หัวข้อ: ทำบุญด้วยความรู้ถูก-เข้าใจถูก อย่างชาวพุทธที่มีปัญญา เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 16, 2022, 05:48:40 am (https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/04/ว่ายทวนน้ำ-3-768x433.jpg) ทำบุญด้วยความรู้ถูก-เข้าใจถูก อย่างชาวพุทธที่มีปัญญา ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำบุญ "บุญกิริยาวัตถุมี 10 ประการ" หรือที่ถูกจำแนก อย่างถูกต้องอย่างชาวพุทธที่มีปัญญา พระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงจำแนกประเภทของกุศลต่างๆ ให้เป็นไปตามความสามารถและความเหมาะสมของผู้ที่จะนำมาประพฤติปฏิบัติ ขัดเกลากิเลสทั้งทางกาย วาจา ใจ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งการกระทำความดี มี 10 ประการ ได้แก่ 1. บุญสำเร็จจากการให้ทาน สละ บริจาควัตถุสิ่งของแก่ผู้อื่น 2. บุญสำเร็จจากการงดเว้นทุจริตทางกาย วาจา 3. บุญสำเร็จจากการอบรมจิตให้สงบจากกิเลสและการอบรมเจริญปัญญาละกิเลสทั้งปวง 4. บุญสำเร็จจากการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน 5. บุญสำเร็จจากการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น 6. บุญสำเร็จจากการอุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญทานมาแล้วให้ผู้อื่นได้รู้และร่วมอนุโมทนา 7. บุญสำเร็จจากการยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแล้ว 8. บุญสำเร็จจากการฟังพระสัทธรรม 9. บุญสำเร็จจากการแสดงพระสัทธรรม 10. บุญสำเร็จการทำความเห็นให้ถูกต้องตรงตามความจริงของสภาพธรรม ถึงแม้ว่า บุญกิริยาวัตถุมี 10 ประการ แต่ก็จัดรวมอยู่ในประเภทของบุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ ได้แก่ ทาน 3 ศีล 3 ภาวนา 3 กล่าวคือ ทาน 3 ประกอบด้วย การให้ทาน สละ บริจาควัตถุสิ่งของแก่ผู้อื่น การอุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญทานให้ผู้อื่นได้รู้และร่วมอนุโมทนา และการยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแล้ว ศีล 3 ประกอบด้วย การงดเว้นทุจริตทางกาย วาจา การประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน และการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ภาวนา 3 ประกอบด้วย การอบรมจิตให้สงบจากกิเลสและการอบรมเจริญปัญญาละกิเลสทั้งปวง การฟังพระสัทธรรม และการแสดงพระสัทธรรม (https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/04/blood-gd3070da90_1920-edited.jpg) ส่วน การทำความเห็นให้ถูกต้องตรงตามความจริงของสภาพธรรม เป็นได้ทั้ง กุศลประเภททาน ศีล หรือภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีการทำความเห็นให้ถูกต้องตรงตามความจริงของสภาพธรรมมีหลายขั้นหลายระดับ อาทิ ความเห็นถูกว่าอะไรดีอะไรชั่ว เช่น การพูดไม่จริงเป็นสิ่งที่ไม่ดี ความซื่อสัตย์และความกตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งที่ดี ฯลฯ ความเห็นถูกว่าควรขัดเกลากิเลสด้วยการให้ทานเพื่อเปลื้องความตระหนี่ หรือความติดข้องในวัตถุออกเสียบ้าง