สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 29, 2022, 06:26:36 am



หัวข้อ: เมืองในอดีตที่จมบาดาล กับ เกาะที่กำลังจะจมน้ำทะเลในอนาคต
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 29, 2022, 06:26:36 am

(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409401.JPEG)


เมืองในอดีตที่จมบาดาล กับ เกาะที่กำลังจะจมน้ำทะเลในอนาคต

เวลาใครเอ่ยถึง Atlantis ทุกคนจะรู้ว่า มันคือเมืองที่ Plato ปราชญ์กรีกได้เขียนบรรยายไว้ในบทสนทนา Timaeus กับ Critias เมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาลว่า ปู่ของ Plato ได้ความรู้เกี่ยวกับเมืองนี้จากเพื่อนชื่อ Solon ซึ่งได้รับข้อมูลจากนักบวชชาวอียิปต์อีกทอดหนึ่งว่า Atlantis ตั้งอยู่เบื้องหน้าของ Pillars of Hercules ซึ่งเป็นภูเขาสองลูกที่แยกกันอยู่บนฝั่งของช่องแคบ Gibrraltar อันเป็นเส้นทางเรือเข้า-ออกของทะเล Mediterranean

(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409402.JPEG)

ดังนั้นถ้าพิจารณาตามคำบอกเล่านี้ Atlantis จึงน่าจะเป็นเกาะที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทร Atlantic ซึ่งในเวลานั้น คงไม่มีใครรู้จักมาก เพราะทุกคนมีความเชื่อว่า เรือลำใดก็ตามที่แล่นใบผ่านเข้าไปในมหาสมุทรลึกลับนี้ จะถูกกระแสน้ำพัดพาไปจนร่วงตกขอบโลกอย่างแน่นอน

เมื่อไม่มีใครได้เห็นหรือมีความรู้ในรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับเมือง Atlantis และสภาพแวดล้อมเลย ดังนั้น Atlantis จึงเป็นเมืองในจินตนาการของทุกคน ตลอดเวลาที่ผ่านมา Plato เอง ได้เคยบรรยายไว้ว่าบน Atlantis มีป่าไม้ เหมืองแร่ และบ่อน้ำร้อนให้ชาวเมืองได้อาบน้ำในฤดูหนาว รวมถึงมีบ่อน้ำเย็นให้ทุกคนได้อาบในฤดูร้อนด้วย ตัวเมืองมีกำแพงล้อมรอบรูปวงแหวน 5 วง และมีสะพานเชื่อมระหว่างกำแพงทุกกำแพง ชาวเมืองได้รับการศึกษา และมีวัฒนธรรมที่ดีงาม ด้านพลเมืองชายก็มีความสามารถในการเดินเรือ และการต่อสู้ในสงครามได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ศีลธรรมและจรรยาบรรณของประชากรได้เสื่อมถอย ความขัดแย้งภายในได้ทำให้ระบบการปกครองล้มเหลว จนในที่สุดเทพ Zeus ได้ทรงบันดาลให้คลื่นยักษ์ในทะเลพุ่งเข้าท่วมทำลายเมือง จนเมืองได้จมหายไป และไม่มีใครได้เห็นนคร Atlantis อีกเลย

แม้วันเวลาจะผ่านไปนานร่วม 2,000 ปีแล้วก็ตาม ผู้คนในยุคหลัง Plato ก็ยังฝังจิตฝังใจเชื่อว่า Atlantis มีจริง และวันหนึ่งในอนาคตจะมีนักสำรวจที่ได้พบซากของเมืองจมอยู่ใต้ทะเลอย่างแน่นอน ความเชื่อเช่นนี้ได้ทำให้นักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ และนักผจญภัยทั้งหลาย พยายามค้นหาเมืองใต้บาดาลเมืองนี้ เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่า Plato เขียนเรื่องนี้จากความเป็นจริง และทุกคนหวังว่าหลักฐานที่พบจะเปิดเผยให้โลกรู้ว่า เมืองนี้เคยมีสภาพเช่นไร รวมถึงให้รู้สาเหตุที่ทำให้เมืองต้องอันตรธานสาบสูญไปจากโลกด้วย

