเสมอๆ ๒) ทำให้หมู่ชนเกิดโทสะกล้า ผลแก่ผู้ประกอบอาชีพจะเป็นความทรมานอันเกิดจากความ ร้อนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นเป็นคนโกรธง่ายหายช้า หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา หรือเกิดเรื่องขัด เคืองกับคนรอบตัวเสมอๆ แถมอยู่ดีๆใครเห็นหน้าแล้วพานอยากมีเรื่องด้วยเป็นประจำ ๓) ทำให้หมู่ชนเกิดโมหะกล้า (คือทำให้คนเห็นผิดเป็นชอบ หรือเห็นชอบเป็นผิด มอมเมา ให้หมกมุ่นกับอบายมุข ยาเสพติดให้โทษ ฯลฯ) ผลแก่ผู้ประกอบอาชีพจะเป็นความทรมานอันเกิด จากความมืดมนอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นโง่ทึบ มองอะไรผิดเพี้ยนขวางโลก ตัดสินใจพลาดเสมอ ตลอดจนกระทั่งเผลอทำเรื่องต้องถูกขังคุกมืดไม่เห็นเดือนเห็นตะวันก็ยังได้ ทั้งหมดที่กล่าวมาอาจปรากฏผลในปัจจุบันทันตาหรือในอนาคตชาติ ถ้าหากเป็นอนาคตชาติ จำพวกแดนอบาย ก็จะประสบเครื่องลงโทษที่สมกัน เช่นเปลี่ยนจากไฟในอกเป็นไฟนรก หรือ เปลี่ยนจากคุกมืดเป็นโลกันตนรก (แดนที่ไม่มีความสว่างใดๆส่องเข้าไปถึง) ผู้มีอาชีพมืดส่วนใหญ่จะปฏิเสธกฎแห่งกรรมวิบาก เพราะขืนเชื่อกฎแห่งกรรมวิบากมากๆ เดี๋ยวจะหมดอาชีพทำกิน อันนี้ก็เป็นธรรมดาโลกครับ ชาติไหนเกิดมาเจอผู้ชี้ทางถูกแล้วกลับใจเสีย ได้ เปลี่ยนใจจากอาชีพเสียได้ แล้วทำคุณในขั้วตรงข้าม เช่นจับหมาขายเปลี่ยนเป็นซื้อหมาปล่อย อย่างนี้เส้นทางวิบากก็จะเริ่มหักเหหรือกลับทิศเสียได้ อ้างอิง หนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวเอง ๔ โดยดังตฤณ |