สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 28, 2022, 06:43:18 am



หัวข้อ: รูทเดินเท้าเที่ยว 3 วัด ตามหางานศิลปะจากศิลปินระดับโลกใน Bangkok Art Biennale 20
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 28, 2022, 06:43:18 am

(https://media.thairath.co.th/image/nEnGs1a2hMF5WsGRd0pPI7Azij8oNp1V2g92AvoaABl24LTcKIe9vA1.jpg)


รูทเดินเท้าเที่ยว 3 วัด ตามหางานศิลปะจากศิลปินระดับโลกใน Bangkok Art Biennale 2022

Summary

     • เดินเที่ยวย่านพระนครด้วยสองเท้า ตะลุยเที่ยววัดโพธิ์-วัดอรุณฯ-วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ตามรูท Bangkok Art Biennale 2022 หรือเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติที่จัดขึ้นทุกสองปีในกรุงเทพฯ และจะจัดแสดงผลงานศิลปะไปจนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ในสถานที่สาธารณะอย่างวัด พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ให้กรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางที่ส่งเสริมศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ และวัฒนธรรม




ในวันที่กรุงเทพฯ มีลมหนาวพัดมา เราเลยถือโอกาสนี้ ออกไปใช้ชีวิตในเมือง เดินเที่ยวย่านพระนครด้วยสองเท้า ตะลุยเที่ยว 3 วัด ตามรูท Bangkok Art Biennale 2022 หรือเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติที่จัดขึ้นทุกสองปีในกรุงเทพฯ และจะจัดแสดงผลงานศิลปะเป็นระยะเวลา 4 เดือน ในสถานที่สาธารณะอย่างวัด พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ให้กรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางที่ส่งเสริมศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ และวัฒนธรรม

รับประกันเลยว่าเป็นรูทที่เดินง่าย และไม่เหนื่อยเลยสักนิด ใครที่หยุดยาวนี้ยังไม่มีแพลนไปไหน ลองออกเดินทางตามกันมาได้นะ

การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นที่ MRT สนามไชย จริงๆ แผนที่คิดไว้คือจะแวะชมงานที่มิวเซียมสยามก่อน เพราะที่นี่เองก็เป็นหนึ่งในจุดแสดง Bangkok Art Biennale แล้วจากนั้นเราจะค่อยเดินไปยังวัดเชตุพนวิมลมังคลารามมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ แต่เผอิญว่าวันนั้นมีกิจกรรม Night At The Museum พอดี พิพิธภัณฑ์เลยยังไม่เปิด เราเลยตัดสินใจเดินไปที่วัดทันทีไม่แวะที่ไหน แค่ประมาณ 5 นาที ก็ถึงวัดโพธิ์แล้ว 


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKnUxJZ7El0wTmY98cVa8FLwe9vA1.jpg)

สารภาพตามตรงว่าเรากับวัดไม่ใช่ของคู่กัน แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าวัดหรือวังในย่านพระนครเป็นเสมือนจุดท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องมาเยือน แต่เราแทบจะเรียกได้ว่าเฉียดใกล้แค่ประตูรั้ว ไม่มีอยู่ในความทรงจำเลยสักนิดว่าเคยมาที่นี่หรือเปล่า

พอก้าวลอดซุ้มประตูมาทุกสิ่งเลยค่อนข้างแปลกใหม่ เพราะสถาปัตยกรรมตรงหน้าเรานั้นโอ่อ่า และสวยงามชนิดที่เราร้องคิดในใจว่า โห ประเทศไทยสวยจัง แทบทุกมุมที่เดินไป พลางคิดตกผลึกเข้าใจว่าทำไมนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงชอบมาที่นี่กันนัก 

วัดโพธิ์ใหญ่กว่าที่เราคิด หลังจากเดินตามคนไปเรื่อยๆ ก็เจอจุดที่เป็นไฮไลต์คือ พระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอนที่องค์พระยาวถึง 46 เมตร (ยาวเป็นอันดับ 3 ของไทย รองลงมาจากพระนอนจักรสีห์ และพระนอนวัดขุนอินทประมูล) โดยพระพุทธรูปองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามทั้งวัด 