ในความพยายามที่จะค้นหา Atlantis นี้ นักผจญภัยทุกคนได้เริ่มต้นศึกษาหลักฐานอ้างอิงจากบันทึกในประวัติศาสตร์ จากนั้นก็ได้ตั้งสมมติฐานของตนเองเพิ่มเติม ด้วยเหตุนี้จึงมีหลายคนที่เชื่อว่า Atlantis อยู่บนเกาะ Spartel ซึ่งเคยตั้งอยู่กลางช่องแคบ Gibraltar และเกาะได้จมหายไปทะเลเมื่อ 11,500 ปีก่อน บ้างก็อ้างว่าบริเวณทางตอนใต้ของสเปน ซึ่งอยู่ติดทะเล Mediterranean เคยเป็นที่ตั้งของเมือง Atlantis และบริเวณนี้ได้ถูกคลื่นสึนามิถล่มเมื่อ 650 ปีก่อนคริสตกาล แต่การสำรวจทุกบริเวณในอดีต ก็มิได้พบซากปรักหักพังของเมืองแต่อย่างใด

แม้ความพยายามค้นหา Atlantis ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกจะไร้ผล แต่ความพยายามเหล่านี้ก็มิได้สูญเปล่า เพราะบางการสำรวจได้ทำให้ทุกคนรู้ว่า ในอดีตโลกเคยมีเมืองหลายเมืองที่ปัจจุบันกำลังจมอยู่ใต้บาดาล ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมปัจจุบันไม่เคยรู้มาก่อน นอกจากนี้การวิเคราะห์วัตถุโบราณที่จมอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน ได้ช่วยให้เราได้รู้ และเข้าใจอารยธรรมโบราณในอดีต รวมถึงภัยธรรมชาติที่ได้ทำลายเมืองเหล่านั้นด้วย ซึ่งการศึกษาเรื่องเหล่านี้ได้ช่วยให้เราปัจจุบันมีทางป้องกัน มิให้ภัยหายนะที่ร้ายแรงได้เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการพบเมืองที่จมอยู่ในทะเลหลายเมือง เช่น Herakleion กับ Canopus ในอียิปต์, เมือง Pavlopetri ในกรีซ, เมือง Port Royal ในจาไมกา และ เมือง Atlit-Yam ในอิสราเอล เป็นต้น


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409403.JPEG)

สำหรับเมือง Herakleion กับ Canopus นั้น นักประวัติศาสตร์กรีกชื่อ Herodotus, Strabo และ Diodorus ได้เคยบันทึกไว้ว่าเมืองทั้งสองเคยเป็นสถานที่ที่เจ้าชาย Paris ได้ทรงลักพาตัวพระนาง Helen มาซ่อนพระองค์ไว้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดสงครามกรุงทรอย เพราะว่าเมืองทั้งสองตั้งอยู่บนดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ดังนั้นจึงอยู่บนตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการนาวีพาณิชย์ เพราะเรือสินค้าต่างชาติทุกลำจะต้องผ่านเข้า-ออกอียิปต์ เมืองจึงมีรายได้จากการเก็บภาษีมาก จนสามารถสร้างศาสนสถานที่สำคัญและสวยงาม ให้นักจารึกแสวงบุญได้เดินทางมาทำบุญทุกปีเป็นจำนวนนับหมื่นคน

ครั้นเมื่อ Frank Goddio (1947-ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการด้านโบราณคดีใต้น้ำแห่ง European Institute for Underwater Archaeology ได้อ่านบันทึกของนักประวัติศาสตร์กรีก ซึ่งได้กล่าวถึงเมืองทั้งสอง เขาก็ได้รับแรงดลใจให้ออกค้นหาเมืองที่โลกลืมนี้ทันที


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409404.JPEG)

Goddio เป็นนักสำรวจคนสำคัญคนหนึ่งของโลกที่สนใจวิทยาการด้านประวัติศาสตร์มาก และได้เคยประสบความสำเร็จในการพบซากเรือสินค้าหลายลำที่จมลงในทะเลตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11-16 และได้พบซากพระราชวังส่วนหนึ่งของฟาโรห์ Ptolemy ที่ 3 ซึ่งจมอยู่ในอ่าวนอกเมือง Alexandria ของอียิปต์ อีกทั้งยังได้พบซากเรือธงชื่อ Orient ของจักรพรรดิ Napoleon Bonaparte (1769-1821) ที่ได้จมลงในอ่าวนอกเมือง Alexandria เมื่อปี 1798 ด้วยเพราะกราบเรือถูกกระสุนปืนใหญ่เจาะทะลุ ขณะฝรั่งเศสทำสงครามทางเรือกับกองทัพอังกฤษ ภายใต้การนำของนายพล Horatio Nelson (1758-1805) ในสงคราม Battle of the Nile การมีจิตวิญญาณเป็นนักโบราณคดีผู้ทำงานวิจัยเพื่อความรู้ล้วน ๆ ได้ทำให้ Goddio ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่าง ๆ มากมาย รวมถึงจากองค์การ UNESCO ด้วย อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากนักวิทยาศาสตร์หลายสาขา เช่น นักโบราณคดี นักอียิปต์วิทยา นักประวัติศาสตร์ นักธรณีวิทยา วิศวกรคอมพิวเตอร์ และนักสมุทรศาสตร์ เป็นต้น

