หัวข้อ: “ศาสนาผี” ภาชนะใส่กระดูกคนตาย ‘คืนสู่ครรภ์มารดา’ ต้นแบบ ‘โกศ’ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 04, 2022, 09:48:44 am (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/12/สุจิตต์-2207-696x365.jpg) “ศาสนาผี” ภาชนะใส่กระดูกคนตาย ‘คืนสู่ครรภ์มารดา’ ต้นแบบ ‘โกศ’ | สุจิตต์ วงษ์เทศ หลังความตายของชนชั้นนำ หรือหัวหน้าเผ่าพันธุ์ ราว 2,500 ปีมาแล้ว มีพิธีกรรมพิเศษกว่างานศพคนทั่วไป เรียกพิธีศพครั้งที่ 2 ประกอบด้วย ส่งขวัญขึ้นฟ้า, กระดูกถูกรวมเก็บในภาชนะแล้วฝังอีกครั้ง, เครื่องมือเครื่องใช้ถูกฝังรวม, ปลูก “เฮือนแฮ่ว” คร่อมหลุมศพ เป็นต้น กระดูกถูกรวมเก็บในภาชนะแล้วฝังดิน หมายถึง จัดวางกระดูกหัวหน้าเผ่าพันธุ์เรียงโครงร่างเหมือนมนุษย์ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ทำด้วยดินเผาเหมือน “แคปซูล” (เป็นสัญลักษณ์ “คืนสู่ครรภ์มารดา”) แล้วเคลื่อนภาชนะดินเผามีกระดูกคนตายไปฝังในหลุมที่เตรียมไว้ใต้ “เฮือนแฮ่ว” (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/12/687.jpg) เรือนยุคบ้านเชียง ราว 2,500 ปีมาแล้ว เป็นเรือนเสาสูง มีใต้ถุนเป็นที่ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน และเป็นที่ฝังศพของคนในเรือน ขุดพบเศษภาชนะดินเผาเป็นชิ้นส่วน รวมทั้งกระดูกสัตว์และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ กระจัดกระจายคล้ายกองขยะ (ภาพวาดจากจินตนาการของจิตรกรโครงการบ้านเชียง มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา) (1.) ภาพชนะดินเผาใส่กระดูกคนตายเป็นต้นแบบโกศ (2.) การเก็บกระดูกคนตาย เป็นต้นแบบเก็บอัฐิไว้ในบ้านและในวัด (หลังรับพุทธศาสนา) อินเดียไม่มีเก็บอัฐิ (3.) “พิธีบังสุกุล” อุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนเจ้าของอัฐิที่เชิญมาในวันสงกรานต์ มีต้นตอจากศาสนาผี เครื่องมือเครื่องใช้ถูกฝังรวม หมายถึงของมีค่าและเครื่องมือเครื่องใช้ถูกฝังรวมกระดูกในภาชนะที่ฝังใต้ “เฮือนแฮ่ว” เช่น เครื่องรางหรือเครื่องประดับ, ของใช้ในชีวิตประจำวัน ฯลฯ เพราะเชื่อว่า “คนตาย ขวัญไม่ตาย” จะถูกเรียกผีหรือผีขวัญ มีชีวิตปกติเหมือนเมื่อยังไม่ตาย แต่อยู่ในโลกต่างมิติ “จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น” “เฮือนแฮ่ว” หมายถึง เรือนเสาสูงขนาดย่อส่วนจำลองเรือนจริงที่ปลูกคร่อมหลุมฝังศพครั้งที่ 2 เพื่อให้ผีขวัญหัวหน้าเผ่าพันธุ์ใช้งาน “เฮือนแฮ่ว” เหมือนเรือนจริงเมื่อมีชีวิต (ปัจจุบันยังมีในกลุ่มผู้ไทที่เวียดนามและบางกลุ่มในอีสาน) “เฮือนแฮ่ว” แปลว่า เรือนของคนตาย (เฮือน ตรงกับ เรือน, แฮ่ว เป็นคำกลายจาก “เรี้ยว” หมายถึงคนตาย) ที่ตั้งของ “เฮือนแฮ่ว” เรียกป่าแฮ่ว หรือป่าเฮ่ว, ป่าเห้ว (กลายคำจากป่าเรี้ยว ทางภาคใต้เรียกเปลว) ที่อยู่ของคนตายในภาคกลาง เรียกป่าช้า คำว่า “ช้า” เป็นคำลาว แปลว่า คนตาย, ซากศพ (บางทีเรียกขอนช้า) (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/12/686.jpg) หลุมฝังศพตระกูลหัวหน้าเผ่าพันธุ์ ราว 2,500 ปีมาแล้ว บ้านเมืองบัว ต.