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKvndA1alht3j6qHR5MG1ipYe9vA1.jpg)

(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKvKk5TVFp1V2RiQaPT3s1a2hc50r4Ee9vA1.jpg)

(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKo46g6F99eit6fjK8cqeZPoe9vA1.jpg)

พอออกมาได้สักพัก ระหว่างที่กำลังหามุมเหมาะๆ หลบคน เราก็เจอกับป้ายสีเหลืองบอกว่าบริเวณนี้มีงานศิลปะจาก Bangkok Art Biennale จัดแสดง

งานชิ้นแรกที่เราเจอ คือ ‘อโรคยศาลา’ ผลงานของ มณเฑียร บุญมา ศิลปินที่บุกเบิกงานศิลปะร่วมสมัยในไทย ด้วยการนำวัสดุพื้นบ้านมาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะที่ผสมคอนเซปชวลอาร์ตตะวันตกเข้ากับปรัชญาตะวันออกและพุทธศาสนา ซึ่งงานชิ้นนี้ถือเป็นต้นแบบของงานอโรคยาศาลา (ชิ้นงานที่เคยนำไปจัดแสดงที่ Korat Biennale ปี 2021 มีลักษณะเป็นกล่องโลหะที่มีรูปทรงเหมือนซี่โครงหรือสันหลัง ภายในมีสมุนไพรที่อัดแน่นเป็นรูปปอดอยู่ตรงกลาง อ้างอิงถึง อโรคยศาลา สถานพยาบาลในวัฒนธรรมอาณาจักรเขมรราวช่วงศตวรรษที่ 11 


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKhcXVWjHYeQgPH2eeueGos1a2h4e9vA1.jpg)

รู้ตัวอีกทีก็เดินมาเจออีกหนึ่งไฮไลต์ของวัดโพธิ์ 

ว่ากันว่าที่นี่เป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ และพระเจดีย์ที่สำคัญคือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล 

ได้แก่ พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ หรือพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่นำมาจากอยุธยา สูง 16 เมตร องค์เจดีย์ประดับกระเบื้องเคลือบสีเขียวและกระเบื้องเครื่องถ้วยลวดลายต่างๆ เป็นสีวันพระบรมราชสมภพ ลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองแบบเพิ่มมุม ซึ่งเป็นทรงเจดีย์สมัยอยุธยาตอนปลาย มีฐานสิงห์และฐานบัวกว้าง 16 เมตร และสูง 42 เมตร รองรับองค์ระฆังคว่ำเหลี่ยม ปล้องไฉนทรงกรวย และปลียอดประดับลูกแก้ว

(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKsalIpP16edValHoqAjQMuYe9vA1.jpg)

พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิธาน หรือพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2 หรือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหาเจดีย์ที่ว่านี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 มีลักษณะเหมือนเจดีย์พระศรีสรรเพชดาญาณ แต่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง 

พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร คือพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 3 หรือพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นในระหว่างที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์ โดยพระมหาเจดีย์แห่งนี้ก็มีลักษณะเหมือนกันกับพระมหาเจดีย์ด้านบน และประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลืองเช่นเดียวกัน

สุดท้ายคือพระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4 โดยพระมหาเจดีย์แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ถ่ายแบบมาจากพระเจดีย์ศรีสุริโยทัยจากวัดสวนหลวงสบสวรรค์ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยองค์พระมหาเจดีย์ มีลักษณะที่แตกต่างจากพระมหาเจดีย์ทั้ง 3 องค์ คือ มีซุ้มคูหาเข้าไปภายในองค์พระระฆังเหลี่ยม และเจดีย์ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินเข้ม 


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKuYOfdRtYtWuF7UdOGzHCkse9vA1.jpg)