ด้วยการสนับสนุนจากมูลนิธิ Hilti และคณะโบราณคดีของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ในอังกฤษ Goddio ได้เริ่มค้นหาเมือง Herakleion กับ Canopus ที่บริเวณอ่าว Abe Qir ซึ่งอยู่ในทะเล Mediterranean ที่มีน้ำลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 10-12 เมตร และลึกที่สุด 18 เมตร อ่าวมีพื้นที่ประมาณ 550 ตารางกิโลเมตร โดยการใช้เทคโนโลยี sonar ที่ให้เรือส่งคลื่นเสียงออกไป แล้วรับฟังเสียงสะท้อน เพื่อช่วยนำทาง วัดระยะทาง และสำรวจหาวัตถุใต้น้ำ เช่น เสาหรือสิ่งก่อสร้างที่จมอยู่ในโคลน และเมื่อใดก็ตามที่เครื่องรับสัญญาณ sonar รายงานการ “เห็น” วัตถุที่ต้องสงสัย Goddio ก็ให้นักประดาน้ำดำน้ำลงไป เพื่อนำวัตถุนั้นขึ้นมาดูกันทันที


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409405.JPEG)

ความพยายามของ Goddio ได้บรรลุผลในอีก 3 ปีต่อมา เมื่อเขาพบซากของเมือง Canopus จมอยู่ใต้ทะเล ณ ตำแหน่งที่ห่างจากฝั่ง 1.6 กิโลเมตร โดยอยู่ในน้ำที่ลึก 6-8 เมตร อีก 1 ปีต่อมา เขาก็พบซากของเมือง Herakleion จมอยู่ห่างจากฝั่ง 6.5 กิโลเมตร โดยกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ 1,000x800 ตารางเมตร และได้พบแท่นบูชาที่ทำด้วยหินแกรนิต ซึ่งชาวเมืองใช้ในพิธีบูชาฟาโรห์ Nectambo ที่ 1 เพราะบนแท่นบูชามีอักษรจารึกพระนามของพระองค์ และมีอักษรที่แกะสลักตามมา ซึ่งบรรยายเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อ 380-362 ปีก่อนคริสตกาล นอกจากนี้ก็ยังได้พบเหรียญทองคำหลายเหรียญที่แกะสลักเป็นพระพักตร์ของพระนาง Cleopatra และอนุสาวรีย์ที่ปราศจากพระเศียรของเทพธิดา Isis ด้วย การวัดอายุของอนุสาวรีย์เหล่านี้ได้แสดงว่า มันมีอายุประมาณ 1,200 ปี และ Goddio ยังได้พบอนุสาวรีย์ของเทพธิดา Hapi แห่งแม่น้ำไนล์ ผู้ทรงบันดาลให้น้ำในแม่น้ำท่วมทุกปีด้วย ซึ่งอนุสาวรีย์นี้ทำด้วยหินแกรนิตเช่นกัน ท้ายที่สุดนักประดาน้ำยังได้นำแผ่นหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่มีอักษรจารึกว่า เมืองนี้ชื่อ Herakles ซึ่งก็สอดคล้องกับชื่อ Herakleion ที่โลกรู้จักในปัจจุบัน

แม้การขุดพบซากโบราณนี้จะได้ทำให้คนทั้งโลกรู้สึกตื่นเต้น แต่ทุกคนก็ยังมีประเด็นสงสัยว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เมืองทั้งสองต้องจมบาดาล ในการตอบคำถามนี้ Goddio ได้เชิญนักธรณีวิทยา 2 ท่าน มาเข้าร่วมโครงการสำรวจของเขาด้วย