ความเห็นถูกว่าควรจะเป็นผู้มีศีลโดยเว้นการทุจริตทางกาย วาจา ซึ่งเป็น การขัดเกลากิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลงให้เบาบางลง ความเห็นถูกว่าควรเจริญสมถภาวนาระงับกิเลสซึ่งเป็นเหตุทำให้จิตใจเศร้าหมอง ความเห็นถูกว่าควรเจริญวิปัสสนาภาวนาดับกิเลสให้หมดสิ้น @@@@@@@ หลวงพ่อจรัญแนะ ทำตามนี้ชีวิตจะดีขึ้น การเจริญกุศลโดยการทำความเห็นให้ถูกต้องตรงตามความจริงของสภาพธรรมนั้น จะต้องพิจารณาให้รู้ลักษณะที่ดีและลักษณะที่ชั่วของสภาพธรรมแต่ละชนิดให้ละเอียดมากขึ้นและให้รู้แน่ชัดมากขึ้น ถ้าไม่รู้ลักษณะที่ดีและลักษณะที่ชั่วของสภาพธรรมแต่ละชนิดด้วยการคิดพิจารณาไตร่ตรอง ต้องอาศัยการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้ เวลาที่จิตเป็นกุศลกระทำความเห็นให้ถูกต้องตรงตามความจริงของสภาพธรรม ความเข้าใจถูกในสภาพธรรมแต่ละชนิดก็ย่อมจะเป็นเหตุที่ทำให้เจริญกุศลอื่นๆยิ่งขึ้นด้วย เช่น เมื่อรู้ว่าความจริงใจ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสิ่งที่ดีงามก็จะทำให้รังเกียจการพูดเท็จ การหลอกลวง การคดโกง ทั้งทางกาย วาจาและใจ เมื่อรังเกียจความชั่วก็ย่อมจะละความชั่วและเจริญความดีบ่อยๆ จนกระทั่งเคยชินเป็นอุปนิสัยที่ดีงาม เช่น อุปนิสัยในการให้ทาน อุปนิสัยในการรักษาศีล อุปนิสัยในการเจริญภาวนา (https://www.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2022/04/AdobeStock_190471548.jpeg) ชาวพุทธพึงทราบว่า การให้ทานเพื่อสงเคราะห์แก่ผู้อื่นต้องมีความพอดี เหมาะควรแก่ฐานานุรูปของแต่ละบุคคล ถ้าให้ทานเกินความพอดี มากไปหรือหย่อนไปก็จะนำความทุกข์และความเดือดร้อนมาให้ ในการให้ทานนั้นจะต้องรู้ว่า กุศลจิตเกิดมากกว่าอกุศลจิต หรืออกุศลจิตเกิดมากกว่ากุศลจิต ฉะนั้นการให้ทานจึงควรเป็นไปใน ลักษณะกุศลจิตเกิดมากกว่าอกุศลจิต ผู้ที่มีอัธยาศัยในการให้ทานย่อมเห็นคุณประโยชน์ของการให้ทานว่าเป็นการละกิเลส ย่อมมีการฝึกฝน บำเพ็ญการให้ทานให้มากยิ่งขึ้นในทุกๆ ทาง เมื่อให้ทานไปแล้วก็ไม่มีความหวั่นไหว ไม่มีความเศร้าหมอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ทั้งนี้เป็นเพราะ เจตนาในการให้ทานมีความผ่องใสทั้ง 3 กาล คือ ตอนที่คิดจะให้ทาน ขณะที่กำลังให้ทาน และภายหลังที่ให้ทานไปแล้ว การให้ทานที่มีเจตนาที่ผ่องใสทั้ง 3 กาล อานิสงส์คือผลที่จะได้รับนั้นก็มีมากกว่า เพราะว่ากุศลจิตเกิดมากกว่า และกุศลจิตนั้นผ่องใสกว่า ประการสำคัญการให้ทานที่ดีที่สุด คือ การให้ทานโดยไม่ได้หวังผล ไม่ได้หวังลาภ ไม่ได้หวังยศ ไม่ได้หวังสรรเสริญต่างๆ แต่ ให้ทานนั้นเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นการกระทำที่ควรเจริญเพราะสามารถขัดเกลากิเลสให้เบาบางลงได้ และการให้ทานในลักษณะนี้ก็ไม่มีโลภะซึ่งเป็นความต้องการผล ขอขบอคุณ :- คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล” แฟนเพจ : สาระจากพระธรรม ที่มา : https://www.dailynews.co.th/articles/952342/ (https://www.dailynews.co.th/articles/952342/) 14 เมษายน 2565 ,10:00 น. |