ชิ้นงานศิลปะที่สองและสามของ Bangkok Art Biennale ที่เราเจอคืองานประติมากรรมของ Antony Gormley ศิลปินที่ได้รับการยกย่องในวงกว้างจากผลงานประติมากรรมศิลปะจัดวาง และศิลปะในพื้นที่สาธารณะซึ่งสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายมนุษย์กับพื้นที่ 

งานสองชิ้นนี้ กอร์มลีย์ มองว่าเป็นเครื่องมือนำพาไปสู่ความมีสติ งานจึงแสดงถึงพื้นที่ของประสบการณ์มนุษย์ และความสัมพันธ์ที่เรามีต่อที่ว่าง มวลและพลังงานพุทธธรรมเรื่องอนิจจัง

หลังจากเดินหลงไปหลงมาและพยายามหายักษ์วัดโพธิ์แต่หาไม่เจอ (คาดว่าปิดปรับปรุง) ในที่สุดเราก็ตัดใจและเดินวนหางานศิลปะชิ้นสุดท้ายแทน 


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKmZuzp1V2liPbSQv1s1a2h94sp1V2Wu6se9vA1.jpg)

Melting Void คือผลงานของ มณเฑียร บุญมา เช่นเคย ลักษณะของงานเป็นเศียรพระพุทธรูปอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ ผู้ชมสามารถเข้าไปใต้เศียรพระพุทธรูปซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรที่เป็นยา และสามารถมองเห็นแสงที่ลอดผ่านรูเล็กๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับดวงดาวทางโหราศาสตร์ได้ โดยงานชิ้นนี้จัดแสดงตรงข้ามกับพระพุทธปาลิไลย ซึ่งหล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1

การตามหาชิ้นงานศิลปะในวัดโพธิ์สำหรับเรา ค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากไม่คุ้นชินเส้นทาง แต่ถึงอย่างนั้นการเดินหลงภายในบริเวณวัดแห่งนี้ก็สนุกไปอีกแบบ เพราะเปิดโอกาสให้เราได้เห็นและสังเกตสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน บอกเลยว่าในกล้องนี่มีแต่ภาพกระเบื้องสีน่ารักๆ เต็มไปหมด


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKkJkwFs1a2hk04RHvNOB7KCHN3Ae9vA1.jpg)

(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKvdKa1vJ4K8OtcaNMekmEn0e9vA1.jpg)

การเดินทางไปยังสถานที่ที่สองทำได้ด้วยการออกจากวัดโพธิ์ปุ๊บให้เดินย้อนไปทางซ้ายมือ เราจะไปลงเรือข้ามฟากเพื่อไปยังวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารกัน

สิ่งแรกที่รอต้อนรับเราที่นั่นคือยักษ์ตัวใหญ่สองตัวที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตู (ซึ่งหลังจากถกเถียงอยู่ในใจสักพักใหญ่ว่า วัดอรุณคือวัดแจ้งเหรอ เราก็ค้นพบความจริงว่า ใช่!)


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKi4WduF10zQwWen9eLP9Np1V2Ye9vA1.jpg)

(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKg4p1V2V1O8t54p1V2mzaRoFFIAV0e9vA1.jpg)

ชิ้นงาน Bangkok Art Biennale ที่นี่หาง่ายเพราะมีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น อยู่ตรงสนามใกล้ๆ ทางจะเดินไปชมพระปรางค์ โดย Aleaf หรือผลงานของ นวิน หนูทอง ชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์ไทยช่วงรัตนโกสินทร์ ซึ่งศิลปินจินตนาการถึงเรื่องราวปรัมปราและตำนานเมืองรูปแบบใหม่ขึ้นมาโดยใช้ตัวละครจากพงศาวดารสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ 

ไหนๆ มาแล้วเราเลยแวะไปชมความงามของพระปรางค์ที่ปกติเคยเห็นแค่เวลานั่งเรือด่วนเจ้าพระยาผ่านไปมาด้วยเลย

พระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นสถาปัตยกรรมไทยขนาดใหญ่ ประกอบด้วยปรางค์ประธานและปรางค์รองอีก 4 ปรางค์ แต่ตัวพระปรางค์ปัจจุบันนี้ไม่ใช่พระปรางค์เดิม (ของเดิมสร้างขึ้นราวสมัยกรุงศรีอยุธยาและมีความสูงเพียง 16 เมตร) 


(https://media.thairath.co.th/image/nEnGs1a2hMF5WsGRd0pPI7AziumZjvPeGLjls1a2h0Fve0PQHiQe9vA1.jpg)

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้บูรณะพระปรางค์ครั้งใหญ่ให้เป็นแบบที่เห็นในปัจจุบัน คือองค์พระปรางค์ก่ออิฐถือปูน ประดับด้วยชิ้นเปลือกหอย กระเบื้องเคลือบ จานชามเบญจรงค์เป็นลายดอกไม้ ใบไม้ นอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งด้วยกินนร กินรี ยักษ์ เทวดา และพญาครุฑ ส่วนบนสุดติดตั้งยอดนภศูลปิดทอง และครอบด้วยพระมหามงกุฎ ซึ่งนำมาจากพระประธานวัดนางนอง 

บริเวณตัวพระปรางค์หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ใส่ชุดไทยมาถ่ายรูป เห็นแล้วเลยนึกเป็นมิชชันอยู่ในใจว่าวันหลังต้องชวนเพื่อนมาเที่ยวถ่ายรูปที่นี่บ้าง คงให้ความรู้สึกเหมือนการเช่าชุดฮันบกไปเที่ยวราชวังเคียงบก ที่ประเทศเกาหลีอยู่ไม่น้อย


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKifmigWxQeYklJRQMR8WK3ke9vA1.jpg)

นั่งพักจนหายเหนื่อย ดื่มด่ำกับความงามตรงหน้าเสร็จ เราก็ตัดสินใจนั่งเรือข้ามฟากกลับไปทางเดิม

จริงๆ การจะไปวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่ที่สามที่เราจะไปนั้น สามารถไปทางรถยนต์จากวัดอรุณฯ เลยก็ได้ แต่เพราะอยากใช้เวลาวันหยุดที่ไม่มีมานานให้สาสม การนั่งเรือและเดินเท้าไปอีกประมาณ 17 นาที ชมวิวสองข้างทางที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากท่าเตียน เป็นวังจักรพงษ์ โรงเรียนราชินี และปากคลองตลาด จึงดูจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ แป๊บเดียวก็ถึงสะพานพุทธ และเห็นยอดเจดีย์วัดอยู่ไม่ไกล

วัดประยุรวงศาวาสฯ เป็นวัดชื่อไม่คุ้นสำหรับเรา แต่มีประวัติมาเนิ่นนานตั้งแต่ พ.ศ. 2371 โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ได้อุทิศสวนกาแฟและสร้างวัดถวายเป็นพระอารามหลวงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKhcXICYYqp1V22s1a2hSbEAxi3CWRce9vA1.jpg)

ที่นี่มีงานจัดแสดงอยู่ 6 ชิ้น ชิ้นแรกอยู่ในบริเวณ เขามอ ติดกับทางเข้าวัด เป็นผลงานของ Alicia Framis ชื่อ Leave Here Your Fears โดยงานประติมากรรมชิ้นนี้เปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมได้ ด้วยการเขียนอธิบายสิ่งที่กลัวลงในกระดาษแล้วใส่ลงไปในตัวงาน

บริเวณที่จัดแสดงงานเป็นส่วนที่เราชอบที่สุดในบริเวณวัด เพราะมีความร่มรื่น เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนใจ ภายในสระน้ำที่ล้อมรอบภูเขาจำลองนี้เต็มไปด้วยเต่าและตะพาบน้ำ ซึ่งในวันที่เราไปก็มีคนหลากวัยเลยพร้อมใจกันมาให้อาหารอยู่