คนแรกชื่อ Amos Nur (1938-ปัจจุบัน) จากมหาวิทยาลัย Stanford ในอเมริกา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแผ่นดินไหว และคนที่สอง เป็นนักโบราณคดีเชิงธรณีวิทยาชื่อ Jean-Daniel Stanley จากสถาบัน Smithsonian ที่ Washington DC. ซึ่งเชียวชาญเรื่องการเลื่อนไถลของดินดอนสามเหลี่ยมในบริเวณปากแม่น้ำ


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409406.JPEG)

ในที่สุด Nur และ Stanley ก็มีความเห็นพ้องกันว่า อาคารในเมืองทั้งสองได้ทรุดตัวลงเป็นระยะทางลึกถึง 8 เมตรอย่างทันทีทันใด โดย Nur คิดว่า สาเหตุหลักเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่ Stanley คิดว่าสาเหตุเกิดจากน้ำท่วมหนัก นอกจากนี้คนทั้งสองก็ยังรู้ว่าเมืองทั้งคู่ได้ล่มสลายในเวลาที่แตกต่างกัน คือ Herakleion ได้ทรุดก่อนเมื่อตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 1 และ Canopus ได้ล่มสลายในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 8 เหตุการณ์บ้านทรุดเมืองพังพินาศอย่างปัจจุบันทันด่วนนี้ เป็นเรื่องที่อนุมานได้จากการเห็นอัญมณีและเครื่องใช้ต่าง ๆ ของชาวเมืองถูกทิ้งขว้างอย่างไม่เป็นระเบียบ เพราะเจ้าของไม่มีเวลาจะเก็บนำติดตัวไปด้วย หลังจากที่ได้เห็นเสาขนาดใหญ่ในเมืองล้มระเนระนาด ซึ่งอาจจะล้มทับชาวเมืองจนเสียชีวิตได้

Nur ยังได้พบอีกว่า สถานที่ตั้งของเมืองทั้งสองได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งมีความรุนแรงถึงระดับ 8.5 บ่อย (ที่ระดับ 8.0 หรือสูงกว่า บริเวณโดยรอบศูนย์การสั่นสะเทือนจะถูกทำลายจนหมดสิ้น) และได้มีคลื่นสึนามิเกิดขึ้นรวมทั้งสิ้น 8 ครั้งในระหว่างปีค.ศ. 320-1301 เพราะได้เห็นที่ใต้ซากของอาคารมีรอยแยกของแผ่นดินที่ลึก 2 เมตร เป็นระยะทางหลายร้อยเมตร ดังนั้นเมื่อแผ่นเปลือกโลกที่รองรับตัวเมืองได้เลื่อนไถลไปในแนวนอน เมืองทั้งเมืองก็จะเลื่อนลงทะเลในทันที

ด้าน Stanley กลับมีความเห็นที่แตกต่างออกไปว่า ดินดอนปากแม่น้ำไนล์น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เมืองทั้งสองต้องล่มสลาย เพราะเมื่อครั้งที่มีการสร้างเมืองใหม่ ๆ นั้น ภูมิประเทศของดินดอนมีความแตกต่างไปจากปัจจุบันมาก การเปลี่ยนทิศทางการไหลของแม่น้ำไนล์ ได้ทำให้น้ำท่วมฝั่งเป็นบริเวณกว้างบ่อย และกระแสน้ำได้พัดพาโคลนตมไปด้วยในปริมาณมาก เวลาน้ำไหลลงสู่ทะเล เพราะดินตะกอนที่อยู่ใต้เมืองเป็นดินอ่อนที่มีความหนาประมาณ 20 เมตร และดินสามารถอุ้มน้ำได้ในปริมาณมากตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อน้ำท่วมมาก ดินก็จะยุบตัวอย่างรวดเร็ว การวิเคราะห์สภาพดินใต้เมือง Canopus ในสามมิติ แสดงให้เห็นว่า ชั้นดินตะกอนได้ถูกดันขึ้นเป็นโดมโค้งที่สูงหลายเมตร เมื่อเป็นเช่นนี้อาคารใดก็ตามที่ตั้งอยู่บนตะกอนก็จะล้มคว่ำอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

