หัวข้อ: ‘สังสรรค์กับที่ทำงาน’ บ่อยๆ ช่วยให้ ‘ก้าวหน้าในอาชีพ’ จริงหรือ.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 24, 2023, 06:03:58 am (https://media.thairath.co.th/image/Mb2FKp1V2WJiwUPN8UN4mrOkWyv2tf1w6tVpp1V2cPrjPnMRge9vA1.png) ‘สังสรรค์กับที่ทำงาน’ บ่อยๆ ช่วยให้ ‘ก้าวหน้าในอาชีพ’ จริงหรือ.? Summary - ค่านิยมที่ว่า การสังสรรค์ กับที่ทำงานบ่อยๆ ในด้านหนึ่งถูกมองว่าเป็นวิธีสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร และอาจมีผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพ ซึ่งหมายถึงรายได้จากการทำงานจะต้องเพิ่มขึ้นไปด้วย - มีงานวิจัยที่ศึกษาคนทำงานชายอายุ 25-59 ปี จำนวน 3,500 คน ในญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการสังสรรค์กับที่ทำงานที่เข้มแข็ง งานศึกษานี้พยายามหาคำตอบว่า การสังสรรค์กับที่ทำงานถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความก้าวหน้าในองค์กรหรือไม่? คนทำงานที่ดื่มสังสรรค์บ่อยๆ กับคนทำงานที่ไม่ค่อยดื่มสังสรรค์ จะมีความแตกต่างกันในแง่ของชั่วโมงการทำงานหรือรายได้หรือเปล่า? เราชวนมาอ่านบทความนี้เพื่อหาคำตอบกัน การมุ่งหน้าไปที่บาร์หรือร้านอาหารเพื่อดื่มหลังเลิกงาน เป็นเรื่องปกติในสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับชาวตะวันออกหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน การดื่มสังสรรค์กับที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หรือผู้ที่มีตำแหน่งงานสูงกว่า ในด้านหนึ่งถูกมองว่าเป็นวิธีสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร และอาจมีผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพ อย่างในญี่ปุ่น มีวัฒนธรรม ‘โนมิไก’ (飲み会 - Nomikai) ซึ่งเป็นการดื่มกินหลังเลิกงาน ทั้งกับคนในองค์กร หรือกับลูกค้า ตามแบบฉบับของชาวญี่ปุ่น โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาหรือตัวแทนบริษัทคู่ค้าคอยดูแลเอาใจใส่ระหว่างการสังสรรค์ ซึ่งมีการตีความตามหลักด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ มองว่า งานสังสรรค์แบบโนมิไกที่มี ‘เครื่องดื่มแอลกอฮอล์’ เป็นแกนกลางนั้น จะช่วยผ่อนคลายจากความเครียด คู่สนทนาต่างเปิดใจ ทลายกำแพงการสื่อสาร ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้า หรือบุคลากรในองค์กร "มีการตีความตามหลักด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ มองว่า งานสังสรรค์แบบโนมิไกที่มี ‘เครื่องดื่มแอลกอฮอล์’ เป็นแกนกลางนั้น จะช่วยผ่อนคลายจากความเครียด คู่สนทนาต่างเปิดใจ ทลายกำแพงการสื่อสาร ซึ่งจะมีประโยชน์สำหรับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้า หรือบุคลากรในองค์กร" เกาหลีใต้ มีวัฒนธรรม ‘ฮเวชิก’ (회식 - Hoesik) อันเป็นการรวมตัวสังสรรค์หลังเลิกงาน ที่ได้สถาปนาเป็นวัฒนธรรมย่อยภายในองค์กรของเกาหลีใต้มาตั้งแต่ยุค 1980s เป็นต้นมา ซึ่งว่ากันว่า ในยุคสมัยใหม่ของเกาหลีใต้ วัฒนธรรมฮเวชิกนี้ได้รับอิทธิพลมาจากการทหารที่เน้นสายการบังคับบัญชา ปาร์ตี้สไตล์นี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการ ‘ดื่มหนัก’ และการ ‘บังคับดื่ม’ แต่ถึงอย่างนั้น วัฒนธรรมฮเวชิกเคยถูกมองว่าอาจช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในองค์กร เพิ่มความสนิทสนมและแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างผู้บังคับบัญชา หรือกับพนักงานด้วยกันได้ เพิ่มความเข้าใจแก่สมาชิกในทีม และช่วยให้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น ลดความเครียดและขจัดความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือระหว่างแผนก รวมทั้งสร้างความสามัคคีและสร้างความทุ่มเทให้กับองค์กร ส่วนในจีน วัฒนธรรมการดื่มกับที่ทำงาน ก็คล้ายคลึงกับวัฒนธรรม ‘โนมิไก’ และ 'ฮเวชิก' ซึ่งถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนร่วมงานด้วยเช่นกัน โดยพนักงานที่มีอาวุโสน้อยกว่ามักแสดงความเคารพผู้อาวุโสกว่า