หัวข้อ: ธรรมอันน่าอัศจรรย์ ๘ ประการ ในธรรมวินัยนี้ที่ภิกษุอภิรมย์อยู่ | ปหาราทสูตร เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2023, 06:12:18 am (https://i.ytimg.com/vi/uV9guuASWlg/maxresdefault.jpg) ธรรมอันน่าอัศจรรย์ ๘ ประการ ในธรรมวินัยนี้ที่ภิกษุอภิรมย์อยู่ | ปหาราทสูตร สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ควงไม้สะเดา ที่นเฬรุยักษ์สิงสถิต ใกล้กรุงเวรัญชา ครั้งนั้น ท้าวปหาราทะจอมอสูร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท้าวปหาราทะจอมอสูรว่า "ดูกรปหาราทะ พวกอสูรย่อมอภิรมย์ในมหาสมุทร บ้างหรือ.?" ท้าวปหาราทะจอมอสูรกราบทูลว่า "พวกอสูรย่อมอภิรมย์ในมหาสมุทร ในมหาสมุทรมีธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ ที่อสูรอภิรมย์อยู่" ท้าวปหาราทะจอมอสูรทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า "ก็ภิกษุทั้งหลายย่อมอภิรมย์ในธรรมวินัยนี้ บ้างหรือ.?" พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า "ภิกษุทั้งหลายย่อมอภิรมย์ในธรรมวินัยนี้ ในธรรมวินัยนี้ มีธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ ที่ภิกษุเห็นแล้ว จึงอภิรมย์อยู่" @@@@@@@@ ๑. มหาสมุทรลาด ลุ่มลึกลงไปโดยลำดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว ฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีการศึกษา การกระทำ การปฏิบัติ ไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง ๒. มหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง ฉันใด สาวกทั้งหลายของเรา ฉันนั้นเหมือนกัน ไม่ล่วงสิกขาบทที่เราบัญญัติไว้แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต ๓. มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ เพราะในมหาสมุทร คลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบก ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน บุคคลผู้ทุศีล มีบาปธรรม มีสมาจารไม่สะอาดน่ารังเกียจ ปกปิดกรรมชั่ว มิใช่สมณะ แต่ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่ปฏิญญาว่าประพฤติพรหมจรรย์ เสียใน ชุ่มด้วยราคะ เป็นเพียงดังหยากเยื่อ สงฆ์ย่อมไม่อยู่ร่วมกับบุคคลนั้น ประชุมยกวัตรเธอเสียทันที ๔. แม่น้ำสายใหญ่ ๆ ไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละนามและโคตรเดิมหมด ถึงความนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน วรรณะ ๔ เหล่านี้ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ออกบวชเป็นบรรพชิตแล้ว ย่อมละนามและโคตรเดิมเสีย ถึงความนับว่าสมณศากยบุตรทั้งนั้น ๕. แม่น้ำทุกสายในโลก ย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทร และสายฝนจากอากาศตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็มิได้จะพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน ถึงแม้ภิกษุเป็นอันมากจะปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ นิพพานธาตุ ก็มิได้ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มด้วยภิกษุนั้น ๖. มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็ม ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน ธรรมวินัยนี้มีรสเดียว คือ วิมุตติรส ๗. มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน ธรรมวินัยนี้ก็มีรัตนะมากมายหลายชนิด รัตนะในธรรมวินัยนั้น มีดังนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ ๘. มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ ๆ ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกัน ธรรมวินัยนี้ก็เป็นที่พำนักอาศัยแห่งสิ่งมีชีวิตใหญ่ ๆ ดังนี้ คือพระโสดาบัน ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล พระสกทาคามี ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล พระอนาคามี ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล พระอรหันต์ ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์ ขอขอบคุณ : https://uttayarndham.org/buddhology/6484/ธรรมอันน่าอัศจรรย์-๘-ประการ-ในธรรมวินัยนี้ที่ภิกษุอภิรมย์อยู่-ปหาราทสูตร (https://uttayarndham.org/buddhology/6484/ธรรมอันน่าอัศจรรย์-๘-ประการ-ในธรรมวินัยนี้ที่ภิกษุอภิรมย์อยู่-ปหาราทสูตร) ปหาราทสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ ข้อที่ ๑๐๙ |