Stanley ยังได้ศึกษาชั้นตะกอน และวัดอายุของสารอินทรีย์ที่แฝงอยู่ในโคลนใต้ซากปรักหักพัง และได้ข้อมูลที่แสดงว่า ได้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหนักจริง ๆ และอุทกภัยประเภทนี้ได้เกิดขึ้นบ่อย เพราะนักประวัติศาสตร์อียิปต์ได้บันทึกเหตุการณ์น้ำท่วมทุกปี ดังนั้นการล่มสลายของเมืองจึงเกิดขึ้น เพราะเหตุการณ์น้ำท่วมหนัก หาได้เกิดจากแผ่นดินไหวไม่ โดย Stanley ได้วิเคราะห์เหรียญทองคำที่พบในเมือง และได้ข้อมูลซึ่งแสดงว่า เหรียญถูกทำขึ้นเมื่อค.ศ. 731 หลังจากที่กองทัพอาหรับได้บุกเข้ายึดครองอียิปต์ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 แล้ว ก็ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่อีกเมื่อค.ศ. 741-742 และเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ได้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในอีก 63 ปีต่อมา

แต่ Stanley ก็ได้สรุปว่า อะไรที่เกิดขึ้นที่เมือง Canopus ก็ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นที่เมือง Herakleion ดังนั้นเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ก็อาจจะเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดการจมใต้บาดาลของเมือง Herakleion ก็ได้


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409407.JPEG)

นอกจากเมือง Herakleion กับ Canopusแล้ว โลกก็ยังมี เมือง Port Royal ก็ยังเป็นอีกเมืองหนึ่งที่จมอยู่ใต้น้ำด้วย เมืองนี้อยู่บนเกาะ Jamaica ในทะเล Caribbean และมีชื่อเสียงในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ว่าเป็นเมืองบาปที่สุดในโลก เพราะเป็นแหล่งบ่มเพาะโจรสลัด และมีซ่องโสเภณีเกลื่อนกลาด

(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409408.JPEG)

ในปี 1494 กองทัพสเปนได้จัดตั้งเมืองนี้ขึ้น เพื่อเป็นเมืองอาณานิคมที่มีพลเมืองอาศัยอยู่ประมาณหมื่นคน ความรุ่งเรืองของเมืองเกิดจากเงินและทรัพย์สมบัติที่โจรสลัดปล้นเรือสินค้าที่ขนทองคำจากอเมริกาใต้ไปสเปน และสาเหตุการล่มสลายของเมืองเกิดจากการที่เมืองตั้งอยู่บนดินดอนที่เป็นดินปนทราย โดยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลน้อยกว่า 1 เมตร ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในวันที่ 7 มิถุนายน ปี 1692 ดินทรายที่อยู่ใต้อาคารได้ทรุดตัวลงถึง 5 เมตร และ 2 ใน 3 ของเมืองได้จมลงไปในทะเล ทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากถึง 2,000 คน การขุดสำรวจซากเมืองเมื่อปี 1981-1990 ได้แสดงให้เห็นว่า ซากเมืองที่เหลือได้ถูกพายุเฮอริเคนพัดกระหน่ำอีก จนทำให้บ้านเรือนหลายหลังพังทลาย และอุปกรณ์เครื่องใช้ของชาวบ้านแตกกระจาย นาฬิกาเรือนหนึ่งของชาวบ้านได้หยุดเดินเมื่อเวลา 11:43 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมือง

(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409409.JPEG)

อีกหมู่บ้านหนึ่งที่จมอยู่ใต้น้ำ คือ หมู่บ้าน Atlit-Yam ใน อิสราเอล ซึ่งปัจจุบันอยู่ห่างจากเมือง Haifa ออกไปในทะเลเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร และเป็นหมู่บ้านโบราณที่อยู่ในสภาพดีมาก เพราะมีการพบกระดูกคนและกองหินวางเรียงกันเป็นวงกลม ตัวหมู่บ้านมีพื้นที่ประมาณ 40,000 ตารางเมตร โดยได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 7,000 ปีก่อนคริสตกาล จึงเป็นหมู่บ้านที่โบราณมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในหมู่บ้านไม่มีถนนหนทาง พื้นบ้านปูด้วยอิฐ ในบ้านมีเตา และห้องเก็บของ

(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409410.JPEG)

