หัวข้อ: พร "พระนางจิรประภามหาเทวี" ถ้าไม่รักจริง อย่าอธิษฐาน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 20, 2022, 06:17:36 am (https://static.thairath.co.th/media/HCtHFA7ele6Q2dUMyyXD5wbZy4GLdWjJVn1nfFt9SxfW3bdTOLwsxqH9N2pVOPO5Kh.webp) พร "พระนางจิรประภามหาเทวี" ถ้าไม่รักจริง อย่าอธิษฐาน “ความรัก” เป็นเหตุผลจำเป็นในการดำเนินชีวิต เพราะทั้งในปรัชญาตะวันตกและพุทธปรัชญาต่างมองว่าความรักนั้นเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาชีวิตไปสู่จุดหมาย เมื่อคนคนหนึ่งบรรลุถึงจุดหมายของชีวิตคือนิพพาน เขาจำเป็นต้องเริ่มต้นที่ความเมตตา ขณะที่การแต่งงานนั้นเป็นผลจากการพัฒนาความรักไปสู่การรักคนอื่นมากกว่าตนเอง เพราะการแต่งงานคือการทำให้ชีวิตสมบูรณ์ในพุทธปรัชญาเถรวาทมองว่า การแต่งงานเป็นแค่หน้าที่ของคนแต่ละคนระหว่างตัวเขาเองและคนอื่น ทั้ง “ความรัก” และ “การแต่งงาน” จึงเกี่ยวข้องกันด้วยเงื่อนไขจำเป็นที่สังคมต้องการสร้างการอยู่ร่วมกัน จึงมีวิธีการทางสังคมที่เรียกว่า...“การแต่งงาน” (https://static.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZSE6WtaupLrUAA2Q2MegAMOyQqyXFF.webp) แต่...วิธีการดังกล่าวเป็นการมองความรักในแง่ของการฝึกตัวเองให้เสียสละ พุทธปรัชญาเถรวาทไปไกลกว่านั้นคือมองการเสียสละนั้นไม่ควรจำกัดแค่การแต่งงาน แต่ควรพัฒนาความรักเพื่อดับทุกข์ที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็น “ตัวเรา” และ “ของเรา” สมัยหนึ่ง...ถือว่าการแต่งงานนั้นมีความสำคัญอย่างมาก อย่างสมัยพระเวทถือว่า คนที่ทำบาป ใช้เล่ห์เพทุบาย ขาดความสัตย์ ต้องไปขุมนรกที่ลึกล้ำ เช่นเดียวกับหญิงที่ไร้พี่น้องชายหรือภริยาชั่วที่ไร้สามี แนวคิดนี้ทำให้หญิงต้องมีผู้ชายดูแลให้ความคุ้มครองจึงจะถือว่าไม่ตกนรก และขณะเดียวกันก็มีแนวคิดว่าตระกูลไหนไม่มีบุตรสืบต่อย่อมฉิบหาย ประเพณีย่อมไม่สืบเนื่องไปไม่ได้ ฉะนั้น...การอยู่ร่วมกันในลักษณะการแต่งงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับพุทธปรัชญาเถรวาทนั้นถือเอาหน้าที่ในการอยู่ครองเรือนเป็นเรื่องชั่วคราว แต่ก็ต้องทำอย่างถูกต้องและควรพัฒนาหรือใช้ความรักด้วยเหตุผลในการป้องกันกิเลส ขณะเดียวกันก็ควรหลีกจากความรักนั้นด้วยการไม่ยึดติดและปล่อยวาง ด้วยการบวชและปฏิบัติธรรม เพื่อเป้าหมายคือการบรรลุธรรม (https://static.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZSE6WtaupLrUAA2Q2KhGmV9DUQNDIN.webp) และ...นำคำสอนนั้นไปเผยแผ่ให้คนอื่นๆต่อไป ไม่ว่าจะเป็นคนที่เราเคยรักหรือคนที่เกลียดก็ตาม ข้างต้นทั้งหมดนี้ตัดตอนคัดลอกมาจากงานวิจัย “ศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเรื่องความรักและการแต่งงานในพุทธปรัชญาเถรวาท” พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี บัณฑิตวิทยาลัย มหา วิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย @@@@@@ คลื่นกระแสพลัง “ความรัก” ที่บรรดาคู่รักต่างพากันไปกราบไหว้ “พระนางจิรประภามหาเทวี” กษัตริยาแห่งล้านนา ภายในพลับพลาที่ประทับเคียงคู่กับพระเมืองเกษเกล้า ในราชวงศ์มังราย วัดโลกโมฬี อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความเชื่อศรัทธาเป็นอย่างยิ่งว่าจะมาขอพรให้ความรักสุขสมหวัง...ขอให้ความรักอยู่กันยืนยาว ไม่มีอุปสรรคใดๆมากรายกล้ำ พลิกแฟ้มบันทึกประวัติ “พระนางจิรประภามหาเทวี” คำว่า “มหาเทวี” นั้นเป็นคำเรียกผู้ที่เป็นพระมเหสีของกษัตริย์รัชกาลก่อนและเป็นพระมารดาของกษัตริย์รัชกาลต่อมา...