หัวข้อ: I told พระแม่ลักษมี & all my friends about you อันความรักมักมาพร้อมความ ว้าวุ่น เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2023, 07:23:38 am (https://media.thairath.co.th/image/lmRvpO1kLeWsckUp1V2eY7p1V2MZTGgZcusPwKp1V2YDtVWjuXnse9vA1.png) I told พระแม่ลักษมี & all my friends about you อันความรักมักมาพร้อมความ ‘ว้าวุ่น’ Summary • ล้ม-ลุก-ทุกข์-cry คือคอลัมน์ว่าด้วยความทุกข์และความแซดในสังคมสมัยใหม่ เขียนโดย ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์ กองบรรณาธิการไทยรัฐพลัส ผู้มีขวบวัยอยู่ในกลุ่มก้อนที่ใครๆ ก็เรียกว่าเป็น ‘Sad Generation’ แต่กลับเชื่ออย่างยิ่งว่าพวกเราต่างล้ม พร้อมๆ กับที่พยายามลุก และเมื่อทุกข์ เราก็แค่ Cry • สัปดาห์นี้ว่ากันด้วยคำว่า ‘ว้าวุ่น’ หรืออาการกระสับกระส่าย กระวนกระวาย และพฤติกรรมทั้งหลายที่มักเกิดขึ้นเมื่อเราตกอยู่ในห้วงรัก ตั้งแต่การไป ‘มู’ ตามวลี ‘I told พระแม่ลักษมี about you’ ไปจนถึงการ ‘งอแง’ กับเพื่อนสนิท ซึ่งแม้จะเป็นพฤติกรรมที่ดูไม่ค่อยเท่ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของความรักที่เราควรโอบกอด ถ้าจะมีเรื่องใดในชีวิต ที่พาให้คนเราตกอยู่ในห้วงอารมณ์อันเข้มข้น และมีอาการกระวนกระวายอย่างไม่น่าเชื่อ หนึ่งในนั้นคือเรื่อง ‘ความรัก’ แบบไม่ต้องสืบ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นคนเท่มาจากไหน ความรักจะทำให้คุณมีช่วงเวลาอัน ‘ไม่เท่’ เป็นของตัวเองสักครั้ง หลายคนเปิดเผยเรื่องความรักในเวลาที่รักดูจะลงตัวสมหวัง หรือไม่ก็แตกหักพังทลายกันไปข้าง เราอาจอธิบายความสุขสมหรือขมขื่นแบบนั้นได้เป็นฉากๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วยังมีช่วงเวลาอีกแบบ ที่ค่อนข้างจะส่วนตัว อธิบายยากกว่าสักหน่อย (แต่เข้าใจได้ไม่ยาก) และมักมีแต่คน ‘วงใน’ ใกล้ชิดที่ได้รับรู้ เรากำลังพูดถึงช่วงเวลาการตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ช่วงเวลาที่เรายังไม่รู้ว่าความสัมพันธ์นี้จะออกหัวออกก้อย หรือช่วงเวลาที่ความรักทำให้เรากลายเป็นคนอ่อนหัดจนไม่อยากให้ใครได้เห็นนั่นแหละ ฉันมักเรียกอาการตกหลุมรัก กระวนกระวาย กระสับกระส่าย อยู่ในห้วงรักอย่างแรงกล้า รอเขาตอบข้อความอย่างใจจดจ่อ และรอเขาตอบรักอย่างใจจดจ่อยิ่งกว่า ว่าช่วงเวลา ‘ว้าวุ่น’ ความว้าวุ่นมันอึดอัดนะคะ แต่ก็มีสุขสมซ่อนอยู่ เป็นสุขแบบที่ทำให้เราเขินอายม้วนต้วนเล็กๆ เมื่อได้นึกถึง