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKn7FBjUq0sFMFBtFr0wDMs1a2hEe9vA1.jpg)

ชิ้นงานที่จัดแสดงอยู่ภายในศาลาการเปรียญของวัด คืองานของ Yee I-lann ศิลปินชาวมาเลเซีย มีทั้งวิดีโอจากกลุ่มนักเต้นชายอย่าง ตากัปส์กานส์เธียเตอร์ แสดงการเต้นรำของนักรบในรูปแบบร่วมสมัย โดยสวมหมวกซึ่งเป็นงานประติมากรรมของศิลปิน ข้างๆ กันมีเสื่อคาราโอเกะที่ผสมผสานเนื้อร้องของเพลงยอดนิยมทั้งไทยและอังกฤษเอาไว้ 

(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKlklLMdFDP0BLuIu183OEAce9vA1.jpg)

(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKjzAokKeDS6s1a2hCg6M92QJVLoe9vA1.jpg)

ชิ้นงานสุดท้ายคืองานในรูปแบบ interactive art ผลงานของ เถกิง พัฒโนภาษ จัดแสดงอยู่บริเวณผนังของพระระเบียงรอบพระบรมธาตุมหาเจดีย์ โดยงานชิ้นนี้สมมติความตายของศิลปินและคู่ชีวิตว่าหากทั้งคู่มีสิทธิแต่งงานกันได้ตามกฎหมายไทย ซึ่งปัจจุบันไม่อนุญาตให้ LGBTQ+ จดทะเบียนสมรส ไม่มีสิทธิลดหย่อนภาษี ไม่มีสิทธิดูแลกันในวาระสุดท้าย และไม่มีสิทธิในมรดกของกันและกัน หากทั้งคู่ลาโลกนี้กันไปแล้ว ชีวิตหลังความตายของพวกเขาจะเป็นอย่างไร

โดยงานชิ้นนี้ผู้เข้าชมจะต้องเปิดอินสตาแกรมขึ้นมาเปิดกล้องส่องไปยังประติมากรรมทั้ง 5 ชิ้น เพื่อดูและฟังแอนิเมชันที่ขึ้นมา


(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKpSX79n6AvOTqoLM1qnLZY4e9vA1.jpg)

(https://media.thairath.co.th/image/nGIyjtjI1CTh1qTLaF6lKtta6omd7ZkuVhTbjp1V2JVyRce9vA1.jpg)

หลังเดินและชมงานกันมาทั้งวัน เรายังคงรับประกันว่าเส้นทางที่ว่ามานี้ เดินได้โดยไม่เหนื่อย แถมเส้นทางที่เดินมาก็ทำให้เราได้สัมผัสและเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านในแต่ละละแวกด้วย 

รีบคว้าโอกาสที่กรุงเทพฯ ยังพอจะมีลมเย็นพัดมาบ้าง ออกมาสูดอากาศด้วยกันเถอะ Bangkok Art Biennale จะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ และนอกเหนือจาก 3 วัดที่เราแนะนำก็ยังมีอีกหลายจุดแสดง เช่น หอศิลป์ BACC เซ็นทรัลเวิลด์ JWD Art Space และสามย่าน มิตรทาวน์ เป็นต้น 

เข้าไปเช็กสถานที่จัดงาน และดูตัวอย่างงานได้ก่อนที่ www.bkkartbiennale.com (http://www.bkkartbiennale.com) นะ






thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/102571#aWQ9NjI3ZTBiMzQ1OTMzOTcwMDEyOTMwM2NlJnBvcz0xJnJ1bGU9MA== (https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/102571#aWQ9NjI3ZTBiMzQ1OTMzOTcwMDEyOTMwM2NlJnBvcz0xJnJ1bGU9MA==)
Thairath Plus › Everyday Life ,22 ธ.ค. 65
creator : ปวีณ์กานต์ อินสว่าง