ด้วยการดื่มอวยพร และนักธุรกิจที่ต้องการเอาใจลูกค้าก็จะทำแบบเดียวกัน @@@@@@@ งานวิจัยตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีคำถามที่ว่า การสังสรรค์กับที่ทำงานเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความก้าวหน้าในองค์กรหรือไม่? นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้พยายามหาคำตอบในเรื่องนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมการดื่ม และระดับรายได้จากการทำงาน (ที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าในอาชีพ) ของคนทำงานชายในญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ โดยการศึกษานี้กลับพบว่า ผู้ที่สังสรรค์กับที่ทำงานบ่อยๆ ไม่ได้มีสถานะทางการเงินที่ดีกว่าคนทำงานที่ไม่ชอบสังสรรค์กับที่ทำงาน “เราไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มสังสรรค์ กับการมีโอกาสมากกว่าในตลาดแรงงาน” ไดอิจิ คาวางูชิ (Daiji Kawaguchi) ศาสตราจารย์สาขาเศรษฐศาสตร์จาก Graduate School of Public Policy แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวกล่าว “แม้จะมีการรับรู้อย่างกว้างขวางว่า การดื่มเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสื่อสารทางธุรกิจในเอเชียตะวันออก แต่เราก็ไม่พบหลักฐานที่สนับสนุนแนวคิดนี้ นอกจากนี้ การวิจัยด้านสุขภาพพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก ก็ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผมจึงคิดว่านี่เป็นความรู้ที่สำคัญ เมื่อคนเราตัดสินใจว่าจะดื่มหรือไม่” คาวางูชิกล่าว (https://media.thairath.co.th/image/EzEs1a2h7zXTw1xZCSdxJlcp1V2ROE65Ps1a2hUzRNK5Inpoh3Ysgwe9vA1.jpg) คนทำงานสังสรรค์บ่อย มีความทนทานต่อแอลกอฮอล์สูง แต่ไม่มีผลต่อรายได้จากการทำงาน งานศึกษาชิ้นนี้ ได้สำรวจผู้ชายวัยทำงานอายุ 25-59 ปี จำนวน 3,500 คน ในไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ด้วยแบบสอบถาม 45 ข้อ ที่รวมถึงคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ พฤติกรรมการดื่ม การเงิน และชั่วโมงทำงานประจำสัปดาห์ นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามยังจะได้ตรวจสอบความทนทานต่อแอลกอฮอล์ของตนเอง โดยใช้แผ่นแปะทดสอบแอลกอฮอล์ด้วย การศึกษานี้ให้ความสนใจแก่ผู้ชายในเอเชียเป็นพิเศษ ไม่เพียงเพราะวัฒนธรรมการดื่มที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะโรค ‘แอลกอฮอล์ฟลัช’ (Alcohol Flush) หรือกลุ่มอาการ ‘เอเชียนฟลัช’ (Asian flushing syndrome - AFS) ซึ่งทำให้ใบหน้าของคนเปลี่ยนเป็นสีแดง และปวดศีรษะอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีความเจ็บป่วยและอาการอื่นๆ เนื่องจากพันธุกรรมที่ภายในร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนรูปแอลกอฮอล์ได้ (โดยปกติแล้ว แอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปจะถูกแปลงเป็นอะซิทัลดีไฮด์ [Acetaldehyde] ก่อนที่จะแปลงไปเป็นอะซิเตต [Acetate] ซึ่งกระบวนการนี้เกิดขึ้นที่ตับ แต่คนที่มีอาการ AFS คือคนที่ร่างกายไม่มีกระบวนการเปลี่ยนไปเป็นอะซิเตต ซึ่งอะซิทัลดีไฮด์จะถูกสะสมอยู่ในร่างกายมากกว่าคนอื่นๆ) "มีข้อมูลที่ระบุว่า คนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 18-24 ปี ในประเทศรายได้สูงอย่างยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ดื่มแอลกอฮอล์ลดลง หลังความนิยมในการดื่มสังสรรค์นี้ขึ้นสู่ถึงจุดสูงสุดเมื่อราวปี 2003" “เราต้องการทราบว่าผู้ที่มีความทนทานต่อแอลกอฮอล์สูง มีรายได้สูงเป็นพิเศษหรือไม่” คาวางูชิอธิบาย “แม้ว่าผลลัพธ์ของเรา จะแสดงให้เห็นว่าผู้ชายที่ทนต่อแอลกอฮอล์จะดื่มบ่อยกว่า และในแต่ละครั้งก็ยังมากกว่าผู้ชายที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญจากทั้ง 3 ประเทศ ในแง่ของชั่วโมงการทำงานหรือรายได้ระหว่างพวกเขา” นอกจากนี้ ประมาณ 52 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามในญี่ปุ่นและไต้หวัน และประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ในเกาหลีใต้มีอาการแพ้แอลกอฮอล์ ซึ่งนักวิจัยกล่าวว่าสอดคล้องกับตัวเลขที่รายงานในเอกสารทางการแพทย์ แต่ถึงอย่างนั้น ข้อจำกัดของการศึกษานี้ ก็คือกลุ่มตัวอย่างชาวเกาหลีใต้มีขนาดเล็กกว่า (ประมาณ 500 คน เทียบกับ 1,000 คนจากไต้หวัน และ 2,000 คนจากญี่ปุ่น) เพราะทำการศึกษาเฉพาะในกรุงโซล “เราอยากจะทำการวิเคราะห์ในลักษณะเดียวกันนี้อีกครั้ง” คาวางูชิกล่าว “ในครั้งหน้าเราหวังว่าจะได้ทำการศึกษาด้วยชุดข้อมูลที่ใหญ่ขึ้น และร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลธนาคารจีโนม และความสามารถในการเปลี่ยนรูปแอลกอฮอล์ ร่วมกับผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจและสังคม” @@@@@@@ คนรุ่นใหม่ในประเทศรายได้สูง ดื่มน้อยลง ณ ปัจจุบัน มีแนวโน้มที่คนรุ่นใหม่ในประเทศที่มีรายได้สูง จะดื่มสังสรรค์น้อยลง จากการรายงานของสื่อ The Conversation เมื่อปี 2022 มีข้อมูลที่ระบุว่า คนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 18-24 ปี ในประเทศรายได้สูงอย่างยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ดื่มแอลกอฮอล์ลดลง หลังความนิยมในการดื่มสังสรรค์นี้ขึ้นสู่ถึงจุดสูงสุดเมื่อราวปี 2003 ส่วนในญี่ปุ่นตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็กำลังหดตัวลงด้วยเช่นกัน เนื่องจากสัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น สวนทางกับอัตราเด็กเกิดใหม่ลดลง ตัวเลขจากกรมสรรพากรของญี่ปุ่นระบุว่า สถิติการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของชาวญี่ปุ่นในปี 2020 ต่ำกว่าตัวเลขในปี 1995 ที่คนญี่ปุ่นเคยดื่มอยู่ที่ 100 ลิตร/ปี โดยตัวเลขลดลงมาเหลือเพียง 75 ลิตร/ปี ขณะที่รายได้ภาษีที่จัดเก็บจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ลดลงในช่วงที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน ซึ่งสื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นชี้ว่า รายได้ภาษีจากแอลกอฮอล์เคยมีสัดส่วน 5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดในปี 1980 แต่สัดส่วนดังกล่าวลดลงมาเหลือเพียง 1.7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 - ด้วยเหตุที่กล่าวมา ในปี 2022 หน่วยงานภาษีแห่งชาติของญี่ปุ่น จึงได้สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ในประเทศดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น (เนื่องจากรายได้จากการเก็บภาษีที่ลดลง) "ส่วนตัวผมสนุกกับการดื่มสังสรรค์ แม้จะแพ้แอลกอฮอล์ก็ตาม" คาวางูชิสรุป “อย่างไรก็ตาม ไม่ควรมีใครถูกกดดันให้ดื่ม” อ้างอิง :- - As young people in rich countries drink less alcohol, elsewhere youth drinking is on the rise – podcast (The Conversation, 1 December 2022) - Is Asian flushing syndrome a disadvantage in the labor market? (Daiji Kawaguchi · Jungmin Lee · Ming-Jen Lin · Izumi Yokoyama, Health Economics, 25 April 2023) - Better social drinkers don’t earn more (University of Tokyo, 25 April 2023) - Does drinking with co-workers really lead to more financial success? (John Anderer, Study Finds, 26 April 2023) - บังคับดื่มเหล้ากับที่ทำงาน การสานสัมพันธ์หรือคุกคามสิทธิพนักงาน? (ไวอี้ ยิป, บีบีซี นิวส์, 4 ตุลาคม 2564) - ใช่ว่าพนักงานทุกคนจะชื่นชอบ ‘การดื่มสังสรรค์กับที่ทำงาน’ หนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรของคนเอเชียที่เริ่มถูกตั้งคำถาม (วิทย์ บุญ, ไทยรัฐพลัส, 24 พฤศจิกายน 2565) - ทำไมรัฐบาลญี่ปุ่นกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ดื่มน้ำเมา (บีบีซี นิวส์, 18 สิงหาคม 2565) Thank to : https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/103198 Thairath Plus › Everyday Life › workspace Lifestyle 19 พ.ค. 66 | creator : วิทย์ บุญ |