นักโบราณคดีผู้พบหมู่บ้านนี้ คือ Ehud Galili (1950-ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสมาคมมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยได้พบหมู่บ้านนี้ ขณะไปสำรวจค้นหาซากเรืออับปาง เมื่อปี 1984 และได้เห็นหมู่บ้านที่จมอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานร่วม 9,000 ปี การสำรวจสภาพของหมู่บ้านใต้น้ำ แสดงให้เห็นความเป็นอยู่ของคนในยุคหินใหม่ Neolithic ซึ่งเป็นเวลาที่มนุษย์เริ่มนำพืชมาปลูก และนำสัตว์มาเลี้ยง ชาวบ้าน Atlit-Yam ได้รู้จักล่าสัตว์ป่า เลี้ยงแกะ แพะ หมู รู้จักปลูกพืช เช่น ข้าวสาลี ถั่ว และปอ ด้านคนที่มีอาชีพประมงก็รู้จักใช้เบ็ดที่ทำจากกระดูกสัตว์ ชาวบ้านผู้ชายดำน้ำเก่ง เพื่อหาอาหารจากทะเล และมีการพบศพที่ตายด้วยวัณโรคด้วย ในหมู่บ้านมีบ่อน้ำ กองหินใหญ่ที่หนัก วางเรียงกันเป็นรูปครึ่งวงกลม (Stonehenge) แต่มีขนาดเล็กกว่า เมื่อระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นๆ หลังจากที่ยุคน้ำแข็งสิ้นสุด น้ำทะเลได้ท่วมเข้าไปในเกาะ จนทำให้ผู้คนต้องทิ้งถิ่นอาศัยไปอย่างถาวร


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409411.JPEG)

เมืองสุดท้ายที่จะกล่าวถึง คือ เมือง Pavlopetri ใน กรีซ โดยนักโบราณคดีชื่อ Nicholas Flemming คือ นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัย Southamton ในอังกฤษ ได้พบเมืองโบราณนี้จมอยู่ในน้ำเมื่อปี 1967

ในยุคทองสำริด เมืองนี้เคยรุ่งเรือง แต่ปัจจุบันกลับจมอยู่ใต้น้ำที่ลึก 4 เมตร ในอ่าว Laconia ของกรีซ การสำรวจเมืองใต้น้ำได้พบถนนหนทาง พื้นบ้านถูกปูด้วยหิน เมืองมีหลุมฝังศพอยู่กระจัดกระจายหลายแห่ง มีเครื่องปั้นดินเผาที่ถูกทำขึ้นตั้งแต่ยุค Mycenaen คือเมื่อ 1,600-1,100 ปีก่อนคริสตกาล ความเก่าแก่โบราณของเมืองนี้ได้ทำให้นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า เมื่อครั้งที่เกิดสงครามกรุง Troy กองทัพกรีกได้ยกทัพเรือออกจากท่าของเมืองนี้ เพราะได้เห็นซากเรือหลายลำที่มีความยาวตั้งแต่ 10 -20 เมตร


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409412.JPEG)

ในปี 2009 คณะนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัย Nottingham ในอังกฤษได้ใช้ laser และ sonar ศึกษาพื้นที่ 150 ตารางเมตรของเมือง และพบห้องโถงกับหลุมฝังศพ ความกว้างใหญ่ของอาคารได้ทำให้ทุกคนคิดว่านี่คงเป็นราชสำนักของกษัตริย์ แต่ก็มีคำถามที่น่าสงสัย คือ เมืองนี้ได้จมน้ำไปเพราะสาเหตุใด ซึ่งการเลื่อนไถลของดินใต้เมืองได้ทำให้ชาวเมืองต้องทิ้งเมืองไปเมื่อ 1,100 ปีก่อนคริตกาลใช่หรือไม่ และนักโบราณคดีก็ยังไม่มั่นใจว่า การล่มสลายของเมืองได้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียว หรือจากครั้งเล็กๆ หลายครั้ง

อ่าน “เกาะในอนาคตที่กำลังจะจมน้ำทะเล” ในวันศุกร์หน้า


(https://mpics.mgronline.com/pics/Images/565000011409413.JPEG)

ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน : ประวัติการทำงาน - ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์ และ ศาสตราจารย์ ระดับ 11 ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขากายภาพและคณิตศาสตร์ ประวัติการศึกษา-ปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยลอนดอน, ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย




Thank to : https://mgronline.com/science/detail/9650000112347
เผยแพร่ : 25 พ.ย. 2565 08:18 ,โดย : ผู้จัดการออนไลน์