เมืองบัว อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด (ภาพของกรมศิลปากร)’ (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/12/682.jpg) ภาชนะดินเผาบรรจุกระดูกแบบต่างๆ เมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว ขุดพบบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ (ลายเส้นของกรมศิลปากร) และเป็นต้นแบบของโกศสมัยหลัง สืบจนปัจจุบัน บริเวณลานกลางบ้าน พื้นที่ฝังศพครั้งที่ 2 อยู่ใต้ “เฮือนแฮ่ว” จึงมีของมีค่าและเครื่องมือเครื่องใช้หลากหลายพร้อมเศษอาหารคล้าย “กองขยะ” อยู่ทั่วไป ดังนี้ (1.) ในหลุมศพหัวหน้าเผ่าพันธุ์ ฝังของมีค่าและเครื่องมือเครื่องใช้จำนวนมากและหลากหลาย (2.) หลุมฝังศพหัวหน้าเผ่าพันธุ์ ถัดไปเป็นพื้นที่ฝังศพหัวหน้าเผ่าพันธุ์คนก่อนๆ อีกหลายคน จึงมีอีกหลายหลุมศพชนชั้นนำอยู่เรียงราย รวมแล้วเป็นพื้นที่ “เฮี้ยน” อย่างยิ่ง และมีเครื่องมือเครื่องใช้รวมทั้งเศษอาหาร ฯลฯ เซ่นผีบรรพชนทับซ้อนไม่ขาดสาย (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/12/684.jpg) โกศยุคปัจจุบัน และพระลองหุ้มประกอบพระโกศ (อยู่ข้างใน) (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/12/685.jpg) โกศใส่ศพไม่พบในอินเดีย เพราะมีต้นตอจากศาสนาผีพื้นเมืองหลายพันปีมาแล้ว (ในภาพ) พระปิ่นเกล้าฯ พระบรมศพนั่งงอเข่าอยู่ในพระโกศ หลังเสด็จสวรรคต พ.ศ.2409 (ค.ศ.1866) [ลายเส้นจำลองตามจินตนาการของเคาน์โบวัว ชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมากรุงเทพฯ เมื่อมกราคม พ.ศ.2409 (ค.ศ.1866)] (ได้จาก ไกรฤกษ์ นานา) (3.) ลานกลางบ้านมีพิธีกรรมตลอดปี จึงมีเครื่องใช้ไม้สอยและเศษอาหารสารพัดเป็น “ขยะ” อยู่บนพื้นที่บริเวณกว้าง เพราะเป็นศูนย์กลางชุมชน มีคนเข้าร่วมจำนวนมากทำกิจกรรมเลี้ยงผีครั้งละหลายวันต่อเนื่องกัน บางกิจกรรมนานเป็นเดือน ใต้ “เฮือนแฮ่ว” ไม่ใช่ใต้ถุนเรือน เนื่องจาก “เฮือนแฮ่ว” เป็นเรือนเสาสูงเลียนแบบเรือนจริงสำหรับปลูกคร่อมหลุมศพ อาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนได้ว่าฝังศพใต้ถุนเรือนจริง (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/12/683-1.jpg) ผีขวัญใน “เฮือนแฮ่ว” เมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว [ภาพสลักบนหน้ากลองทองสําริด (มโหระทึก) พบที่เมืองดงซอน เวียดนาม] (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2022/12/681.jpg) เฮือนแฮ่ว ปลูกคร่อมหลุมฝังศพ เป็นเรือนเสาสูงมีสี่เสา ขนาดย่อส่วนเรือนจริง มีเสาประดับเครื่องรางหรือเครื่องเซ่นคล้าย “เสาชูโคมฟ้า” ในตำนานของผู้ไทในเวียดนาม ฝังศพไว้ใต้ถุนเรือนโดยไม่ใส่โลงศพ ชุมชนบางแห่งฝังศพทับซ้อนบริเวณเดียวกันเพราะอยู่สืบต่อกันมานานหลายชั่วคน พบคำอธิบายอยู่ในเอกสาร 2 ชุด ได้แก่ (1.) สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย ของ ชิน อยู่ดี (กรมศิลปากร พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2510) และ (2.) รายงานการขุดค้นที่บ้านเชียง (จ.อุดรธานี) ของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา มีลายเส้นประกอบเป็นรูปโครงกระดูกฝังใต้ถุนเรือน มีสิ่งของเครื่องใช้และเศษอาหารเหมือน “ขยะ” ฝังรวมกับโครงกระดูก • ขอขอบคุณ :- ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 ธันวาคม 2565 คอลัมน์ : สุจิตต์ วงษ์เทศ เผยแพร่ : วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2565 URL : https://www.matichonweekly.com/column/article_629827 (https://www.matichonweekly.com/column/article_629827) |