แต่ก็เป็นความอึดอัดชนิดที่ไม่รู้จะอธิบายให้คนอื่นฟังอย่างไร ไม่รู้จะจัดการกับตัวเองอย่างไรด้วย เมื่อนั้นแหละที่พฤติกรรมความว้าวุ่นเริ่มต้นขึ้น @@@@@@@ ตัวอย่างแรกๆ ที่ฉันนึกถึง ก็ไม่พ้นเทรนด์ที่กำลังฮิตเป็นพิเศษในหมู่เพื่อนๆ ของฉันและวัยรุ่นทั่วไป นั่นคือการไปขอพรเรื่องความรักจากเทพต่างๆ และเทรนด์นี้ก็ทำให้ข้อความ แสนหวาน ‘I told sunset about you’ ที่หลายคนชอบเขียนเป็นสเตตัสหรือใส่เป็นแคปชั่นใต้ภาพ เพื่อแอบส่งความคะนึงหาถึงใครอีกคนลอยๆ ต้องแปรเปลี่ยนเป็น ‘I told พระแม่ลักษมี about you’ -- เล่าเรื่องเธอให้ตะวันตกดินฟังมันจะไปช่วยอะไร เล่าให้เทพฟังสิเห็นผลทันใจ (หรืออย่างน้อยก็สบายใจแน่ๆ) พระแม่ลักษมีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพีแห่งความร่ำรวย โชคชะตา ความงาม และความรัก น่าจะปวดหัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะยามที่หลายคนว้าวุ่นและอับจนหนทาง การขอพรกับพระแม่หรือกระทั่งเทพองค์อื่นๆ ดูจะเป็นวิธีดับร้อนรนที่เห็นผลชะงัด เหมือนมีพลังอำนาจอันมองไม่เห็นคอยหนุนหลัง แม้ว่าตามปกติอาจไม่ได้อินกับศรัทธาและความเชื่อแขนงต่างๆ ก็ตาม นอกจากการไปขอพรแล้ว หลายคนยังกระทำความมูเตลูอีกหลายอย่าง เช่น ไปดูดวง เปิดไพ่ หรือไม่ก็ดูคลิปวิดีโอทำนายความรักในยูทูบ ไม่ว่าจะดวงความรักประจำเดือน หรือคลิป ‘Pick a card’ ที่จะทำนายดวงตามการเลือกกองไพ่ เพื่อนของฉันคนหนึ่งถือเอา Pick a card เป็นเข็มทิศความรัก โดยเฉพาะเวลาที่ระบายความในใจให้มนุษย์คนอื่นฟังเป็นรอบที่ร้อย แต่ก็ยังไม่หายว้าวุ่นใจเสียที กองการ์ดที่สุ่มเลือกและบังเอิญมีเนื้อหาตรงกับสถานการณ์จึงกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอสงบใจลงได้ “ถ้าดูหลายๆ คลิปแล้วมันตรงกัน ก็สบายใจอะมึง” เธออธิบายอย่างนั้น @@@@@@@ บางคนอาจมองว่าสิ่งเหล่านี้คือความงมงาย บ้างอาจคิดว่ามันไร้สาระ และที่สำคัญคือมันโคตรจะ ‘ไม่เท่’ แต่เมื่อจับจ้องให้ดีๆ มันก็เข้าใจได้ไม่ยากนัก ความรักเป็นเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อน ใช่ว่าทุกครั้งที่เราปลูกต้นรัก แล้วหมั่นรดน้ำพรวนดิน มันจะงอกเงยเป็นผลของความรักมาให้เราเด็ดชิม และหากมันเป็นเกมที่เราหงายการ์ดบนหน้าตักไปแล้วทุกใบ สิ่งที่เราทำได้ก็มีเพียงการรอคอยว่าจะ ‘ได้’ หรือจะ ‘เสีย’ ในภาวะแบบนี้ การอยู่เฉยแล้วบอกตัวเองอย่างสงบใจว่า ‘เราทำดีที่สุดแล้ว เขาต้องรักเราตอบแน่ หรือหากไม่รักก็เรื่องของเขา’ คือเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้สำหรับหลายคน