หัวข้อ: ก้าวหน้าแบบสากล ประวัติศาสตร์ 115 ปีที่แล้ว เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 22, 2023, 06:45:48 am (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/01/สุจิตต์-2214-696x365.jpg) ก้าวหน้าแบบสากล ประวัติศาสตร์ 115 ปีที่แล้ว ประวัติศาสตร์ คือเรื่องราวความเป็นมาของประเทศชาติบ้านเมืองหรือสังคมและผู้คนที่มีทั้งความสำเร็จและล้มเหลว ซึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นที่หรือดินแดนและคนหลากหลายไม่จำกัดชาติพันธุ์ ไทยมีบรรพชนร่วมอุษาคเนย์ และมีวัฒนธรรมร่วมอุษาคเนย์ เพราะไทยมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาทั้งของพื้นที่และของผู้คนหลายชาติพันธุ์ “ร้อยพ่อพันแม่” เป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ได้จากภูมิภาคอุษาคเนย์ (South East Asia) ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์หลายพันปีมาแล้วสืบเนื่องจนปัจจุบัน ซึ่งเชื่อมโยงสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งของพลเมืองโลกในประวัติศาสตร์โลก @@@@@@@ ประวัติศาสตร์สยาม “ประวัติศาสตร์สยาม” เป็นประวัติศาสตร์แนวก้าวหน้าแบบสากล ซึ่ง ร.5 ทรงบอกไว้ราว 115 ปีที่แล้วในพระราชดำรัสสถาปนา “โบราณคดีสโมสร” หรือ “สมาคมสืบสวนของบุราณในประเทศสยาม” เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2450 [“สยาม” ในที่นี้หมายถึงพระราชอาณาจักรสยามสมัยนั้นซึ่งมีพัฒนาการเป็นประเทศไทยสมัยนี้] พระราชดำรัส ร.5 มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้ 1. ประวัติศาสตร์สยามหมายถึงประวัติศาสตร์ดินแดนสยามและผู้คนชาวสยาม ซึ่งประกอบด้วยคนหลายชาติพันธุ์ในรัฐโบราณ โดยมีพระราชดำรัสบางตอน ดังนี้ “เราจะค้นหาข้อความเรื่องราวของประเทศสยามไม่ว่าเมืองใดชาติใดวงษ์ใด รวบรวมเรียบเรียงขึ้นเป็นเรื่องราวของประเทศสยาม” “กรุงสยามเป็นประเทศที่แยกกันบ้างบางคราว รวมกันบ้างบางคราว ฝ่ายพระเจ้าแผ่นดินผู้ที่ปกครองก็ต่างชาติกันบ้าง ต่างวงษ์กันบ้าง” นอกจากนั้น ในพระราชดำรัสกล่าวถึงความเป็นมาของสยามหลายพันปีมาแล้ว (สมัยก่อนประวัติศาสตร์) ต่อมาจึงเป็นบ้านเมือง ได้แก่ กรุงนครชัยศรี (นครปฐมโบราณ), กรุงลพบุรี (ละโว้), เมืองนครศรีธรรมราช, เมืองอโยธยา เป็นต้น 2. เรื่องราวประวัติศาสตร์สยามที่ต้องทำความเข้าใจยอมรับความจริงมีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวซึ่งพระราชดำรัสบางตอนมีดังนี้ “ประเทศทั้งหลายซึ่งได้ควบคุมกันเปนชาติแลเปนประเทศขึ้น ย่อมถือว่าเรื่องราวของชาติตนแลประเทศตน เปนสิ่งสำคัญ ซึ่งจะพึงศึกษาแลพึงสั่งสอนกันให้รู้ชัดเจนแม่นยำ เปนวิชาอันหนึ่งซึ่งจะได้แนะนำความคิดแลความประพฤติ ซึ่งจะพึงเหนได้เลือกได้ในการที่ผิดแลชอบชั่วแลดี เปนเครื่องชักนำให้เกิดความรักชาติ แลรักแผ่นดินของตัว ถึงว่าเรื่องนั้นจะเปนเรื่องที่ชั่วช้าไม่ดีอย่างใด ก็เปนเครื่องที่จะจำไว้ในใจ เพื่อจะละเว้นเกียจกัน ไม่ให้ความชั่วความไม่ดีนั้นมาปรากฏขึ้นอีก” 3. ไม่มีชนชาติไทยเชื้อชาติไทยสายเลือดบริสุทธิ์ 4. ไม่มีถิ่นกำเนิดชนชาติไทยอยู่ทางใต้ของจีน 5. ไม่มีการรุกรานของจีนต่อชนชาติไทย @@@@@@@ ประวัติศาสตร์ไทย “ประวัติศาสตร์ไทย” ที่ใช้งานทุกวันนี้ไม่เป็นไปตามแนวคิด “ประวัติศาสตร์สยาม” เมื่อ 115 ปีที่แล้ว แต่ดำเนินตามประวัติศาสตร์ “ชนชาติไทย” (เชื้อชาติไทยสายเลือดบริสุทธิ์) มีถิ่นเดิมอยู่ทางตอนใต้ของจีน มีความเป็นมาโดยสรุป ดังนี้ (1.) นักค้นคว้าชาวยุโรป “เจ้าอาณานิคม” ค้นคว้าไว้ว่าถิ่นเดิมของไทยอยู่ทางตอนใต้ของจีน (2.) สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงแปลและเรียบเรียงเรื่องชนชาติไทยที่ชาวยุโรปค้นคว้าไว้ แล้วรวบรวมไว้ในพระนิพนธ์เรื่องตำนานหนังสือพระราชพงศาวดาร ว่าถิ่นเดิมของชนชาติไทยอยู่ทางตอนใต้ของจีน ต่อมาสถาปนาอาณาจักรน่านเจ้า โดยมีเบ้งเฮ็กเป็นชนชาติไทย หลังจากนั้นถูกจีนรุกรานโจมตียึดได้น่านเจ้า (3.) ประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทย ดำเนินเนื้อตามพระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (4.) หนังสือเรียนประวัติศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินเนื้อหาหลักตามประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพมีพระนิพนธ์เมื่อ 100 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2457) ว่าถิ่นเดิมของไทยอยู่ในจีนทางใต้ตั้งแต่แม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นดินแดนมณฑลเสฉวนและมณฑลยูนนาน เป็นต้น ขณะนั้นดินแดนที่เป็นประเทศไทยทุกวันนี้เป็นถิ่นฐานของขอมและลาว (https://www.matichonweekly.com/wp-content/uploads/2023/01/1673849830476.jpg) ประวัติศาสตร์สยามแนวก้าวหน้าแบบสากล มีในพระราชดำรัสของ ร.5 เมื่อสถาปนา “โบราณคดีสโมสร” พ.ศ.2450 [ภาพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับยังรัตนสิงหาสน์ พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท และโปรดให้ข้าราชการและราษฎรมณฑลกรุงเก่าเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ร.ศ.126 (พ.ศ.2450) จะคัดพระนิพนธ์เฉพาะตอนนี้มาไว้ด้วย (จัดย่อหน้าใหม่ ให้อ่านสะดวก) ดังนี้ “พงศาวดารสยามเมื่อก่อนพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา แผ่นดินอันเป็นที่ตั้งสยามประเทศนี้ แต่เดิมเป็นที่อยู่ของประชาชน 2 ชาติ คือ ขอมชาติ 1 ลาวชาติ 1 ชาติภูมิของขอมอยู่ที่แผ่นดินต่ำข้างใต้ คือที่เป็นเมืองเขมรเดี๋ยวนี้ และตามชายทะเลเข้ามาจนในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาข้างตอนใต้ ตลอดออกไปจนเมืองรามัญ ชาติภูมิของลาวอยู่ที่สูงข้างเหนือ ทางลุ่มแม่น้ำโขง ตั้งแต่เขาบรรทัดต่อแดนเมืองเขมรขึ้นมา คือในท้องที่มณฑลนครราชสีมาและมณฑลอุบล ร้อยเอ็ด อุดร ตลอดออกไปจนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ทางลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานี้ ท้องที่มณฑลพายัพก็เป็นเมืองลาวเดิม เขตลาวข้างใต้เห็นจะลงมาต่อขอมราวเมืองสวรรคโลกและเมืองตาก ชนชาติขอมและลาวเดิม เป็นอย่างไร จะรู้ได้ในเวลานี้แต่เพียงว่า บุคคลจำพวกที่เราเรียกว่า ข่า ขมุ เขมร มอญ เม็ง เหล่านี้ ภาษาที่พูดเป็นภาษาขอม จึงเข้าใจได้ว่า ชนชาติเหล่านี้เป็นเชื้อสายสืบมาแต่ขอม ส่วนลาวนั้น ลาวเดิมคือคนจำพวกที่เราเรียกทุกวันนี้ว่าลัวะ และ ละว้า เดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่ตามป่าตามเขาแทบทุกมณฑลที่เป็นเมืองลาวเดิม มีภาษาพูดภาษา 1 ต่างหากเหมือนกัน ชื่อที่เรียกว่า ลัวะ และ ละว้า ก็มาแต่คำเดียวกับลาวนั้นเอง จึงรู้ได้ว่าพวกนี้เป็นลาวเดิม ข้อนี้ ไทยเราชาวใต้ยังมักเข้าใจกันอยู่โดยมาก ว่าชาวเมืองที่อยู่ในมณฑลพายัพ มณฑลอุดร มณฑลร้อยเอ็ด และมณฑลอุบลทุกวันนี้เป็นลาว และเรียกเขาว่าลาว ที่จริงหัวเมืองมณฑลเหล่านั้นแต่โบราณเป็นเมืองลาวจริง แต่ชาวเมืองทุกวันนี้โดยมากเป็นไทย (และเขาถือว่าตัวเขาเป็นไทย) เหมือนกับเราชาวใต้ ส่วนไทยนั้น ทุกวันนี้ก็มีเป็นหลายพวก และเรียกกันเป็นหลายชื่อว่า โท ไทย ผู้ไทย พวน ฉาน เฉียง เงี้ยว ลื้อ เขิน เป็นต้น คนทุกจำพวกเหล่านี้ล้วนพูดภาษาไทย และมีเรื่องราวรู้ได้ว่าเป็นไทยทั้งนั้น ชาติภูมิเดิมของไทย อยู่ในแว่นแคว้นดินแดนที่เรียกทุกวันนี้ว่าประเทศจีนฝ่ายใต้ ตั้งแต่แม่น้ำยางสีมาทางเมืองเสฉวน เมืองฮุนหนำตลอดจนจดเมืองลาว ที่เหล่านี้ล้วนเป็นอาณาเขตเดิมของไทยทั้งนั้น” @@@@@@@ ประวัติศาสตร์ไทยสำนวนนี้ได้รับการสืบทอดต่อเนื่องยาวนานจนปัจจุบัน สร้างปัญหาบาดหมางกับเพื่อนบ้านโดยรอบ • ขอขอบคุณ :- ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 มกราคม 2566 คอลัมน์ : สุจิตต์ วงษ์เทศ เผยแพร่ : วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ.2566 website : https://www.matichonweekly.com/culture/article_641479 (https://www.matichonweekly.com/culture/article_641479) |