พระนางเป็นมเหสีของพญาเกศหรือพญาเกศเชษฐราช กษัตริย์ราชวงศ์มังรายลำดับที่ 12 และลำดับที่ 14 พระองค์ครองราชย์ 2 ครั้ง มีโอรส 2 องค์ คือ ท้าวชาย หรือซายคำและเจ้าจอมเมือง (https://static.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZSE6WtaupLrUAA2Q2NJ1siNfvWnF2E.webp) ตามบันทึกที่มีอยู่ไม่ปรากฏหลักฐานใดๆว่า “พระนางจิรประภา มหาเทวี” สิ้นพระชนม์ เมื่อใด อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่าในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อในบันทึกประวัติศาสตร์การบ้านการเมืองยุคสมัยนั้น แม้จะเป็นเวลาเพียงปีเศษที่พระนางได้ปกครองเมืองเชียงใหม่... แต่...พระนางก็สามารถรักษาเมืองให้รอดพ้นจากภัยพิบัติได้ ทั้งนี้ก็เพราะความรู้ความสามารถของ “พระนางจิรประภามหาเทวี” นั่นเอง @@@@@@ “พระนางจิรประภามหาเทวี”...เป็นเทพเจ้าแห่งความรักที่ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวกันว่า...คนไม่มีคู่มาขอพรก็จะได้พบกับคู่ครอง คนที่แต่งงานมาขอลูกก็สมหวัง มีลูกสมปรารถนาตามที่ตั้งใจไว้ อีกทั้งหากคู่ใดได้มากราบไหว้ขอพรก็จักส่งเสริมหนุนนำให้มีความรักที่ยืนยาวยั่งยืน พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดโลกโมฬี กล่าวไว้ว่า พระนางจิรประภามหาเทวี เป็นกษัตริยาธิราช หรือกษัตริย์หญิงของล้านนาเมื่อ 400 กว่าปีที่ผ่านมา โดยพระนางเป็นพระมเหสีของพระเมืองเกษเกล้า ผู้สร้างและอุปถัมภ์วัดโลกโมฬี ทางวัดจึงได้อัญเชิญทั้งสองมาประดิษฐานไว้ ประวัติความเป็นมาตามพงศาวดาร หลังพระเมืองเกษเกล้าถูกลอบปลงพระชนม์ พระนางจิรประภามหาเทวี จึงได้ขึ้นครองราชย์แทน เมื่อความถึงทางอโยธยา จึงส่งทหารมาเพื่อยึดเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์ ด้วยความรักต่อพระสวามีและประชาชน พระนางจิรประภามหาเทวี จึงใช้กุศโลบายเจรจาว่าอีก 2 ปีจะเป็นเมืองขึ้นของ อโยธยา...ด้วยความรักนี้ผู้คนจึงได้ยกให้พระนางเป็นเทพแห่งความรัก (https://static.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZSE6WtaupLrUAA2Q2Cn5nHjxkyJgWv.webp) เมื่อถึงวันแห่งความรักหรือวันสำคัญต่างๆก็จะพากันมาบนบาน โดยเฉพาะคนที่ไร้คู่ คลื่นกระแสศรัทธามากล้นทำให้เล่าลือบอกต่อกันปากต่อปากไปจนถึงการมาขอโชคลาภ ขอเรื่องหน้าที่การงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องของความศรัทธา ทางวัดก็ไม่ได้ส่งเสริมอะไร แต่เมื่อคนนำไข่ไก่มาแก้บน พระเณรในวัดก็ได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางวัดก็ได้อาศัยฉันไข่ที่ญาติโยมนำมาแก้บน ย้ำว่า...ผู้ที่จะมาขอพรและบนบานกับรูปปั้น “พระนางจิรประภามหาเทวี” ต้องปฏิบัติในการอธิษฐานอย่างเคร่งครัด หนึ่ง...ถ้าไม่รักจริง อย่าอธิษฐาน สอง...ขอความรัก บนไข่ไก่ 9 ฟอง แก้บน 108 ฟอง ผลไม้ 9 อย่าง สาม...ขอหน้าที่การงาน บนไข่ไก่ 7 ฟอง แก้บน 99 ฟอง ผลไม้ 9 อย่าง (https://static.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZSE6WtaupLrUAA2Q2En63srrlhw0Q0.webp) สี่...ขอการเรียนการศึกษา บนผลไม้ 9 อย่าง แก้บนผลไม้ 9 อย่าง ไข่ไก่ 9 ฟอง ห้า...ทวงหนี้ บนไข่ไก่ 12 ฟอง แก้บน 24 ฟอง ผลไม้ 9 อย่าง หก...ขอหวย บนไข่ไก่ 3 ฟอง แก้บนไข่ไก่เท่าอายุ เจ็ด...ขายที่ดิน นายหน้า บนไข่ไก่ 7 ฟอง แก้บน 108 ฟอง ผลไม้ 9 อย่าง “ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ “ลบหลู่”. รัก-ยม Thank to : https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2502787 (https://www.thairath.co.th/lifestyle/culture/2502787) 18 ก.ย. 2565, 06:03 น. , คอลัมน์ : รัก-ยม |