เพราะฉะนั้น การเอาพลังงานความว้าวุ่นทั้งหมดส่งผ่านไปกับถาดของไหว้ ยามที่พราหมณ์วัดแขกเจิมหน้าผากของเราเป็นจุดวงกลมสีแดง หรือยามที่กองไพ่ทายทักและตักเตือน มันจึงเหมือนการได้ลงมือทำอะไรสักอย่างให้ตัวเองและความรัก โดยไม่ต้องนั่งรออยู่เฉยๆ Told พระแม่ลักษมี about you แล้ว เดี๋ยวท่าน activate พรที่ขอไปเมื่อไหร่ เขาก็เสร็จเรา -- เรื่องมันก็เท่านี้ "ความรักเป็นเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อน ใช่ว่าทุกครั้งที่เราปลูกต้นรัก แล้วหมั่นรดน้ำพรวนดิน มันจะงอกเงยเป็นผลของความรักมาให้เราเด็ดชิม และหากมันเป็นเกมที่เราหงายการ์ดบนหน้าตักไปแล้วทุกใบ สิ่งที่เราทำได้ก็มีเพียงการรอคอยว่าจะ ‘ได้’ หรือจะ ‘เสีย’" นอกจากพระแม่ลักษมีแล้ว บุคคลผู้เห็นความว้าวุ่นของเราเต็มสองตา และอาจชัดยิ่งกว่าเทพองค์ไหนๆ คือ ‘เพื่อนสนิท’ หรือใครสักคนที่เราไว้ใจจะพูดคุยเรื่องความรักความสัมพันธ์ด้วย ยิ่งถ้าเรารู้ว่าใครคนนั้นคือพื้นที่ปลอดภัย ที่เราจะสามารถงี่เง่างอแงได้สักหน่อย เขายิ่งน่าจะเป็นผู้กุมความ ‘ไม่เท่’ ของเราเอาไว้มากทีเดียว @@@@@@@ บางทีการชวนเพื่อนสนิทกินข้าวเย็น อาจแปลได้ว่า ‘ช่วยด้วย ว้าวุ่นจนจะสำรอกออกมาเป็นชื่อเขาแล้ว’ บางทีการรัวแชตใส่เพื่อนสนิทอย่างไร้บริบท ก็เกิดขึ้นหลังจากที่เราส่งข้อความหาคนในใจ แล้วได้แต่นั่งลุ้นอย่างกระวนกระวาย -- เขาจะอ่านหรือยัง อ่านแล้วทำไมเขายังไม่ตอบ -- เวลาสั้นๆ อันเป็นช่องว่างแสนว่างเปล่าระหว่างเรากับใครคนหนึ่ง มักมีเพื่อนสนิทคอยสแตนด์บายอยู่เสมอ และบางที ความหวาดกลัวของเรา ไม่ว่าจะหวาดกลัวในรัก หวาดกลัวในความผิดหวัง กระทั่งหวาดกลัวว่าเราจะไม่ดีพอ ก็มาในรูปแบบของการโทรไปพูดไม่ได้ศัพท์ให้เพื่อนสนิทฟัง ขึ้นต้นด้วยคำว่า ‘มึงงงง.....’ ‘เธออออ.....’ หรือชื่อของเพื่อนสักคน แล้วลงท้ายที่ความสบายใจ ไม่ร้อนรนอย่างเคย แม้ฟังดูเหมือนเพื่อนสนิทจะต้องรับภาระและก้อนความว้าวุ่นขนาดใหญ่ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่พวกเขาเข้าใจมันดี นั่นก็เพราะความว้าวุ่นเหล่านี้น่าจะเคยเกิดขึ้นกับพวกเขาเช่นกัน อาจต่างกรรม ต่างวาระ แต่ไม่น่าจะเท่ไปกว่ากันสักเท่าไร ต่อให้คุณจะมูเตลูสักเก้าวัด เพ้อรำพันด้วยภาษาชวนเวียนหัว กระวนกระวายจนเพื่อนถอนใจด้วยความรำคาญ ทั้งหมดนั้นไม่ได้เกินกว่าที่มนุษย์สักคนจะเข้าใจ เพราะเราต่างมีช่วงเวลาอัน ‘ไม่เท่’ เป็นของตัวเอง หากคุณไม่เขินอายจนเกินไปละก็ วันนี้ลองเปิดแชตเข้าไปอ่านสิ่งที่ตัวเองพิมพ์หาเพื่อนสนิทดูสักทีสิ คุณอาจส่ายหัวให้ตัวเองที่ดูจะ ‘เป็นเอามาก’ คุณอาจพบความอ่อนไหว แบบที่คุณในยามนิ่งสงบจินตนาการไม่ถึง คุณอาจพบความว้าวุ่นที่เพื่อนสนิทจะเรียกว่าความ ‘ประสาทแดก’ แต่คุณจะได้พบกับหน้าตาของความรัก ชัดเสียยิ่งกว่าตอนที่คุณสบตาตัวเองในกระจก @@@@@@@ “อย่างเพิ่งทิ้งชั้น” เพื่อนคนหนึ่งพิมพ์ข้อความนี้มา หลังจากฉันได้เขย่าความว้าวุ่นออกไปจากจิตใจของเธอ และเอ่ยขอให้เธอตั้งสติ “เออๆ...ไม่ได้ทิ้ง” ตอบกลับไปอย่างนั้น ทั้งด้วยรำคาญใจ ด้วยเข้าใจ และด้วยรู้ว่าบางครั้งตัวเองก็ไร้สติเช่นนั้น -- หรือยิ่งกว่านั้น -- เหมือนกัน "ต่อให้คุณจะมูเตลูสักเก้าวัด เพ้อรำพันด้วยภาษาชวนเวียนหัว กระวนกระวายจนเพื่อนถอนใจด้วยความรำคาญ ทั้งหมดนั้นไม่ได้เกินกว่าที่มนุษย์สักคนจะเข้าใจ เพราะเราต่างมีช่วงเวลาอัน ‘ไม่เท่’ เป็นของตัวเอง" แม้จะมีหลักฐานความว้าวุ่นให้เขียนถึงอีกมากมาย แม้จะมีอีกหลากหลายพฤติกรรมที่คนเรามักทำยามตกหลุมรัก แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดท่ามกลางความว้าวุ่นคือการเข้าใจตัวเอง และเข้าใจว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความรัก เข้าใจตัวเราที่ต้องเจอความสับสนและอึดอัด ซึ่งปะปนมากับความตื่นเต้นและเขินอาย เข้าใจตัวเรายาม ‘ไม่เท่’ ไม่ว่าจะเป็นการคิดถึงเขาตลอดเวลา อยากให้เขาตอบข้อความเร็วๆ กระวนกระวายไม่เป็นทำอะไร หรือใช้หัวใจนำเหตุผล ฯลฯ เข้าใจตัวเราที่อาจหวาดกลัวในรัก จนต้องไปขอพรกับเทพสักองค์ หรือให้ไพ่และคำทำนายเรียกความมั่นใจคืนมาให้ และเข้าใจตัวเรา ที่ต้องย้ายจากบทบาทคนเข้มแข็งไปพึ่งพิงเพื่อน จำนนให้กับความอ่อนไหวอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งหมดนี้ไม่เห็นจะเป็นไร ตราบใดที่เราตระหนักว่าความรักมักมาพร้อมความว้าวุ่นเสมอ และในเมื่อทั้งรักและว้าวุ่นไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป หากมันมาเมื่อไหร่ ก็โอบกอดมันไว้อย่างเข้าใจไม่ดีกว่าหรือคะ RELATED - I can buy myself flowers หลังห่าฝนแห่งความรัก ดอกไม้ที่ซื้อให้ตัวเองจะงามที่สุดเสมอ (https://plus.thairath.co.th/topic/spark/102721) - ถึงผู้ใหญ่ที่แซดอย่างบ่อย จากเด็กที่เคย ‘ไม่กลัวล้ม’ และยังคงซ่อนอยู่ในเราเสมอ (https://plus.thairath.co.th/topic/spark/102667) Thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/spark/102774 Thairath Plus › Spark Lifestyle | 11 ก.พ. 66 | creator : ศุภาวรรณ คงสุวรรณ์ |